ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระแสงขรรค์ชัยศรี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 17:
[[นวโลหะ]] คือ เนื้อโลหะถึง ๙ ชนิด คือ เหล็ก ๑ ปรอท ๑ ทองแดง ๑ เงิน ๑ ทองคำ ๑ เจ้าน้ำเงิน ๑ สังกะสี ๑ ชิน ๑ (โลหะผสมระหว่างดีบุกกับตะกั่ว มีสีเงาวาวมาก และมีน้ำหนักมากเช่นกัน) และทองแดงบริสุทธิ์ ๑
ต่อมามีการค้นพบโลหะอีกประเภทหลังจากได้มีการคิดค้นสูตรโลหะทั้ง ๓ แล้ว กล่าวกันว่าเป็นโลหะที่ดีมีคุณสมบัติสำหรับการทำอาวุธที่สุด คือ “[[เหล็กน้ำพี้]]” เพราะ [[เหล็กน้ำพี้]] เป็นโลหะที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม เมื่อนำมาหลอมตีเป็นดาบจะมีสีเขียวเหลือบดังปีกแมลงทับ มีความคมและยืดหยุ่นได้ในตัวเอง เมื่อนำมาฟันกระทบกับของแข็ง ทำให้ไม่บิ่น ไม่งอ ไม่ทำปฏิกิริยากับอากาศ และไม่ก่อให้เกิดสนิม และเสื่อมคม แหล่งที่มาของแร่โลหะนี้ คือ [[บ่อน้ำพี้]]
“ [[น้ำพี้]] ” เป็นชื่อหมู่บ้านหนึ่งของ [[จังหวัดอุตรดิตถ์]] ที่มีแหล่งแร่เหล็กกล้าที่มีความบริสุทธิ์ของเนื้อเหล็กโดยธรรมชาติสูง จึงนิยมนำมาทำเครื่องใช้กันตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว มีการสันนิษฐานกันว่า ดาบรบที่สร้างขึ้นในปลายสมัย[[กรุงศรีอยุธยา]]มีการตีดาบเหล็กน้ำพี้ใช้สำหรับทำอาวุธใช้ในสงคราม ต่อมามีการสงวนไว้สำหรับใช้ทำพระแสงดาบสำหรับ[[พระมหากษัตริย์]] ห้ามมิให้ผู้ใดขุดเหล็กจากบ่อนี้ โดยบ่อที่นำมาทำพระแสงดาบเรียกว่า “[[บ่อพระแสง]]” และบ่อที่นำมาทำพระขรรค์เรียกว่า “[[บ่อพระขรรค์]]”นอกจากการเลือกโลหะสำหรับนำมาทำดาบแล้ว กรรมวิธีในการตีดาบยังเป็นเรื่องที่คนสมัยโบราณให้ความสำคัญ หากเป็นดาบเพื่อใช้ในการศึกสงครามแล้วจะใช้พิธีทางไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง สำหรับพระแสงดาบของ[[พระมหากษัตริย์]] จะมีการตกแต่งประดับประดาพระแสงดาบด้วยโลหะ อัญมณีที่มีค่า การสร้างลวดลายต่าง ๆ และการลงสีให้มีความวิจิตรงดงาม เพื่อการใช้เป็นเครื่องประกอบยศ และพระราชทานให้แก่[[พระบรมวงศานุวงศ์]] ขุนนาง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
กล่าวได้ว่า ในอดีต [[พระแสงดาบ]]มีความสำคัญในฐานะที่เป็นราชศัสตราวุธคู่กายของ[[พระมหากษัตริย์]] และเป็นอาวุธที่ใช้ในยามศึกสงคราม ต่อมาได้มีการพัฒนาอาวุธที่มีความทันสมัยขึ้น ทำให้พระแสงดาบจึงค่อย ๆ ลดบทบาทลง ในปัจจุบันพระแสงดาบจึงเป็นเพียงสัญลักษณ์และเครื่องหมายของ[[พระมหากษัตริย์]] ที่ใช้ประกอบยศและใช้ประกอบใน [[พระราชพิธี]]สำคัญ ๆ