ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเยซู"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ย้อนการแก้ไขที่ 6991153 สร้างโดย 223.207.201.48 (พูดคุย)
บรรทัด 6:
คำว่า "เยซู" มาจากคำใน[[ภาษากรีก]]คือ "เยซุส" ''Ιησους'' [Iēsoûs] ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ใน[[ภาษาแอราเมอิก]]หรือ[[ภาษาฮีบรู|ฮีบรู]]อีกทอดหนึ่ง คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า "ยาซูอฺ" ตาม[[ภาษาซีรีแอก]] ส่วนชาวอาหรับ[[มุสลิม]]เรียกว่า "[[อีซา]]" ตาม[[อัลกุรอาน]] ความหมายคือ "ผู้ช่วยให้รอด" เป็นชื่อที่ใช้กันมากในหมู่ชาวยิวตั้งแต่สมัยโยชูวาเป็นต้นมา [[ภาษาละติน]]แผลงเป็นเยซูส ภาษาโปรตุเกสแผลงต่อเป็นเยซู ภาษาไทยทับศัพท์ภาษาโปรตุเกสมาจนทุกวันนี้ ส่วนคำว่า "คริสต์" เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า "คริสตอส" ''Χριστός'' [Christos] ซึ่งเป็นคำแปลของคำ[[ภาษาฮีบรู]] ''Messiah'' อันหมายถึง "ผู้ได้รับการเจิม" ชาวอาหรับเรียกว่า "มะซีฮฺ" ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สูงส่ง เช่น [[พระมหากษัตริย์]] [[ปุโรหิต]] [[ผู้เผยพระวจนะ]] เป็นต้น
 
เมื่อ[[ราชอาณาจักรยูดาห์]]เสียแก่[[บาบิโลน]] ก็สิ้นกษัตริย์ที่ได้รับการเจิม ต่อจากนั้นชาวยิวก็โหยหาพระ[[เมสสิยาห์]]ที่จะมาสร้างอาณาจักรใหม่ของพระเจ้า "[[พระคริสต์]]" จึงเป็นชื่อตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อตัวบุคคล [[ผู้นิพนธ์พระวรสารสี่ท่าน]]มักเรียกพระองค์ว่า "พระเยซู" และเพื่อให้แตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่ชื่อเหมือนกัน ก็เรียกเป็น "พระเยซูชาวนาซาเรธ" หรือ "พระเยซูบุตรของ[[นักบุญโยเซฟ|โยเซฟ]]" แต่นักบุญเปาโลหรือ[[เปาโลอัครทูต]]มักเรียกพระองค์ว่า "พระคริสต์" หรือ "พระเยซูคริสต์" ที่เรียกว่า "พระคริสต์เยซู" ก็มี
 
== ประวัติของพระเยซู ==
บรรทัด 16:
ต่อมามีทูตองค์หนึ่งปรากฏแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า “จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหากุมาร เพื่อจะประหารชีวิตเสีย” <ref>มัทธิว 2:13-15</ref> โยเซฟจึงพากุมารและมารดาหนีไปยังประเทศอียิปต์ เนื่องจากกษัตริย์เฮโรดทราบว่าได้มีกุมารผู้ที่บังเกิดมาเพื่อจะเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิว และทราบจากบรรดามหา[[ปุโรหิต]]และพวก[[ธรรมาจารย์]]ว่า กุมารนั้นอยู่ที่เบธเลเฮม จึงใช้ให้คน[[การประหารทารกผู้วิมล|ไปฆ่าเด็กผู้ชายทั้งหลายในบริเวณนั้น]]ที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมา ครั้นเฮโรดสิ้นพระชนม์แล้ว ทูตองค์หนึ่งปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า “จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดามายังแผ่นดินอิสราเอล เพราะผู้ที่เป็นภัยต่อชีวิตของกุมารนั้นตายแล้ว” <ref>มัทธิว 2:19-23</ref> โยเซฟจึงพากุมารกับมารดากลับมาอยู่เมืองนาซาเร็ธ
 
