ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เชอร์ล็อก โฮมส์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่คำผ่านหมวดหมู่: 'หมวดหมู่:นวนิยายสืบสวน'→'หมวดหมู่:บันเทิงคดีสายลับ'
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 27:
'''เชอร์ล็อก โฮมส์ ''' ({{Lang-en|Sherlock Holmes}}, {{IPA-en|həʊmz|pron}}) เป็นนวนิยายสืบสวนหรือ[[รหัสคดี]] ประพันธ์โดย[[อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์|เซอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์]] นักเขียนและนายแพทย์[[ชาวสกอตแลนด์|ชาวสกอต]] ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตัวละคร ''เชอร์ล็อก โฮมส์'' เป็น[[นักสืบ]]ชาว[[ลอนดอน]]ผู้ปราดเปรื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านทักษะการประมวลเหตุและผล ทักษะด้าน[[นิติวิทยาศาสตร์]] โดยอาศัยหลักฐานและการสังเกตอันคาดไม่ถึงเพื่อคลี่คลายคดีต่าง ๆ
 
โคนัน ดอยล์ แต่งเรื่อง ''เชอร์ล็อก โฮมส์'' ไว้ทั้งสิ้นเป็นเรื่องยาว 4 เรื่อง และเรื่องสั้น 56 เรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นการบรรยายโดยเพื่อนคู่หูของโฮมส์ คือ '''[[ดรจอห์น เอช. วอตสัน|นายแพทย์จอห์น เอช. วัตสันวอตสัน]]''' หรือ '''หมอวัตสันวอตสัน''' ในจำนวนนี้ มี 2 เรื่องที่โฮมส์เป็นผู้เล่าเรื่องเอง และอีก 2 เรื่องเล่าโดยบุคคลอื่น เรื่องสั้นสองเรื่องแรกตีพิมพ์ใน ''Beeton's Christmas Annual'' ในปี ค.ศ. 1887 และ ''Lippincott's Monthly Magazine'' ในปี ค.ศ. 1890 แต่หลังจากที่ชุดเรื่องสั้นลงพิมพ์เป็นคอลัมน์ประจำใน ''นิตยสารสแตรนด์'' เมื่อปี ค.ศ. 1891 นิยายเรื่องนี้ก็โด่งดังเป็นพลุ เหตุการณ์ในนิยายอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1878 ถึง ค.ศ. 1903 และคดีสุดท้ายเกิดในปี ค.ศ. 1914
 
ความโด่งดังของเชอร์ล็อก โฮมส์ ทำให้ผู้อ่านจำนวนมากเชื่อว่าเขามีตัวตนจริงและพากันเขียนจดหมายไปหา มี[[พิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮมส์]] ตั้งขึ้นในตำแหน่งที่น่าจะเป็นบ้านในนวนิยายของเขาในกรุงลอนดอน นับเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกที่สร้างขึ้นสำหรับตัวละครในนิยาย เรื่องราวของเชอร์ล็อก โฮมส์ มีการนำไปดัดแปลงและแต่งเพิ่มเติมขึ้นใหม่อีกโดยนักเขียนคนอื่น ทั้งที่เขียนร่วมกับทายาทของโคนัน ดอยล์ และเขียนขึ้นใหม่เป็นเอกเทศ บทประพันธ์ของโคนัน ดอยล์ และนวนิยายที่แต่งขึ้นใหม่ ได้รับการดัดแปลงเป็น[[ภาพยนตร์]] [[ละครโทรทัศน์]] [[ละครวิทยุ]] และสื่ออื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน กระทั่ง[[บันทึกสถิติโลกกินเนสส์]]ระบุว่า เชอร์ล็อก โฮมส์เป็น "ตัวละครที่มีผู้แสดงมากที่สุด" ภาพลักษณ์ของโฮมส์กลายเป็นสัญลักษณ์ของนักสืบ และส่งอิทธิพลต่อวรรณกรรมและการแสดงในประเภทรหัสคดีจำนวนมาก
บรรทัด 37:
 
== โครงเรื่อง ==
''เชอร์ล็อก โฮมส์'' ตอนแรกที่ลงตีพิมพ์ใน ''Beeton's Christmas Annual'' คือ ตอน ''แรงพยาบาท (A Study in Scarlet) '' โดยบทแรกเล่าถึงการพบกันครั้งแรกระหว่างโฮมส์กับวัตสันโฮมส์กับวอตสัน ทั้งสองมาเช่าห้องพักร่วมกันที่บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1881 แต่เนื้อเรื่องใน ''แรงพยาบาท'' เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1884<ref name="timeline">[http://www.sherlockpeoria.net/Who_is_Sherlock/SherlockTimeline.html A Basic Timeline of Terra 221B] จาก sherlockpeoria.net</ref>
 
เวลานั้นโฮมส์เป็นนักสืบอยู่แล้ว ส่วนหมอวัตสันวอตสันเพียงต้องการพักผ่อนหลังจากเกษียนตัวเองจากสงครามอัฟกานิสถาน ในช่วงแรกหมอวัตสันวอตสันรู้สึกว่าโฮมส์ช่างเป็นคนแปลกประหลาด แต่ต่อมาเมื่อคุ้นเคยขึ้น วัตสันวอตสันจึงเข้าใจและมองเห็นความสำคัญของสิ่งที่โฮมส์ทำ นับแต่นั้นหมอวัตสันวอตสันได้ร่วมในการสืบสวนคดีของโฮมส์หลายต่อหลายครั้ง และเขียนเป็นบันทึกเก็บไว้อ่าน เนื้อเรื่อง ''เชอร์ล็อก โฮมส์'' ที่โคนัน ดอยล์ ประพันธ์นั้น สมมุติขึ้นว่าเป็นการเล่าเรื่องจากสมุดบันทึกของหมอวัตสันวอตสัน ซึ่งเขาส่งให้หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์บ้างบางตอน เพราะต้องการเผยแพร่กิตติคุณความสามารถของโฮมส์ให้โลกรู้
 
