ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อ็องรี มาติส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่ ‘(?mi)\{\{Link FA\|.+?\}\}\n?’ ด้วย ‘’: เลิกใช้ เปลี่ยนไปใช้วิกิสนเทศ
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ใช้ปีคศ|width=240px}}
{{Infobox artist
| bgcolour = #76A8FF
| name = อองรีอ็องรี มาตีสส์ติส
| image = Portrait of Henri Matisse 1933 May 20.jpg
| imagesize = 230px
| caption = ภาพอองรีอ็องรี มาติสส์ติส โดย Carl Van Vechten, 1933.
| birth_name = อองรีอ็องรี เอมีล เบอนัว มาตีสส์ติส
| birth_date = {{Birth date |1869|12|31|}}
| birth_place = [[แคว้นนอร์-ปาดกาแล]], [[ฝรั่งเศส]]
| death_date = {{death date and age|1954|11|3|1869|31|12|df=y}}
| death_place = [[นีซนิส]], [[ฝรั่งเศส]]
| nationality = [[ฝรั่งเศส]]
| occupation = [[จิตรกร]], [[ประติมากร]], [[ช่างพิมพ์]]
| movement = [[โฟวิสม์คติโฟวิสต์]], [[โมเดิร์นนิสม์นวยุคนิยม]]
}}
'''อ็องรี เอมีล เบอนัว มาติส''' ({{lang-fr|Henri-Émile-Benoît Matisse}}) (31 ธันวาคม ค.ศ. 1869 – 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1954) เป็น[[จิตรกร]] [[ประติมากร]] และ[[ช่างพิมพ์]] ชาวฝรั่งเศส ถือกันว่าเขามีฐานะเป็นหัวหน้าและคนที่สำคัญที่สุดของกลุ่มโฟวิสม์คติโฟวิสต์ ผลงานการวาดรูปของเขาจะโดดเด่นในการที่ใช้สีสันตัดกันอย่างลื่นไหลลงตัว
'''อองรี เอมีล เบอนัว มาตีสส์''' ({{lang-fr|Henri-Émile-Benoît Matisse}}) (31 ธันวาคม ค.ศ. 1869 –
3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1954) เป็น[[จิตรกร]] [[ประติมากร]] และ[[ช่างพิมพ์]] ชาวฝรั่งเศส ถือกันว่าเขามีฐานะเป็นหัวหน้าและคนที่สำคัญที่สุดของกลุ่มโฟวิสม์ ผลงานการวาดรูปของเขาจะโดดเด่นในการที่ใช้สีสันตัดกันอย่างลื่นไหลลงตัว
=='''=ประวัติ'''===
อองรีอ็องรี มาตีสส์ติส เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1869 ที่เมืองเลอกาโต-ก็องเบรซี (Le Cateau-Cambrésis) แคว้นนอร์-ปาดกาแล (Nord-Pas-de-Calais) ประเทศฝรั่งเศส เติบโตในโบแอ็งน็องแวร์ม็องดัว (Bohain-en-Vermandois) เป็นบุตรชายของพ่อค้ามีฐานะมั่งคั่งคนหนึ่งในฝรั่งเศส บิดาต้องการให้เขาเป็นนักกฎหมาย ซึ่งเป็นอาชีพที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาชีพที่ดีในสังคมฝรั่งเศสในสมัยนั้น ในตอนแรกมาตีสส์ติสทำตามความปรารถนาของครอบครัวโดยการเข้าศึกษาวิชากฎหมาย จากนั้นเขาได้กลายเป็นจิตรกรโดยบังเอิญ เมื่อเขาล้มป่วยลงในปี ค.