เรื่องราวใน[[คัมภีร์ไบเบิล]]ภาค[[พันธสัญญาใหม่]] ที่บันทึกเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูในช่วงระยะเวลาตั้งแต่อายุ 12 ปีจน[[พระเยซูทรงรับบัพติศมา]]ที่[[แม่น้ำจอร์แดน]]ไม่ได้ถูกบันทึกไว้มากนัก มีบันทึกไว้เพียงว่า พระนางมารีย์ตามหาพระองค์ในวิหารและเรียกให้กลับบ้าน พระองค์ตอบว่า "แม่รู้ว่าเราคือใคร" แต่พระนางมารีตอบว่า เรารู้ว่าท่านคือใคร แต่ในเวลานี้ท่านคือบุตรของเรา" พระองค์ดำรัสว่า "ถ้าเช่นนั้นลูกจะปรนนิบัติแม่" ชาวคริสต์เรียกช่วงเวลานี้ว่าพระชนม์ชีพเร้นลับของพระเยซู ซึ่งมีพระชนม์ชีพอยู่แต่ในเมืองนาซาเร็ธ แต่เรื่องราวของพระเยซูตั้งแต่รับบัพติสมาจนสิ้นพระชนม์ที่กางเขน แล้วกลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพอีกครั้งถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด
 
=== ประกอบพระภารกิจ ===
[[พระเยซูทรงรับบัพติศมา]]ศมาเมื่ออายุได้ 30 ปีจาก[[ยอห์นผู้ให้บัพติศมา]]ที่[[แม่น้ำจอร์แดน]] “ครั้นพระองค์ทรงรับ[[พิธีบัพติศมา]]ในน้ำแล้วในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบ ลงมาสถิตอยู่บนพระองค์” <ref>มัทธิว 3:13-17</ref> หลังจากนั้นพระเยซูเสด็จไปในถิ่นทุรกันดาร เป็นเวลาถึงสี่สิบวันสี่สิบคืนโดยไม่ได้เสวยอะไรเลย แต่กลับมีมารมาผจญพระองค์โดยการล่อลวงต่าง ๆ นา ๆ เพื่อหวังให้พระเยซูกราบลงนมัสการมาร แต่พระเยซูได้ตอบโต้มารด้วยพระธรรมจาก[[คัมภีร์ฮีบรู]] จนมารเห็นว่ามิอาจล่อลวงพระองค์ได้จึงละพระองค์ไป <ref>ลูกา 4:1-13</ref>
 
พระองค์ทรงเริ่มพระกิจจานุกิจโดยออกสั่งสอนชนทั้งปวงให้กลับใจจากความบาป แล้วเดินตามทางของพระเจ้าอย่างแท้จริง อย่าแสร้งทำเป็นนับถือพระเจ้าแต่ปาก “ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของเขาห่างไกลจากเรา” <ref>มัทธิว 15:7-9</ref> ทรงสอนมิให้ทำตนเป็นเหมือนพวกหน้าซื่อใจคด “เหตุฉะนั้น ทุกสิ่งซึ่งเขาสั่งสอนพวกท่าน จงถือประพฤติตาม เว้นแต่การประพฤติของเขาอย่าได้ทำตามเลย เพราะเขาเป็นแต่ผู้สั่งสอน แต่เขาเองหาทำตามไม่” <ref>มัทธิว 23:3</ref> พระองค์ยังตรัสพระธรรมคำสั่งสอนและทรงพระราชกิจไว้อีกมากมาย ซึ่งถูกบันทึกไว้ใน[[คัมภีร์ไบเบิล]]ภาค[[พันธสัญญาใหม่]] โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนังสือ 4 เล่มแรก ได้แก่ [[พระวรสารนักบุญมัทธิว|มัทธิว]] [[พระวรสารนักบุญมาระโก|มาระโก]] [[พระวรสารนักบุญลูกา|ลูกา]] และ[[พระวรสารนักบุญยอห์น|ยอห์น]]
บรรทัด 26:
 