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1888 ระหว่างการสืบสวนคดี ''จัตวาลักษณ์ (The Sign of Four) '' หมอวัตสันวอตสันได้รู้จักกับ มิสแมรี มอร์สแตนด์ ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์ หลังเสร็จสิ้นคดี ทั้งสองได้แต่งงานกัน และหมอวัตสันวอตสันย้ายออกจากห้องเช่า 221 บี ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต่อมา เมื่อภรรยาเสียชีวิต หมอวัตสันวอตสันจึงได้ย้ายกลับมาอยู่กับโฮมส์อีกครั้ง<ref name="timeline" />
 
โฮมส์และหมอวัตสันวอตสันได้ร่วมสืบคดีด้วยกันเป็นเพื่อนคู่หู รวมคดีที่โฮมส์สะสางทั้งสิ้นมากกว่าหนึ่งพันคดี<ref name="resume">[http://www.magicdragon.com/SherlockHolmes/resumes/Holmes.html Sherlock Holmes' Resume]</ref> บางปีโฮมส์มีคดีมากมายจนทำไม่ทัน บางปีก็ว่างจนโฮมส์ต้องหันไปพึ่ง[[โคเคน]] ช่วงปีที่โฮมส์มีงานยุ่งที่สุดคือ ปี ค.ศ. 1894-1901 โฮมส์มีโอกาสได้ถวายการรับใช้[[สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร]] เมื่อปี ค.ศ. 1895 เหตุการณ์นี้ปรากฏในตอน ''แผนผังเรือดำน้ำ (The Bruce-Partington Plan)'' ต่อมาในปี ค.ศ. 1902 โฮมส์มีโอกาสได้รับยศอัศวินแต่เขาปฏิเสธ<ref name="resume" />
 
อย่างไรก็ตาม หมอวัตสันวอตสันก็ยังคงเป็นเพื่อนผู้ซื่อสัตย์และอยู่ร่วมในคดีสุดท้ายของโฮมส์ในปี ค.ศ. 1914 ดังปรากฏในบันทึกตอน ''ลาโรง (His Last Bow) '' หลังจากคดีนี้แล้วก็ไม่มีบันทึกของหมอวัตสันวอตสันปรากฏให้เห็นอีก จึงไม่มีใครรู้เลยว่า ชีวิตของคนทั้งสองหลังจากนี้ได้ดำเนินไปเช่นไร
 
== ลักษณะตัวละคร ==
[[ไฟล์:Paget holmes.png|thumb|200px|เชอร์ล็อก โฮมส์ กับหมอวัตสันวอตสัน ภาพวาดโดยซิดนีย์ แพจิต ในนิตยสารสแตรนด์]]
 
=== นิสัยและบุคลิก ===
เชอร์ล็อก โฮมส์ มีชื่อเต็มว่า '''วิลเลียม เชอร์ล็อก สกอตต์ โฮมส์''' เป็นชาว[[อังกฤษ]] เกิดวันที่ [[6 มกราคม]] [[ค.ศ. 1854]] มีนิสัยรักสันโดษ แต่ก็ยังไม่สันโดษเท่าพี่ชาย คือ '''[[ไมครอฟต์ โฮมส์]]''' ที่คอยช่วยเหลือเขาในบางคดี เชอร์ล็อก มีรูปร่างผอมสูง จมูกโด่งเป็นสันเหมือนเหยี่ยว มีความรู้รอบตัวในหลาย ๆ ด้าน ทั้ง[[เคมี]] [[ฟิสิกส์]] และความรู้เกี่ยวกับพืชมีพิษตระกูลต่าง ๆ และเขายังเก่งเรื่องเล่น[[ไวโอลิน]] แต่เขาไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับ[[ดาราศาสตร์]]เลย
 
โฮมส์มีอารมณ์แปลก ๆ บางครั้งก็เศร้าซึม พูดน้อย บางครั้งก็ร่าเริง หมอวัตสันวอตสัน เพื่อนคู่หูของเชอร์ล็อก โฮมส์ ได้บรรยายถึงลักษณะต่าง ๆ ของโฮมส์เอาไว้ในบันทึกคดีคราวต่าง ๆ กัน เช่น ในเวลาที่กำลังครุ่นคิดเรื่องคดี โฮมส์จะไม่ทานข้าวเช้า (จาก ตอน ''ช่างก่อสร้างเจ้าเล่ห์ (the Norwood Builder) '') โฮมส์ชอบทำการทดลองเคมี แล้วทิ้งข้าวของในห้องกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ (จาก ตอน ''ปริศนาลายแทง (Musgrave Ritual)'') โฮมส์สูบ[[ไปป์]]จัดมาก มักกลั่นแกล้ง[[ตำรวจ]]โดยการให้ข้อมูลปลอมหรือปกปิดหลักฐานบางอย่าง แต่ก็มีความเป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติแก่สตรีอย่างสูง (จากตอน ''นายหน้าขู่กิน (Charles Augustus Milverton)'') แต่นิสัยที่หมอวัตสันวอตสันเห็นว่าเลวร้ายและยอมรับไม่ได้เลย คือ การที่โฮมส์ชอบเสพ[[โคเคน]]กับ[[มอร์ฟีน]] ซึ่งวัตสันวอตสันเห็นว่าเป็นความชั่วประการเดียวของโฮมส์<ref>Dalby JT. (1991). [http://bakerstreetdozen.com/coca.html "Sherlock Holmes' Cocaine Habit"] Irish Journal of Psychological Medicine 8: 73-74</ref>
 
โฮมส์ยังเป็นนักแสดงที่เก่งกาจ ดังปรากฏในตอน ''ซ้อนกล (the Dying Detective) '' และ ''จดหมายนัดพบ (the Reigate Squires) '' และตอนอื่น ๆ อีกหลายตอน เพื่อหันเหความสนใจของผู้ต้องสงสัย มิให้ตระหนักถึงความสำคัญของหลักฐานบางอย่าง ในตอน ''สัญญานาวี (the Naval Treaty) '' โฮมส์ได้แสดงให้เห็นว่าเขาชื่นชมนักอาชญวิทยาชาวฝรั่งเศส อัลฟองเซ เบอทิลลอง ผู้คิดค้นทฤษฎีการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพื่อช่วยระบุตัวตนของ[[อาชญากร]] นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า โฮมส์เป็นนักอ่าน นักศึกษา มีความรู้ด้านอาชญวิทยาอย่างกว้างขวาง และให้ความนิยมนับถือบรรดานักสืบผู้ชำนาญเป็นอย่างมาก<ref name="crime">Richard L. Kellogg, [http://sherlock-holmes.com/featur7.htm THE MORIARTY GENE]</ref>
 