ศ.1889 ขณะนั้นเขายังเป็นนักศึกษากฎหมายอยู่ เพื่อนคนหนึ่งได้แนะนำให้เขาหัดวาดรูปเพื่อเป็นการแก้เบื่อหน่าย จนกระทั่งเขาหายป่วยเขาจึงตัดสินใจเลิกเรียนวิชากฎหมายและเข้าศึกษาที่สถาบันศิลปะเอโกล เดส์โบซาร์ ในปี ค.ศ.1895 มาตีสส์ติสได้เป็นศิษย์ของกุสตาฟ โมโร อาจารย์ศิลปะคนสำคัญในสมัยนั้น ขณะที่ศึกษาอยู่ในสถาบันสอนศิลปะแห่งนั้นเขาได้พบกับยอร์จ รูโอลท์, อัลแบร์ มาร์เกต์ ฯลฯ ซึ่งต่อมาเป็นผู้ร่วมคิดค้นคนสำคัญของศิลปะกลุ่มโฟวิสม์คติโฟวิสต์
=='''=อิทธิพล'''===
ต่อมาในปี ค.ศ.1897 มาตีสส์ติสเริ่มต้นศึกษาแนวคิดของศิลปินสมัยอิมเพรสชันนิสต์ลัทธิประทับใจ [[พอล เซซาน]]เป็นศิลปินที่อิทธิพลต่อมาตีสส์อย่างมากติสอย่างมาก โดยเขายกย่องว่าผลงานของเซซานมีความโดดเด่นโดยเฉพาะเรื่องของการใช้สี ซึ่งมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดมวลปริมาตรที่มีความหนาแน่น โดยมาตีสส์ติสได้เขียนไว้ในบันทึกใจความว่า “ผลงานของเซซานอยู่บนรากฐานในพลังของเส้นและสี” นอกจากเซซานแล้วยังมีศิลปินกลุ่มอื่นที่เขาให้ความสนใจได้แก่ กลุ่มนีโอ-อิมเพรสชันนิสต์ลัทธิประทับใจ ศิลปินคนสำคัญในยุคนี้เช่น โกแกงและซีญัค มาตีสส์กล่าวว่าติสกล่าวว่า “กลุ่มนีโอ-อิมเพรสชันนิสต์ลัทธิประทับใจในกรรมวิธีการแต้มสีเป็นจุด เท่ากับเป็นการทำลายเอกภาพของสี เขาต้องการสร้างงานศิลปะให้มีการเคลื่อนไหว ไม่ใช่ดูนิ่งเหมือนพวกอิมเพรสชันนิสต์ลัทธิประทับใจได้กระทำ และไม่ได้เป็นเครื่องบันทึกธรรมชาติที่ผ่านไปเฉยๆดังเช่นที่ศิลปินอิมเพรสชันนิสต์ทำ”ลัทธิประทับใจทำ” บันทึกที่กล่าวมาล้วนอยู่ในบทความเรื่อง ‘คำให้การของจิตรกร’ ซึ่งมาตีสส์ตีติสตีพิมพ์ในวารสารเลอกรังค์รีวิวเมื่อปี ค.ศ.1908
 
ภายหลังในปี ค.ศ.1899 มาตีสส์ติสได้พบเดอแรงและวลามิงค์ ซึ่งเป็นศิลปินที่นำไปสู่การเกิดกลุ่ม
โฟวิสม์คติโฟวิสต์ในเวลาต่อมา อีกทั้งมาตีสส์ติสยังได้สร้างงานและเปิดเผยแพร่ข้อมูลในบันทึกเกี่ยวกับศิลปะออกมา
ทำให้ศิลปินรุ่นต่อมาต่างรู้สึกว่าพวกศิลปินรุ่นเก่าในอดีตและศิลปินสมัยใหม่บางพวก เช่น พวกสัญลักษณ์นิยมนั้นต่างปิดบังคุณค่าอันบริสุทธิ์ของภาพไว้ทำให้พวกเขาไม่ยอมรับในเรื่องการใช้สีที่ดูลี้ลับแต่เพียงอย่างเดียวของพวกลัทธิสัญลักษณ์นิยมเริ่มเสื่อมลง ขณะเดียวกันการใช้สีในภาพวาดขนาดเล็กของเปอร์เซียและลายผ้าของอียิปต์โบราณได้เข้ามามีบทบาทต่อความคิดของมาตีสส์และกลุ่มโฟวิสม์ติสและกลุ่มคติโฟวิสต์ โดยกล่าวว่า รูปแบบที่เหมือนตามธรรมชาติจะต้องเปลี่ยนรูปไป แสงจะต้องไม่ลอกเลียนแบบธรรมชาติ
แต่ต้องแสดงออกให้เห็นถึงความรู้สึกของสี และมีความงดงามคล้ายศิลปะการตกแต่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นจุดมุ่งหมายของมาตีสส์ติสและศิลปินกลุ่มโฟวิสม์คติโฟวิสต์
