ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 51:
== ประวัติ ==
บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน
*'''ปี 2545''' : พัฒนาโครงการแรกของบริษัท คือ โครงการ Hampton Thonglor 10 โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ระดับ Top High Rise ขนาด 30 ชั้น จำนวนยูนิตรวม 73 ยูนิต มูลค่าโครงการ 950 ลบ.
*'''ปี 2547''' : จากความสำเร็จของโครงการ Hampton Thonglor 10 บริษัทจึงขยายธุรกิจโดยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับHigh End ได้แก่ '''Fullerton Sukhumvit''' เป็นโครงการคอนโดมิเนียม Top High Rise ขนาด 37 ชั้น จำนวนยูนิตรวม 139 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ลบ. และ '''Watermark Chaophraya River''' เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับ World Class ประกอบด้วยอาคาร 2 อาคาร ขนาด 52 ชั้น และ 28 ชั้น จำนวนห้องชุดรวม 486 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 5,700 ลบ.
*'''ปี 2548''' : จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน
*'''ปี 2550''' : เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 700 ลบ. และ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและได้รับอนุญาตให้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ อีกทั้งยังจัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็ม เจ เอ ไอ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ “Royce Private Residences” โครงการ Super luxury โครงการแรกของบริษัท และพัฒนาโครงการ Mykonos โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัดแห่งแรกของบริษัท ประกอบด้วยอาคาร 3 อาคาร จำนวนห้องชุดรวม 122 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 450 ลบ.
*'''ปี 2551''' : จัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ จำกัด และบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เรสซิเดนซ์ จำกัด เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และพัฒนาโครงการ Marrakesh Hua Hin ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม ขนาด 8 ชั้น 2 อาคาร และโรงแรมขนาด 4 ชั้น 6 อาคาร จำนวนห้องชุดรวม 345 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,400 ลบ. กับพัฒนาโครงการ Reflection Jomtien Beach Pattaya โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Super Luxury จำนวน 2 อาคาร ขนาด 52 ชั้น และ 42 ชั้น จำนวนห้องชุดรวม 332 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 3,300 ลบ.อีกด้วย
*'''ปี 2553''' : จัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็มเจอาร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ อีกทั้งยังเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 700 ลบ. เป็น 1,050 ลบ. เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 โดยเป็นการเพิ่มหุ้นสามัญใหม่จำนวน 350 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 (MJD-W1) และเริ่มพัฒนาโครงการภายใต้
*'''ปี 2554''' : จัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เอ็มเจซี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท เอ็มเจพี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และพัฒนาโครงการ Manor สนามบินน้ำ เป็นคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่จำนวน 4 อาคาร จำนวนห้องชุดรวม 1,848 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม
*'''ปี 2556''' : จัดตั้งบริษัทย่อย จำนวน 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท เมเจอร์ เรสซิเด้นส์ จำกัด , บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอป เม้นท์ เอสเตท จำกัด , บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด , บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ส จำกัด และบริษัท เมเจอร์ แมเนอร์ จำกัด เพื่อขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะยาว และพัฒนาโครงการ Low rise ภายใต้
*'''ปี 2557''' : ได้รับรางวัล The Best Developer Thailand ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ยอดเยี่ยม ในงานประกาศผลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ประจำปี 2557 และจัดตั้งบริษัท ทีเอ็มดีซี คอนสตรัคชั่น จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการขยายธุรกิจไปในกิจการที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีทุนจดทะเบียน 100 ลบ.
*'''ปี 2558''' : พัฒนาโครงการ Low rise ภายใต้
== ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ==
|