แม้โฮมส์จะชอบกลั่นแกล้งตำรวจ แต่เขาก็เป็นมิตรที่ดีของ[[สกอตแลนด์ยาร์ด]]โดยเฉพาะ[[สารวัตรเลสเตรด]] และมักยกความดีความชอบในคดีให้แก่ฝ่ายตำรวจอยู่เสมอ ในตอน ''สัญญานาวี'' โฮมส์เคยบอกว่า ในบรรดาคดีที่เขาสะสาง 53 คดี เขายกความสำเร็จให้เพื่อนตำรวจไปเสีย 49 คดี คงมีแต่เพียงหมอวัตสันวอตสันที่บรรยายถึงความสามารถของเขาผ่านทางบันทึกเท่านั้น
 
โฮมส์มีศัตรูตัวฉกาจ ชื่อ [[ศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี้]] ผู้มีมันสมองปราดเปรื่องในด้านอาชญากรรม อีกทั้งยังเป็นตัวการเบื้องหลังในบางคดีที่เกิดขึ้นอีกด้วย คำพูดของโฮมส์ที่ติดปากกันดี คือ '''"ถ้าเราตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมดออกไป สิ่งที่เหลืออยู่ ไม่ว่ามันจะดูเหลือเชื่อเพียงใด แต่มันก็เป็นความจริง"'''
บรรทัด 64:
โคนัน ดอยล์ ได้บรรยายถึงพื้นฐานการศึกษาและทักษะของโฮมส์ไว้ในนิยายตอนแรก ''แรงพยาบาท'' ว่า เขาเคยเป็นนักศึกษาสาขา[[เคมี]] ที่มีความสนอกสนใจไปสารพัด โดยเฉพาะวิชาความรู้ที่สามารถช่วยเหลือในการคลี่คลายคดี[[อาชญากรรม]] บันทึกคดีแรกของโฮมส์ที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร คือ ''เรือบรรทุกนักโทษ (Gloria Scott) '' ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่ทำให้โฮมส์หันมายึดถืออาชีพ[[นักสืบ]] เขามักใช้ความรู้ทาง[[วิทยาศาสตร์]] [[ตรรกศาสตร์]] การสังเกตและการทดลอง มาใช้ประกอบในการพิจารณาคดีอาชญากรรมเสมอ แม้ว่าเขาจะชอบเก็บงำผลลัพธ์เอาไว้ และสร้างความประหลาดใจแก่ผู้อื่นโดยค่อย ๆ เผยปมของคดีให้ทราบทีละเล็กละน้อย
 
ในเรื่องยาว [[แรงพยาบาท]] (A Study in Scarlet) หมอวัตสันวอตสันเคยประเมินทักษะต่าง ๆ ของโฮมส์ไว้ ดังนี้
# ความรู้ด้าน[[วรรณกรรม]] — น้อยมาก
# ความรู้ด้าน[[ปรัชญา]] — ไม่มี
บรรทัด 80:
ในตอน ''ความลับที่หุบเขาบอสคูมบ์ (The Boscombe Valley Mystery) '' โฮมส์ได้แสดงให้เห็นถึงความรู้เกี่ยวกับยาสูบเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในตอน ''รหัสตุ๊กตาเต้นรำ (The Dancing Man) '' โฮมส์ได้แสดงถึงทักษะและไหวพริบในการถอดรหัส ส่วนความสามารถในการปลอมแปลงตัวของโฮมส์ได้ใช้ประโยชน์หลายครั้ง เช่น การปลอมเป็น[[กะลาสี]]ในตอน ''จัตวาลักษณ์ (The Sign of the Four) '' เป็นนักบวชผู้ถ่อมตนใน ''เหตุอื้อฉาวในโบฮีเมีย (A Scandle in Bohemie) '' เป็นคนติดยาใน ''ชายปากบิด (The Man with the Twisted Lip) '' เป็นพระชาวอิตาลีใน ''ปัจฉิมปัญหา (The Final Problem) '' หรือแม้แต่ปลอมเป็นผู้หญิงในตอน ''เพชรมงกุฎ (The Mazarin Stone) '' เป็นต้น
 
อย่างไรก็ดี มีบางเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า หมอวัตสันวอตสันประเมินโฮมส์ผิดไปบ้าง เช่น เหตุการณ์ในตอน ''เหตุอื้อฉาวในโบฮีเมีย'' ซึ่งโฮมส์สามารถตระหนักถึงความสำคัญของเคานต์ฟอนแครมได้ทันที หรือในหลาย ๆ คราวที่โฮมส์มักเอ่ยอ้างถึงถ้อยคำในพระคัมภีร์[[ไบเบิล]] [[วิลเลียม เชกสเปียร์|เชกสเปียร์]] หรือ[[เกอเธ่]] แต่กระนั้น โฮมส์กลับเคยบอกกับหมอวัตสันว่าวอตสันว่า เขาไม่สนใจเลยว่า[[โลก]]หรือ[[ดวงอาทิตย์]]จะหมุนรอบใครกันแน่ เพราะมันไม่มีประโยชน์ต่อการคลี่คลายคดีสักนิด
 