===คติโฟวิสต์===
เป็นลัทธิที่เกิดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 “[[Fauvism]] เป็นคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า สัตว์ป่า (Wild-Beast) โดยใช้เป็นชื่อเรียกศิลปินกลุ่มหนึ่งที่แสดงงานในปี ค.ศ.1905 ที่งานแสดงศิลปะชาลอนโตตอน ในงานนั้นมีผลงานปะปนกันหลากหลาย ได้แก่ผลงานประติมากรรมของโดนาเต็ลโลแห่งยุคเรอเนสซองส์ ส่วนศิลปะสมัยใหม่คือผลงานที่ให้ความรู้สึกที่รุนแรง ดุดัน หยาบคายอีกทั้งยังให้ความรู้สึกตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน จนทำให้หลุยส์ โวแซลล์แซล (Louis Vauxcelles) นักวิจารณ์ศิลปะให้ความเห็นไว้ว่า “โดนาเต็ลโลถูกล้อมรอบด้วยฝูงสัตว์ป่า” ศิลปินกลุ่มดังกล่าวจึงนำคำว่า “Fauvism” มาตั้งเป็นชื่อกลุ่มและลัทธิของตน
ภายหลังในปี ค.ศ.1899 มาตีสส์ได้พบเดอแรงและวลามิงค์ ซึ่งเป็นศิลปินที่นำไปสู่การเกิดกลุ่ม
โฟวิสม์ในเวลาต่อมา อีกทั้งมาตีสส์ยังได้สร้างงานและเปิดเผยแพร่ข้อมูลในบันทึกเกี่ยวกับศิลปะออกมา
ทำให้ศิลปินรุ่นต่อมาต่างรู้สึกว่าพวกศิลปินรุ่นเก่าในอดีตและศิลปินสมัยใหม่บางพวก เช่น พวกสัญลักษณ์นิยมนั้นต่างปิดบังคุณค่าอันบริสุทธิ์ของภาพไว้ทำให้พวกเขาไม่ยอมรับในเรื่องการใช้สีที่ดูลี้ลับแต่เพียงอย่างเดียวของพวกลัทธิสัญลักษณ์นิยมเริ่มเสื่อมลง ขณะเดียวกันการใช้สีในภาพวาดขนาดเล็กของเปอร์เซียและลายผ้าของอียิปต์โบราณได้เข้ามามีบทบาทต่อความคิดของมาตีสส์และกลุ่มโฟวิสม์ โดยกล่าวว่า รูปแบบที่เหมือนตามธรรมชาติจะต้องเปลี่ยนรูปไป แสงจะต้องไม่ลอกเลียนแบบธรรมชาติ
แต่ต้องแสดงออกให้เห็นถึงความรู้สึกของสี และมีความงดงามคล้ายศิลปะการตกแต่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นจุดมุ่งหมายของมาตีสส์และศิลปินกลุ่มโฟวิสม์
=='''โฟวิสม์'''==
เป็นลัทธิที่เกิดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 “[[Fauvism]]” เป็นคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า สัตว์ป่า(Wild-Beast) โดยใช้เป็นชื่อเรียกศิลปินกลุ่มหนึ่งที่แสดงงานในปี ค.ศ.1905 ที่งานแสดงศิลปะชาลอนโตตอน ในงานนั้นมีผลงานปะปนกันหลากหลาย ได้แก่ผลงานประติมากรรมของโดนาเต็ลโลแห่งยุคเรอเนสซองส์ ส่วนศิลปะสมัยใหม่คือผลงานที่ให้ความรู้สึกที่รุนแรง ดุดัน หยาบคายอีกทั้งยังให้ความรู้สึกตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน จนทำให้หลุยส์ โวแซลล์(Louis Vauxcelles) นักวิจารณ์ศิลปะให้ความเห็นไว้ว่า “โดนาเต็ลโลถูกล้อมรอบด้วยฝูงสัตว์ป่า” ศิลปินกลุ่มดังกล่าวจึงนำคำว่า “Fauvism” มาตั้งเป็นชื่อกลุ่มและลัทธิของตน
