ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การฉ้อโกงบัตรเครดิต"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
→‎ประเทศไทย: http://www.komchadluek.net/detail/20090309/4489/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 1:
'''การฉ้อโกงบัตรอิเล็กทรอนิกส์''' ({{lang-en|electronic card fraud}}) เป็นคำที่กินความหมายกว้าง โดยหมายถึง[[การลักทรัพย์]]และ[[การฉ้อโกง]]ที่กระทำโดยใช้[[บัตรอิเล็กทรอนิกส์]] [[บัตรเครดิต]] หรือสิ่งอื่นใดซึ่งใช้[[การชำระหนี้|ชำระหนี้]]ในทำนองเดียวกัน เป็นเครื่องมือให้ได้มาซึ่งเงินจาก[[ธุรกรรม]]หรือ[[บัญชี]]ของผู้อื่น หรือซึ่ง[[สินค้า]]และ[[บริการ]]โดยไม่ต้องชำระค่าใช้จ่าย การฉ้อโกงบัตรอิเล็กทรอนิกส์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ[[อาชญากรรม]]ที่เรียกว่า "[[การขโมยเอกลักษณ์]]" ({{lang-en|identity theft}})
 
[[สมาคมการชำระหนี้แห่งสหราชอาณาจักร]] ({{lang-en|UK Payments Association}}) รายงานว่า การฉ้อโกงบัตรอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าต่อปีสูงหลายพันล้าน[[ดอลลาร์]] และใน [[พ.ศ. 2549]] การฉ้อโกงทำนองนี้ใน[[สหราชอาณาจักร]]แต่แห่งเดียวกินมูลค่าสี่ร้อยยี่สิบแปดล้าน[[ยูโร]]<ref>The UK Payments Association. (2007). ''Fraud: the facts.'' [Online]. Available: <http://www.apacs.org.uk/resources_publications/documents/FraudtheFacts2007.pdf>. (Accessed: 10 March 2009).</ref>
[[หมวดหมู่:นิติศาสตร์]]
 
== ประวัติ ==
 
สันนิษฐานว่าการฉ้อโกงบัตรอิเล็กทรอนิกส์เริ่มขึ้นพร้อม ๆ กับอาชญากรรมการขโมยบัตรอิเล็กทรอนิกส์เป็นใบ ๆ และการนำข้อมูลที่ได้จากการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ระแวดระวังของผู้ถือบัตรไปใช้ในทางมิชอบ เช่น [[เสมียน]]แอบคัดลอก[[ใบเสร็จ]]ของ[[ลูกค้า]]ไปใช้ นอกจากนี้ ความที่การใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน[[อินเทอร์เน็ต]]ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์มีความสุ่มเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับ[[อาชญากรรมไซเบอร์|อาชญากรไซเบอร์]]มากขึ้น และส่งผลให้การวางระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่ข้อมูลดังกล่าวต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายแสนหลายล้านก็มี<ref>''Court filings double estimate of TJX breach.'' (2007). [Online]. Available: <http://www.securityfocus.com/news/11493>. (Accessed: 10 March 2008).</ref> สำหรับการขโมยบัตรอิเล็กทรอนิกส์เป็นใบ ๆ นั้น ผู้ถือบัตรสามารถรายงานผู้เกี่ยวข้องได้ทันที แต่กรณีการนำข้อมูลที่ได้จากการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ระแวดระวังของผู้ถือบัตรไปใช้ในทางมิชอบนั้น คนร้ายอาจเก็บข้อมูลไว้หลายสัปดาห์หรือนานกว่านั้นแล้วจึงค่อยนำออกมาใช้ ทำให้การระบุแหล่งที่ข้อมูลรรั่วไหลออกไปกระทำได้ยาก นอกจากนี้ ผู้ถือบัตรยังอาจไม่รู้ตัวว่าข้อมูลถูกขโมยไปใช้ต่อเมื่อมีใบเสร็จเรียกเก็บค่าบริการส่งมาถึง
 
=== ประเทศไทย ===
 
สำหรับ[[ประเทศไทย]] การฉ้อโกงบัตรอิเล็กทรอนิกส์ไม่พบสถิติว่ามีมากน้อยเพียงไร และเริ่มมีเมื่อไรอย่างไร เพราะเป็นเรื่องใหม่มาก
 