โฮมส์มีความสามารถในการวิเคราะห์หลักฐานทางกายภาพอย่างถูกต้องแม่นยำ กระบวนการตรวจสอบหลักฐานของเขามีหลายกรรมวิธี เช่น การเก็บรอยรองเท้า รอยเท้าสัตว์ หรือรอยล้อรถจักรยาน เพื่อวิเคราะห์การกระทำใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการเกิดอาชญากรรม (เช่น ตอน ''แรงพยาบาท'' หรือ ''หมาผลาญตระกูล'') หรือการวิเคราะห์ประเภทของยาสูบเพื่อระบุตัวตนของอาชญากร (เช่น ตอน ''จองเวร (The Resident Patient) '' หรือ ''หมาผลาญตระกูล'') โฮมส์เคยตรวจสอบร่องรอยผง[[ดินปืน]] และเปรียบเทียบ[[กระสุน]]ที่พบในที่เกิดเหตุ ทำให้แยกแยะได้ว่าฆาตกรมีสองคน (จาก ตอน ''จดหมายนัดพบ'' และ ''บ้านร้าง (The Empty House) '') นอกจากนี้ โฮมส์ยังเป็นคนแรก ๆ ที่มีแนวคิดในการตรวจสอบ[[ลายนิ้วมือ]]อีกด้วย (จาก ตอน ''ช่างก่อสร้างเจ้าเล่ห์'')
บรรทัด 88:
=== ถิ่นที่อยู่ ===
[[ไฟล์:221B Baker Street.JPEG|thumb|250px|บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์]]
ตามท้องเรื่อง โฮมส์และหมอวัตสันวอตสันรู้จักกันครั้งแรก เนื่องจากต่างต้องการหาผู้ร่วมเช่าห้องพักอยู่ด้วยกันในกรุงลอนดอนเพื่อลดค่าใช้จ่าย ห้องพักที่ทั้งสองเช่าเป็นบ้านของมิสซิสฮัดสัน ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ โดยพวกเขาเช่าพื้นที่ชั้นสองของบ้าน ส่วนมิสซิสฮัดสันอาศัยอยู่ชั้นล่าง และทำหน้าที่จัดเตรียมอาหารเช้าให้พวกเขาด้วย หมอวัตสันวอตสันเคยย้ายออกจากบ้านเช่านี้ไปเมื่อคราวแต่งงาน ทว่าหลังจากภริยาเสียชีวิต หมอวัตสันวอตสันก็ย้ายกลับมาอยู่กับเชอร์ล็อก โฮมส์อีก
 
=== การงานอาชีพ ===
โฮมส์ทำงานเพียงอย่างเดียว คือ เป็นนักสืบเชลยศักดิ์ หมายถึง เป็นนักสืบเอกชนที่ทำงานตามการว่าจ้างเป็นคราว ๆ ไป อย่างไรก็ดี มีหลายครั้งที่โฮมส์ทำคดีเพื่อช่วยเหลือเพื่อนตำรวจที่สก๊อตแลนด์ยาร์ด หรือเพื่อความบันเทิงส่วนตัว ลูกค้าส่วนใหญ่ของโฮมส์เป็นผู้มีสตางค์ โฮมส์จึงได้รับค่าจ้างอย่างงามจนสามารถใช้ชีวิตอย่างสบาย หมอวัตสันวอตสันเคยเล่าไว้ในตอน ''ซ้อนกล'' เมื่อตอนที่เขาย้ายออกไปจากบ้านเช่า และโฮมส์อาศัยอยู่เพียงลำพังว่า เงินค่าเช่าที่โฮมส์จ่ายมิสซิสฮัดสันนั้นมากพอจะซื้อตึกหลังนั้นได้เลยทีเดียว
 
ในตอน ''แผนผังเรือดำน้ำ'' โฮมส์ได้รับของรางวัลจากการคลี่คลายคดีให้แก่[[สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย]] เป็นเข็มกลัดมรกต คราวหนึ่งเขาได้รับเหรียญทองคำเป็นที่ระลึกจากไอรีน แอดเลอร์ (ตอน ''เหตุอื้อฉาวในโบฮีเมีย'') อีกคราวหนึ่งในตอน ''โรงเรียนสำนักอธิการ (the Priory School) '' โฮมส์ถึงกับถูมือด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อเห็นตัวเลขในเช็คที่ท่านดยุคสั่งจ่าย ที่หมอวัตสันวอตสันเองยังตื่นเต้นตกใจ แต่แล้วโฮมส์ก็ตบเช็คใบนั้นแล้วร้องว่า "กันยากจนจริงหนอ"
 
=== ครอบครัวและความรัก ===
บรรทัด 103:
[[ไฟล์:A Study in Scarlet from Beeton's Christmas Annual 1887.jpg|thumb|upright|ภาพแรกของโฮมส์ที่ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1887]]
 
นอกเหนือไปจากการผจญภัยของโฮมส์ที่หมอวัตสันวอตสันบันทึกเอาไว้ มีรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของเขาน้อยมาก ถึงกระนั้นก็ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตวัยเยาว์และครอบครัวของเขาอยู่บ้าง ทำให้เห็นภาพชีวประวัติของโฮมส์บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
 
จากอายุของโฮมส์ที่ระบุไว้ในเรื่อง ''ลาโรง'' ทำให้ประมาณได้ว่า เขาเกิดเมื่อปี ค.ศ. 1854 เพราะเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 และบรรยายว่าโฮมส์มีอายุ 60 ปี เลสลี คลิงเกอร์ ระบุวันเกิดของโฮมส์ว่าเป็นวันที่ 6 มกราคม<ref>{{cite book | last = Klinger | first = Leslie | title = The New Annotated Sherlock Holmes | publisher=W.W. Norton | location = New York | year = 2005 | isbn = 0-393-05916-2 |page=xlii}}</ref>
 
โฮมส์เคยบอกว่าเขาเริ่มพัฒนากระบวนการลำดับเหตุผลของตนขึ้นตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา คดีแรก ๆ ของเขาสมัยที่ยังเป็นมือสมัครเล่นนั้นมาจากพวกเพื่อนนักศึกษาในมหาวิทยาลัย<ref name=musgrave1989>{{cite book|last=Doyle|first=Arthur Conan|title=The Original illustrated 'Strand' Sherlock Holmes|publisher=Wordsworth |location=Ware, England|year=1893|edition=1989|pages=354–355|isbn=978-1-85326-896-0}}</ref> ตามที่โฮมส์เล่า การได้พบกับพ่อของเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งทำให้เขาตัดสินใจถืออาชีพเป็นนักสืบ<ref>จากเรื่อง "เรือบรรทุกนักโทษ"</ref> และเขาใช้เวลาอีก 6 ปีทำงานเป็นนักสืบที่ปรึกษา จนกระทั่งประสบปัญหาทางการเงิน จึงต้องมาหาคนร่วมแบ่งห้องเช่า และได้พบกับหมอวัตสันวอตสัน อันเป็นจุดเริ่มต้นของนิยายชุดนี้
 