[[ไฟล์:Henri matisse.jpg|left|thumb|ภาพเหมือนตนเองในเสื้อลายทาง (ค.ศ. 1906)]]
==='''=แนวคิดของศิลปินโฟวิสม์'''คติโฟวิสต์===
กลุ่มโฟวิสม์คติโฟวิสต์เชื่อว่าศิลปะสร้างผลงงานโดยการแสดงออกถึงความรู้สึกภายในด้วยเส้นและสี สามารถแสดงถึงความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการแสดงออกถึงอารมณ์ของศิลปิน โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งที่ตาเห็น แต่คำนึงถึงความรู้สึกและประสบการณ์ของศิลปินที่เกิดขึ้นโดยตรง ซึ่งเป็นการคัดค้านตอบโต้แนวความคิดของกลุ่มอิมเพลสชันนิสต์ ซึ่งวาดตามสิ่งที่ตาเห็น แต่สิ่งที่ศิลปินกลุ่มโฟวิสม์คติโฟวิสต์นั้นได้สร้างผลงานจิตรกรรมแนวใหม่ขึ้นมา คือ มีรูปทรงอิสระ ใช้สีที่ตัดกันรุนแรง พวกเขาสร้างขึ้นตามสัญชาตญาณแห่งการแสดงออกอย่างเต็มที่ ผลงานที่ปรากฏจะให้ความรู้สึกสนุกสนานในลีลาของรอยแปรง จังหวะของสิ่งต่างๆ มีอารมณ์จินตนาการและภาพลักษณ์แปลกแยกออกไปจากการวาดของพวกอิมเพลสชันนิสต์ ซึ่งจะเล่นแต่เรื่องของสี แสง และบรรยากาศตามสภาพที่เป็นอยู่ในธรรมชาติ กลุ่มโฟวิสม์คติโฟวิสต์ได้นำลีลาของเส้นมาสังเคราะห์ใช้ใหม่ เช่นการตัดเส้นรอบนอกของสิ่งต่างๆ เพื่อเน้นให้เด่นชัดดัดแปลงรูปทรงที่ไม่จำเป็นให้มีรูปแบบเรียบง่าย ต้องการแสดงทั้งรูปทรงและแสงไปพร้อมๆ กัน สีที่จิตรกรกลุ่มนี้นิยมใช้เป็นอย่างมาก ได้แก่ สีเขียว สีส้ม สีน้ำเงิน สีแดงของอิฐ และสีม่วง พวกเขาใช้สีดังกล่าวนี้ให้ตัดขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แต่ประสานกันได้อย่างเป็นเอกภาพ ผลที่ออกมาของภาพบางภาพดูนุ่มนวลและเด่นชัด แนวคิดของกลุ่มโฟวิสม์นี้คติโฟวิสต์นี้ จังหวะและลีลาของสีนั้นจะทำหน้าที่สำคัญมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด สีจะมีความสำคัญมากกว่าเรื่องของวิชาทัศนียภาพและเรื่องรูปทรง
จิตรกรคนสำคัญอื่นๆ ของลัทธิโฟวิสม์ได้แก่คติโฟวิสต์ได้แก่ โมรีซ วลามิงค์(Maurice Vlaminck), อังเดร เดอแรง(Andre Derain), ยอร์จ รูโอลท์(Georges Roualt) เป็นต้น
ความเคลื่อนไหวของศิลปินกลุ่มโฟวิสม์คติโฟวิสต์เกิดขึ้นและหมดความนิยมลงในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ผลของความคิดนี้กลับไปผูกพันคล้ายคลึงกับคตินิยมทางศิลปะอีกแบบหนึ่งซึ่งเรียกว่า เอกซเพรสชันนิสม์หรือกลุ่มสำแดงอารมณ์ ซึ่งเจริญในประเทศ[[เยอรมนี]] และต่อมาทั้งสองกลุ่มนี้กลายเป็นต้นเค้าทำให้เกิดศิลปะกลุ่มนิยมนามธรรมไปในที่สุด
=='''=ผลงาน'''===
==='''=ด้านจิตรกรรม'''===