โดยกรณีเด่น คือ เมื่อวันที่ [[6 มีนาคม|6]]-[[8 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2552|2552]] พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดอวยชัย หมู่ 4 [[ตำบลวังตะกอ]] [[อำเภอหลังสวน]] [[จังหวัดชุมพร]] และพื้นที่ใกล้เคียง พากันไปกดเงินจาก[[เครื่องรับจ่ายเงินอัตโนมัติ]] (เอทีเอ็ม) ของ[[ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)]] แต่ปรากฏว่าเงินในบัญชีพวกตนสูญหายไปเหลือเพียงเศษสตางค์ไม่กี่บาท จึงเข้าแจ้งความต่อสถานีตำรวจภูธรหลังสวน เบื้องต้นมีเจ้าทุกข์ทั้งหมดยี่สิบราย รวมยอดเงินที่สูญหายกว่าสามล้าน[[บาท]] ต่อมา [[ตำรวจ]]นำภาพจาก[[กล้องวงจรปิด]]ในจุดเกิดเหตุมาตรวจสอบ พบรูปพรรณสัณฐานคนร้ายลักษณะเป็น[[ประเทศจีน|ชาวจีน]] แต่ไม่มีประวัติใน[[แฟ้มอาชญากร]]ชาวไทย จึงประสานตรวจสอบแฟ้มประวัติคนร้ายของประเทศเพื่อนบ้านพบว่ามีลักษณะคล้ายคนร้ายแก๊งหนึ่ง และจากการตรวจสอบทะเบียนรถเก๋งที่จอดใกล้ตู้เอทีเอ็มซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ พบว่าเป็นรถเช่าในพื้นที่[[อำเภอหาดใหญ่]] [[จังหวัดสงขลา]] จึงประสานไปยังนายสาโรจน์ โหยบทรัพย์ อายุสี่สิบสองปี เจ้าของรถให้เช่า เบื้องต้นทราบว่ามีลูกค้ามาเช่ารถเมื่อต้นเดือนมีนาคม และกำหนดส่งคืนรถวันที่ [[8 มีนาคม]] จึงนำกำลังติดตามไปจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ขณะนำรถมาส่งคืน
 
สอบสวนนายเตียว เก๊ก หลิง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับนายโก ชิน เฮง เพื่อนร่วมแก๊งชาวมาเลเซียที่หลบหนีไปได้ นำอุปกรณ์เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เรียกว่า "แจมมิ่ง" ซึ่งพัฒนาจาก "สกิมมิ่ง" (ดู ''การลอกข้อมูลบัตร'') เดินทางจาก[[ประเทศมาเลเซีย]]มาเช่ารถยนต์ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตระเวนไปก่อเหตุที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ตลอดจน[[จังหวัดสุราษฎร์ธานี]] [[จังหวัดประจวบคีรีขันธ์]] และ[[จังหวัดเพชรบุรี]] กระทำโดยใช้เครื่องลอกข้อมูลซึ่งมีความสามารถลอกข้อมูลจากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ไปเก็บไว้จัดทำเป็นบัตรปลอมออกใช้ต่อไป เสร็จแล้วจะตรวจสอบว่าเหยื่อมีเงินในบัญชีเท่าไร รายใดมีมากก็โอนเงินเข้าบัญชีที่จังหวัดสงขลา แล้วโอนต่อไปไว้ในบัญชีเพื่อนร่วมแก๊งที่ประเทศมาเลเซีย จึงค่อยกลับไปแบ่งเงินกัน ทำมาแล้วหลายครั้ง ได้เงินไปไม่ต่ำกว่าสี่สิบล้านบาท หลังก่อเหตุพาเพื่อนร่วมแก๊งกลับไปส่งที่มาเลเซียก่อนย้อนกลับมาส่งคืนรถเช่ากระทั่งถูกตำรวจรวบตัว
 