นับแต่ปี 1881 โฮมส์อาศัยอยู่ที่ห้องเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ กรุงลอนดอน อันเป็นที่ซึ่งเขาดำเนินกิจการนักสืบที่ปรึกษา ห้อง 221 บี เป็นอะพาร์ตเมนต์ชั้นบน มีบันได 17 ขั้น ตั้งอยู่ทางซีกบนของถนน ก่อนจะพบกับหมอวัตสันวอตสัน โฮมส์ทำงานเพียงลำพัง และจ้างชาวบ้านหรือเด็กข้างถนนใช้งานเป็นครั้งคราว
 
มีการกล่าวถึงครอบครัวของโฮมส์เพียงเล็กน้อย ไม่มีการเอ่ยถึงพ่อแม่ของเขาในนิยายเลย เขาพูดถึงบรรพบุรุษของตนคร่าว ๆ ว่าเป็น "ผู้ดีบ้านนอก" ในเรื่อง ''ล่ามภาษากรีก'' โฮมส์บอกว่าลุงของพ่อเขาคือ เวอร์เนต์ ศิลปินชาวฝรั่งเศส พี่ชายของโฮมส์ชื่อ ไมครอฟต์ อายุมากกว่าเขา 7 ปี ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ปรากฏในนิยาย 3 เรื่อง<ref>''ล่ามภาษากรีก'', ''ปัจฉิมปัญหา'' และ ''แผนผังเรือดำน้ำ''</ref> และถูกเอ่ยถึงในนิยายอีก 1 เรื่อง<ref>''บ้านร้าง''</ref> ตำแหน่งงานของไมครอฟต์เป็นพลเรือน ทำหน้าที่คล้าย ๆ ฝ่ายข้อมูลหรือฐานข้อมูลเคลื่อนที่สำหรับนโยบายของรัฐบาลทั้งหมด นิยายบรรยายถึงไมครอฟต์ว่ามีพรสวรรค์ในด้านการสังเกตและการวิเคราะห์เหตุผลยิ่งกว่าโฮมส์เสียอีก แต่เขาออกจะขี้เกียจและไม่ชอบงานภาคสนามแบบโฮมส์ กลับชอบใช้เวลาว่างอยู่ในสมาคมไดโอจีนีส ซึ่งบรรยายไว้ว่าเป็น "สมาคมสำหรับชายผู้ไม่ชอบสมาคมแห่งลอนดอน"
 
===กับ ดร.วัตสันหมอวอตสัน===
[[ไฟล์:Sherlock Holmes - The Man with the Twisted Lip.jpg|thumb|right|ภาพวาดเชอร์ล็อก โฮมส์ โดย Sidney Paget จาก ''นิตยสารสแตรนด์'', ค.ศ. 1891 ในเรื่อง "ชายปากบิด"]]
 
โฮมส์ใช้ช่วงชีวิตการงานส่วนใหญ่ของตนอยู่กับ ดร.วัตสันหมอวอตสัน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและผู้จดบันทึกชีวประวัติของเขา ดร.วัตสันหมอวอตสันพักอยู่กับโฮมส์ก่อนจะแต่งงานในปี ค.ศ. 1887 และหลังจากที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตก็กลับมาอยู่กับโฮมส์อีก เจ้าของห้องพักที่พวกเขาเช่าอยู่คือมิสซิสฮัดสัน
 
วัตสันมีวอตสันมี 2 บทบาทในชีวิตของโฮมส์ อย่างแรกคือเป็นผู้ช่วยโฮมส์ในการสางคดี ทำหน้าที่คอยดูต้นทาง เป็นนกต่อ เป็นผู้ช่วยและส่งข่าว อย่างที่สอง เขาเป็นผู้บันทึกชีวประวัติของโฮมส์ เรื่องราวของโฮมส์เขียนขึ้นจากมุมมองของวัตสันวอตสันในรูปบทสรุปของคดีน่าสนใจต่าง ๆ ที่โฮมส์เคยสะสางมา โฮมส์มักบ่นว่างานเขียนของวัตสันวอตสันนั้นเร้าอารมณ์มากเกินไป และมักบอกให้วัตสันวอตสันบันทึกแต่ข้อเท็จจริงกับรายงานทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว
 
ถึงกระนั้น โฮมส์ถือว่ามิตรภาพกับวัตสันวอตสันมีความสำคัญสูงยิ่ง มีบรรยายในนิยายหลายเรื่องถึงความชื่นชมที่โฮมส์มีต่อวัตสันวอตสัน ซึ่งมักถูกปิดบังเอาไว้ภายใต้ความเย็นชาของเขา เช่นในเรื่อง ''พินัยกรรมประหลาด'' วัตสันวอตสันได้รับบาดเจ็บจากการเผชิญหน้ากับโจร แม้กระสุนปืนนั้นจะเพียงแค่ถากไปก็ตาม
 
โดยรวมแล้วโฮมส์ประกอบอาชีพนักสืบอยู่ 23 ปี โดยมี ดร.วัตสันหมอวอตสันร่วมอยู่ในชีวิตการงานของเขา 17 ปี<ref>จากเรื่อง "หญิงคลุมหน้า"</ref>
 
===ความรัก===
ในนิยายเรื่อง ''นายหน้าขู่กิน'' โฮมส์ได้หมั้นหมายกับหญิงคนหนึ่ง แต่ก็เพื่อหาข้อมูลในการทำคดีเท่านั้น แม้โฮมส์จะแสดงความสนใจในสตรีลูกความหลายคน (เช่น ไวโอเลต ฮันเตอร์ ในเรื่อง ''คฤหาสน์อุบาทว์'' ไวโอเลต สมิธ ในเรื่อง ''นักจักรยานผู้เดียวดาย'' และเฮเลน สโตนเนอร์ ในเรื่อง ''ห่วงแต้ม'') วัตสันวอตสันก็บอกว่าเขา "เลิกสนใจในตัวลูกความทันทีที่หล่อนไม่ได้เป็นศูนย์กลางของปัญหาที่เขาต้องขบคิดอีกต่อไป" โฮมส์เห็นว่าความสาว ความสวย และความกระชุ่มกระชวย (ของคดีที่พวกหล่อนนำมา) ทำให้เขาสดชื่นรื่นเริง โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเชิงพิศวาสแต่อย่างใด ในนิยายชุดนี้ โฮมส์เป็นคนมีเสน่ห์ วัตสันวอตสันเล่าว่าโฮมส์นั้น "เป็นโรคเกลียดผู้หญิง" แต่ "สามารถประจบประแจงเข้ากันกับพวกหล่อนได้เป็นอย่างดี" ส่วนโฮมส์บอกว่า ตนมิได้ชื่นชมสตรีอย่างหมดใจ เขาพบว่า "แรงผลักดันของสตรีนั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกหล่อนอาจตีความได้มากมาย ... ความประพฤติอันผิดธรรมดาที่สุดอาจเป็นเพราะปิ่นปักผมอันเดียวเท่านั้น"
 