=== สิ้นพระชนม์ ===
ผลของการที่พระเยซูออกประกาศ, สั่งสอน, รักษาโรค และทำการต่าง ๆ มากมาย ทำให้มีคนเป็นจำนวนมากติดตามพระองค์ไป “กิตติศัพท์ของพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วประเทศซีเรีย เขาจึงพาคนป่วยเป็นโรคต่างๆ คนที่ทนทุกข์เวทนา คนผีเข้า คนเป็นลมบ้าหมูและคนเป็นอัมพาตมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงรักษาเขาให้หาย และมีคนหมู่ใหญ่มาจากแคว้นกาลิลี และแคว้นทศบุรีและกรุงเยรูซาเล็ม และแคว้นยูเดีย และแม่น้ำจอร์แดนฟากตะวันออกติดตามพระองค์ไป” <ref>มัทธิว 4:24-25</ref> “ครั้นพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือแล้ว ก็ทรงเห็นประชาชนหมู่ใหญ่ พระองค์ทรงสงสารเขา จึงได้ทรงรักษาคนป่วยของเขาให้หาย” <ref>มัทธิว 14:14</ref> “และประชาชนเป็นอันมากมาเฝ้าพระองค์ พาคนง่อย คนแขนขาพิการ คนตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆหลายคน มาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล้วพระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย” <ref>มัทธิว 15:30</ref> ในทางตรงกันข้ามคำสั่งสอนของพระองค์ต่อว่าพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์โดยตรง “เขาชอบที่อันมีเกียรติในการเลี้ยงและในธรรมศาลา กับชอบรับการคำนับที่กลางตลาด และชอบให้เขาเรียกว่า ‘ท่านอาจารย์’” <ref>มัทธิว 23:6-7</ref> “วิบัติแก่เจ้า คนนำทางตาบอด เจ้าสอนว่า ‘ผู้ใดจะสาบานอ้างพระวิหาร คำสาบานนั้นไม่ผูกมัด แต่ผู้ใดจะสาบานอ้างทองคำของพระวิหาร ผู้นั้นจะต้องกระทำตามคำสาบาน’ โอ คนโฉดเขลาตาบอด สิ่งไหนจะสำคัญกว่า ทองคำหรือพระวิหารซึ่งกระทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์” <ref>มัทธิว 23:16-17</ref> “วิบัติแก่เจ้า พวก[[ธรรมาจารย์ (ศาสนายูดาห์)|ธรรมาจารย์]]และพวก[[ฟาริสี]] คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพซึ่งฉาบด้วยปูนขาว ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตาย และสารพัดโสโครก เจ้าทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้นแหละ ภายนอกแลดูเหมือนว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความเท็จเทียมและอธรรม”<ref>มัทธิว 23:27-28</ref> พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีจึงคิดหาช่องทางจะฆ่าพระองค์เสีย “ฝ่ายพวกฟาริสีก็ออกไปปรึกษากันว่า จะทำอย่างไรจึงจะฆ่าพระองค์ได้”เพราะเขาไม่รู้ว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด<ref>มัทธิว 12:14</ref>
 
อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงทราบว่า พระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมานจากพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ จนต้องถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ดังที่พระองค์ได้ทรงทำนายถึงเหตุการณ์ดังกล่าวล่วงหน้าไว้สามครั้ง <ref>มัทธิว 16:21-23, มัทธิว 17:22-23, มัทธิว 20:17-19</ref> หลังจากนั้นหนึ่งในสาวกสิบสองคน ชื่อยูดาสอิสคาริโอท ได้ไปหาพวกมหาปุโรหิตแล้วตกลงว่าจะคอยหาช่องที่จะชี้พระองค์ให้จับ เพื่อแลกกับสามสิบเหรียญเงิน ซึ่งเรื่องที่ยูดาสคิดจะทรยศต่อพระองค์นั้น พระองค์ก็ทรงทราบเช่นกัน<ref>มัทธิว 26:20-25</ref>
บรรทัด 105:
{{Gospel Jesus}}
{{ศาสดาพยากรณ์ในพันธสัญญาใหม่}}
 
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในทศวรรษ 0 ก่อนคริสตกาล]]
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เสียชีวิตในคริสต์ศตวรรษที่ 1]]