ในด้านงานจิตรกรรมมาตีสส์ติสได้ผลิตงานออกมาเรื่อยๆ งานของเขาถือเป็นผู้นำของการเคลื่อนไหวทางศิลปะในลักษณะ Fauvist เขามีนิทรรศการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1901 และมีนิทรรศการเดี่ยวในปีค.ศ. 1904 การใช้สีสันสดใสชัดเจนของเขาโดดเด่นจนเป็นที่สังเกตเห็นได้ชัด
การเสื่อมลงของการเคลื่อนไหวทางศิลปะในลักษณะ Fauvist ในปีค.ศ. 1906 มิได้มีผลกับชื่อเสียงของมาติสส์ติส งานของเขาก้าวหน้าไปไกลกว่าและผลงานชั้นดีที่เกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1901 ถึง ค.ศ. 1912
 
 
 
==='''=ด้านประติมากรรม'''===
ในวงการประติมากรด้วยกัน แม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนนิยมชมชอบในประติมากรรมของมาตีสส์ติส แต่ในหมู่นักวิจารณ์และนักประวัติศาสตร์ศิลปะสมัยใหม่ต่างก็เห็นว่า งานของเขามีความสำคัญไม่น้อยไปกว่างานจิตรกรรมของเขาในด้านของการบุกเบิกรูปแบบ และแนวคิดใหม่ ในงานประติมากรรมของเขาก็ใช้หลักเดียวกันกับจิตรกรรมคือการทำขึ้นมาเพื่อนคัดค้านโต้ตอบวิธีการที่ทำแค่ตาเห็นของอิมเพลสชันนิสต์
 
=='''=ชีวิตบั้นปลาย'''===
ในปี พ.ศ. 2484 เขาป่วยเป็นโรคมะเร็งและเข้ารับการผ่าตัด จนต้องนั่งรถเข็น มาติสไม่ย่อท้อปล่อยให้การนั่งรถเข็นเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ด้วยความช่วยเหลือจากผู้อื่นเขาเริ่มสร้างงานศิลปะแบบตัดปะกระดาษที่เรียกว่า "gouaches découpés" การทดลองนี้ทำให้เขาได้ทำงานศิลปะในสื่อชนิดใหม่อันเรียบง่ายแต่สนุกสนานรื่นเริงด้วยสีสันและรูปทรงเรขาคณิต
 
มาตีสส์ติส ประสบความสำเร็จในชั่วชีวิตเขาในฐานะจิตรกร ประติมากร และช่างพิมพ์ ปัจจุบันภาพเขียนของมาตีสส์ติส มีค่าสูงถึง 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ. 2002 ประติมากรรม Reclining Nude I (Dawn) ของเขาขายได้ 9.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติที่สูงสำหรับ ประติมากรรมของศิลปินคนหนึ่ง
 
มาตีสส์ติสเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ในวัย 85 ปี ที่เมืองนีซนิส ประเทศเทศฝรั่งเศส
=='''อ้างอิง'''==
* กำจร สุนพงษ์ศรี. ศิลปะสมัยใหม่. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2554. (ISBN 978-974-03-2765-3)
* จิระพัฒน์ พิตรปรีชา. โลกศิลปะศตวรรษที่ 20. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2552. (ISBN 974-7383-32-2)
* วุฒิ วัฒนสิน. ประวัติศาสตร์ศิลปะ. กรุงเทพฯ สิปประภา, กรุงเทพ, 2552. (ISBN 978-616-7133-03-4)
=='''แหล่งข้อมูลอื่น'''==
* [https://en.wikipedia.org/wiki/Henri_Matisse Henri Matisse]
 
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2412]]
[[หมวดหมู่:บุคคลในคริสต์ศตวรรษที่ 20]]