===เกษียณ===
ในเรื่อง ''ลาโรง'' โฮมส์เกษียณตนเองไปอยู่ในฟาร์มเล็ก ๆ ที่ซัสเซกซ์ดาวน์ ไม่มีบันทึกแน่ชัดว่าย้ายไปเมื่อใด แต่ประมาณว่าน่าจะเกิดขึ้นก่อนปี ค.ศ. 1904 เพราะมีการเล่าย้อนความหลังในเรื่อง ''รอยเปื้อนที่สอง'' ซึ่งตีพิมพ์ในปีนั้น ที่ฟาร์มนี้เขาเลือกงานอดิเรกในการเลี้ยงผึ้งมาเป็นงานประจำ และได้เขียนหนังสือ "คู่มือว่าด้วยวัฒนธรรมของผึ้ง และผลสังเกตการณ์บางส่วนในการแยกอยู่กับนางพญา" เนื้อเรื่องเล่าถึงโฮมส์กับวัตสันโฮมส์กับวอตสันที่หยุดชีวิตเกษียณชั่วคราวเพื่อช่วยเหลืองานทางทหารในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นอกจากนี้มีนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงเกษียณ คือ ''ขนคอสิงห์'' ซึ่งโฮมส์เป็นคนเล่าเรื่องเอง ไม่มีรายละเอียดว่าโฮมส์เสียชีวิตเมื่อใด
 
== แรงบันดาลใจ ==
บรรทัด 146:
[[ไฟล์:The Purloined Letter.jpg|thumb|ออกุสต์ ดูแปง ใน "The Purloined Letter"]]
 
แม้เชอร์ล็อก โฮมส์ จะไม่ใช่ตัวละครนักสืบคนแรก (เขาได้รับอิทธิพลจาก ออตัวละครโอกุสต์ ดูแปงดูว์แป็ง ของ[[เอ็ดการ์ อัลลัน โพ]] และ มงซิเออร์ เมอซีเยอเลอค็อคก็อก ของเอมีล Émile Gaboriauกาบอรีโย ซึ่งทั้งสองตัวละครแสดงความเย่อหยิ่งอย่างเปิดเผย) แต่{{cn-span|ชื่อของเขากลับกลายเป็นความหมายถึงการเป็นนักสืบ เรื่องราวของเขายังรวมเอาตัวละครนักสืบอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นผู้ช่วยที่แสนภักดีแต่ฉลาดน้อยไปนิด อันเป็นบทบาทที่หมอวัตสันวอตสันกลายเป็นต้นแบบ}} นิยายนักสืบกลายเป็นที่นิยม นักเขียนหลายคนเขียนนิยายนักสืบหลังจากหมดยุคของโฮมส์ไปแล้ว เช่น [[อกาธา คริสตี้]]และ[[โดโรธี เซเยอร์]] กับตัวละคร [[แอร์กูล ปัวโร]]และ[[ลอร์ดปีเตอร์ วิมซีย์]] {{cn-span|กระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ถูกลดความสำคัญลงกว่าจิตวิทยาของอาชญากรรม}} ทั้ง ๆ ที่มีตำรวจเริ่มใช้การสืบสวนแบบนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20
 
===การศึกษาทางวิทยาศาสตร์===
บรรทัด 304:
 
=== อนุสาวรีย์ ===
อนุสาวรีย์เชอร์ล็อก โฮมส์ ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าสถานี[[รถไฟใต้ดิน]]ถนนเบเกอร์ นอกจากนี้ ยังมีอนุสาวรีย์เชอร์ล็อก โฮมส์ และวัตสันวอตสัน ที่สถานทูตอังกฤษในกรุง[[มอสโก]] เป็นผลจากความโด่งดังของโฮมส์ที่นำไปจัดทำเป็นรายการโทรทัศน์ใน[[ประเทศรัสเซีย]]<ref name="Holmes in Russia">[http://news.bbc.co.uk/2/hi/europe/6607249.stm Moscow honours legendary Holmes] จาก bbc.co.uk</ref>
 