นอกจากนี้ พันตำรวจเอง[[สุพจน์ บุญชูดวง]] ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหลังสวน ยังแถลงว่า สำหรับนายเตียว เก๊ก หลิง ผู้ต้องหา หลังถูกจับกุมพยายามยัด[[สินบน]]เป็นเงินสดหนึ่งล้านสองแสนบาทให้ตำรวจเพื่อแลกกับการปล่อยตัว โดยผู้ต้องหาได้ติดต่อไปยังเพื่อนร่วมแก๊งที่มาเลเซียโอนเงินสินบนดังกล่าวมาให้ ตำรวจจึงยึดไว้เป็น[[หลักฐาน]] แจ้ง[[ข้อหา]]ร่วมกันมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงหรือสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอมแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์, ร่วมกันปลอมและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ, และให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่<ref>ไทยรัฐ. (2552, 10 มีนาคม). ''โจรดูดเอทีเอ็ม เหิมยัดเงินตร. 1.2 ล้านแลกอิสระ.'' [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=127030>. (เข้าถึงเมื่อ: 10 มีนาคม 2552).</ref>
 
== การขโมยบัตรอิเล็กทรอนิกส์เป็นใบ ๆ ==
 
บัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยมากแล้ว เมื่อหายหรือถูกขโมยก็ยังคงใช้การได้อยู่จนกว่าผู้ถือบัตรจะรายงานองค์กรที่ออกบัตรหรือผู้เกี่ยวข้อง เช่น [[บัตรเอทีเอ็ม|บัตรกดเงินสด]]ก็รายงาน[[ธนาคาร]]ที่ออกบัตรไม่ว่าสาขาไหนก็ได้ เป็นต้น องค์กรที่ออกบัตรอิเล็กทรอนิกส์มักมีบริการ[[โทรศัพท์]][[สายด่วน]]ที่เปิดรับแจ้งเหตุดังกล่าวตลอดยี่สิบสี่[[ชั่วโมง]]โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย กระนั้น คนร้ายก็ยังสามารถใช้บัตรที่ขโมยมาได้จนกว่าบัตรจะถูกยกเลิกหรืออายัด เชื่อได้ว่าหากไม่มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยแล้ว ย่อมเป็นการง่ายที่คนร้ายจะใช้บัตรที่ขโมยไปซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้มากถึงหลายหมื่นหลายแสนบาท ก่อนที่ผู้ถือบัตรหรือองค์กรที่ออกบัตรจะสำเหนียกได้ว่าบัตรนั้นตกไปอยู่ในมือคนฉ้อฉลเสียแล้ว
 
{{โครงส่วน}}
 
== การนำข้อมูลที่ได้จากการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ระแวดระวังของผู้ถือบัตรไปใช้ในทางมิชอบ ==
{{โครงส่วน}}
 
=== การฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ต ===
{{โครงส่วน}}
 
=== การเข้าครอบงำบัญชี ===
{{โครงส่วน}}
 
=== การลอกข้อมูลบัตร ===
'''การลอกข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์''' ({{lang-en|skimming}}) คือ การลอกข้อมูลจากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการใช้ในธุรกรรมอันชอบด้วยกฎหมาย การฉ้อโกงประเภทนี้มักกระทำโดยลูกจ้างที่คิดไม่ซื่อต่อนายจ้างของตน
{{โครงส่วน}}
 
=== การแปลงข้อมูลบัตร ===
{{โครงส่วน}}
 
== ส่วนได้ ส่วนเสีย และโทษทัณฑ์ ==
 
=== ส่วนเสีย ===
{{โครงส่วน}}
 
=== บริษัทบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ===
{{โครงส่วน}}
 
=== ผู้ค้า ===
{{โครงส่วน}}
 
=== อาชญากร ===
{{โครงส่วน}}
 
== ดูเพิ่ม ==
* [[Chargeback insurance]]
* [[Credit card hijacking]]
* [[Financial crimes]]
* [[Friendly Fraud]]
* [[Identity theft]]
* [[Internet fraud]]
* [[Phishing]]
* [[Predictive analytics]]
* [[Traffic analysis]]
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
=== เว็บรายงานการฉ้อโกงบัตรเครดิต ===
* [http://www.ic3.gov The Internet Crime Complaint Center (IC3)] is a partnership between the Federal Bureau of Investigation (FBI) and the National White Collar Crime Center (NW3C).
 
=== ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการฉ้อโกง ===
* [http://www.apacs.org.uk cheque and card fraud information from APACS] The UK Payments Association monitors online and card fraud in the UK.
* [http://www.ftc.gov/sentinel/ Consumer Sentinel] Fraud tips, reporting, trends and other general information.
 
[[หมวดหมู่:นิติศาสตร์]]
[[หมวดหมู่:กฎหมายอาญา]]
[[หมวดหมู่:การฉ้อโกง]]