ที่ไมริงเงิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮมส์แล้ว ยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เชอร์ล็อก โฮมส์ด้วย เมืองนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ โดยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่ง คือ [[น้ำตกไรเชินบัค]] ซึ่งเป็นสถานที่ที่โฮมส์ต่อสู้กับมอริอาร์ตี้จนพลัดตกเหวไป<ref>[http://www.bluebookski.com/bluebook9/Switzerland_Meiringen.htm Spotlight On Meiringen]</ref>
บรรทัด 311:
ภาพลักษณ์ของเชอร์ล็อก โฮมส์ คือ การสวมเสื้อคลุม หมวก และคาบไปป์ กลายเป็นสัญลักษณ์ของนักสืบ ภาพยนตร์และละครหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนักสืบมักแต่งตัวตามอย่างโฮมส์เช่นนี้ และยังมีนวนิยายแนวสืบสวนอีกหลายเรื่องที่ได้รับอิทธิพลจากเชอร์ล็อก โฮมส์โดยตรง เช่น
* หนังสือและภาพยนตร์การ์ตูนจาก[[ประเทศญี่ปุ่น]] เรื่อง ''[[ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน]]'' ได้รับอิทธิพลจากเชอร์ล็อก โฮมส์ค่อนข้างมาก ทั้งบุคลิกของตัวละครหลัก และชื่อของตัวละครที่นำมาจากชื่อกลางของเซอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์
* ตัวละครหลักในละครทีวีเรื่อง [[เฮาส์ เอ็ม.ดี.]] คือ เกรกอรี เฮาส์ ก็ได้รับอิทธิพลจากเชอร์ล็อก โฮมส์ ทั้งในการชอบใช้ยา (เฮาส์ติดยาแก้ปวด ส่วนโฮมส์สูบไปป์และเคยใช้โคเคน) ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อแก้ปัญหาที่คนอื่นแก้ไม่ได้ เฮ้าส์ใช้เทคนิคเดียวกันกับโฮมส์ในการตรวจวิเคราะห์ปัญหาของผู้ป่วยของเขา เพื่อนสนิทของเฮาส์ คือ นายแพทย์เจมส์ วิลสัน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากชื่อที่คล้ายกัน คือ เฮาส์-โฮมส์ กับ เจมส์ วิลสัน-จอห์น วัตสันวอตสัน นอกจากนี้ ยังมีตัวละครที่ชื่อ มอริอาตี (ชื่อเดียวกับอริของโฮมส์) ปรากฏตัวในตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่สอง และเกือบจะสังหารเฮาส์ได้สำเร็จ<ref>[http://www.housemd-guide.com/holmesian.php Connections Between House and Holmes] จากเว็บไซต์ละครเรื่อง ''House M.D.''</ref> นอกจากนั้นที่อยู่ของเฮาส์คือเลขที่ 221 บี เช่นเดียวกับโฮมส์
* [[พระบาทสมเด็จพระมงกุฏมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ผู้ทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ ทรงได้รับแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากเรื่องชุดเชอร์ล็อก โฮมส์ในการพระราชนิพนธ์นิยายนักสืบชุด [[นิทานทองอิน]] บรรยายพฤติการณ์ของ "นายทองอิน รัตนะเนตร์" ซึ่งมีอาชีพเป็นนักสืบ มีสหายคู่ใจผู้ร่วมผจญภัยและเป็นผู้เล่าเรื่องแต่ละตอน (ทำนองเดียวกับ นพ. วัตสันหมอวอตสันในเรื่องเดิม) ชื่อ นายวัด มีอาชีพเป็นหมอความหรือทนาย พฤติการณ์หลายเรื่องของนายทองอินได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องของเซอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ แต่บางเรื่องก็ได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องนักสืบของผู้อื่น เช่น [[เอดการ์ อัลลัน โป]] และมีบางเรื่องที่พระราชนิพนธ์ขึ้นเอง<ref>รื่นฤทัย สัจจพันธุ์, ''คดีรหัส - พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว'', สำนักพิมพ์ศยาม [http://www.naiin.com/product/detail/60892/%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%AA-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9]</ref><ref>http://www.reurnthai.com/index.php?topic=793.0</ref>
 
== การดัดแปลงเป็นสื่ออื่น ==
บรรทัด 318:
 
=== ภาพยนตร์ ===
ในระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1939 - 1946 เบซิล รัธโบน แสดงเป็น เชอร์ล็อก โฮมส์ โดยมีไนเจล บรูซ เป็นหมอวัตสันวอตสัน แสดงร่วมกันในภาพยนตร์ 15 เรื่อง นับเป็นภาพยนตร์ชุดเชอร์ล็อก โฮมส์ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด นอกจากนี้ นักแสดงคนอื่น ๆ ที่เคยแสดงเป็นโฮมส์ ได้แก่ มอริส คอสเตลโล, บัสเตอร์ คีตัน, [[คริสโตเฟอร์ ลี]], ปีเตอร์ กุชชิ่ง, จอร์จ ซี สก๊อต, ไมเคิล เคน, [[คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์]], แมท ฟรีเวอร์, จอห์น เนวิล, [[โรเจอร์ มัวร์]], ปีเตอร์ คุก, และ เลโอนาร์ด นิโมย<ref name="h_bbc">[http://www.bbc.co.uk/dna/h2g2/A2913734 ''Sherlock Holmes Part II - the Legacy''] จาก bbc.co.uk</ref>
 
ในปี ค.ศ. 2009 ฮอลลีวุดได้นำเรื่องเชอร์ล็อก โฮมส์ กลับมาสร้างใหม่ ใช้ชื่อตรง ๆ ว่า ''Sherlock Holmes'' หรือชื่อภาษาไทยว่า ''[[เชอร์ล็อก โฮมส์ ดับแผนพิฆาตโลก]]'' โดยมี[[โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์]] รับบทเป็นเชอร์ล็อก โฮมส์, [[จู๊ด ลอว์]] รับบทเป็นหมอวัตสันวอตสัน และ[[ราเชล แม็กอดัมส์]] รับบทเป็นไอรีน แอดเลอร์ สามารถทำรายได้ในสหรัฐอเมริกากว่าสองร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้ทั่วโลกกว่าห้าร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ
 
ในปี ค.ศ. 2011 เชอร์ล็อก โฮมส์ มีภาคต่อคือ ''[[เชอร์ล็อก โฮมส์ เกมพญายมเงามรณะ]]'' โดยมี[[โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์]], [[จู๊ด ลอว์]] และ[[ราเชล แม็กอดัมส์]] กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง
 
=== ละครวิทยุ ===
[[สถานีวิทยุบีบีซี]] ออกอากาศละครชุดเชอร์ล็อก โฮมส์ ในปี ค.ศ. 1974 โดยมี แบร์รี่ ฟอสเทิร์ล รับบทเป็นโฮมส์ และเดวิด บัค เป็นหมอวัตสันวอตสัน ต่อมา ในปี ค.ศ. 1989 มีการออกอากาศอีกครั้งแบบเต็มชุด เริ่มตั้งแต่ตอน ''แรงพยาบาท'' และปิดชุดด้วยตอน ''หมาผลาญตระกูล'' คลิฟ เมอริสัน รับบทเป็นโฮมส์ และไมเคิล วิลเลียมส์ เป็นหมอวัตสันวอตสัน<ref name="h_bbc" />
 
=== รายการโทรทัศน์ ===
''เชอร์ล็อก โฮมส์'' เป็นตัวละครจากนิยายคนแรกที่มีการนำมาดัดแปลงเป็นรายการโทรทัศน์ โดยตอน ''พินัยกรรมประหลาด (The Three Garridebs) '' ออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1937 จากเวที Radio City Music Hall ในกรุง[[นิวยอร์ก]]โดยสมาพันธ์เครือข่ายวิทยุอเมริกัน (American Radio Relay League) ภาพการแสดงสดจะนำมาประกอบกับบทบรรยายข้างใต้ก่อนออกอากาศ หลุยส์ เฮคเตอร์ แสดงเป็นนักสืบโฮมส์ และวิลเลียม พอดมอร์ แสดงเป็นหมอวัตสันวอตสันเพื่อนคู่หู<ref>[http://www.museum.tv/archives/etv/S/htmlS/sherlockholm/sherlockholm.htm SHERLOCK HOLMES Mystery (Various National Productions)]</ref>
 
ปี ค.ศ. 1968 [[สถานีโทรทัศน์บีบีซี]] ดัดแปลงเรื่องราวของนักสืบผู้ยิ่งใหญ่นี้ออกอากาศทางช่อง บีบีซี 1 โดยมี ปีเตอร์ กุชชิ่ง รับบทเป็นโฮมส์ และไนเจล สตอค เป็นหมอวัตสันวอตสัน แต่ละครโทรทัศน์ชุดที่โด่งดังที่สุด คือ ชุดที่ ทอม เบเกอร์ รับบทเป็นโฮมส์ ในตอน ''หมาผลาญตระกูล'' ในปี ค.ศ. 1982<ref name="h_bbc" />
 
เรื่องยาวของโคนัน ดอยล์ ตอน ''หมาผลาญตระกูล'' เป็นตอนที่มีการนำไปดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์มากที่สุดถึง 18 ครั้ง ครั้งล่าสุดออกอากาศทางช่อง บีบีซี 1 เมื่อช่วงคริสต์มาส ปี 2003 นำแสดงโดยริชาร์ด ร็อกซเบิร์ก เป็นโฮมส์ และเอียน ฮาร์ท เป็นหมอวัตสันวอตสัน<ref name="h_bbc" />
 
ในปี 2010 สถานีโทรทัศน์บีบีซีได้ผลิตเชอร์ล็อก โฮมส์ ในรูปแบบซีรีส์โดยใช้ชื่อว่า ''[[เชอร์ล็อก (ซีรีส์โทรทัศน์)|เชอร์ล็อก]]'' ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ฤดูกาล นำแสดงโดย[[เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์]] และ[[มาร์ติน ฟรีแมน]]
บรรทัด 341:
 
=== เชอร์ล็อก โฮมส์ยุคหลัง ===
หลังจากที่ โคนัน ดอยล์ เสียชีวิตไปแล้ว มีนักประพันธ์ที่สร้างนวนิยายเกี่ยวกับ เชอร์ล็อก โฮมส์ สืบเนื่องต่อมาอีก ส่วนหนึ่งมีการเขียนร่วมกับทายาทของโคนัน ดอยล์ และบางส่วนเขียนขึ้นเองเป็นเอกเทศ แม้ในยุคเดียวกันกับโคนัน ดอยล์ เอง ก็มีนักประพันธ์เลื่องชื่อท่านอื่น ๆ ที่นำ ''เชอร์ล็อก โฮมส์'' ไปปรากฏในผลงานเขียนของตน เช่น [[มาร์ค ทเวน]] ได้ประพันธ์เรื่อง ''A Double Barrelled Detective Story'' เมื่อปี ค.ศ. 1902 เป็นนิยายเชิงขบขันล้อเลียน เขานำบุคลิกของโฮมส์ไปตีความในแง่มุมที่ขบขัน (ทำให้แฟน ๆ ของโฮมส์ไม่ชอบใจนักและบางคนบอกว่าเขาเลวไปเลย) <ref>เวสลี่ย์ บริตตอน. [http://www.twainweb.net/reviews/es-rev1.html รวมบทวิจารณ์ อารมณ์ขันของมาร์ค ทเวน กับ "The Double-Barreled Detective Story"] เรียบเรียงจากเว็บไซต์ [http://www.twainweb.net/ marktwain forum]</ref> นักเขียนนิยายสืบสวนและสยองขวัญชื่อดังอย่าง [[สตีเฟน คิง]] ก็เคยเขียนเรื่อง ''The Doctor's Case'' ในปี ค.ศ. 1987 โดยในเรื่องนี้ หมอวัตสันวอตสัน สามารถคลี่คลายคดีได้ก่อนโฮมส์<ref>[http://www.horrorking.com/findstory.html รวมผลงานของสตีเฟน คิง]</ref> แต่ก็ทำให้ผู้คนไม่รู้สึกดีเท่าไรนัก
 
ลูกชายของโคนัน ดอยล์ ชื่อ [[เอเดรียน โคนัน ดอยล์]] ร่วมกับ [[จอห์น ดิกสัน คารร์]] ในการแต่งเรื่องสั้นเกี่ยวกับการสืบสวนคดีของเชอร์ล็อก โฮมส์ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 12 เรื่อง พิมพ์รวมเล่มในปี ค.ศ. 1954 ใช้ชื่อว่า ''The Exploits of Sherlock Holmes''
 
งานเขียนชุดหนึ่งที่จัดว่ามีชื่อเสียงไม่แพ้ชุดของโคนัน ดอยล์ เนื่องจากสามารถรักษาบุคลิกภาพและแนวทางดำเนินเรื่องได้คล้ายคลึงกับต้นฉบับ คืองานเขียนชุดเชอร์ล็อก โฮมส์ ของ[[นิโคลัส มีเยอร์]] ได้แก่เรื่อง ''[[The Seven-Per-Cent Solution]]'', ''The Canary Trainer'' และ ''The West End Horror'' มีเยอร์เปิดตัว ''The Seven-Per-Cent Solution'' ในปี 1974 โดยแต่งเนื้อเรื่องว่าทายาทของหมอวัตสันวอตสันได้รับมอบเอกสารส่วนหนึ่งมาเป็นมรดก ในเอกสารเหล่านั้นมี "บันทึกที่หายไป" ว่าด้วยคดีของเชอร์ล็อก โฮมส์ที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน
 
ปี ค.ศ. 1985 มีหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด ''The Further Adventures of Sherlock Holmes'' ภายในประกอบด้วยเรื่องสั้นเกี่ยวกับเชอร์ล็อก โฮมส์ ที่เขียนขึ้นโดยนักเขียนหลาย ๆ ท่าน เช่น จูเลียน ไซมอนส์, วินเซนต์ สตาร์เรตต์, สจ๊วต ปาล์มเมอร์ และโรนัลด์ น็อกซ์ เป็นต้น แนวทางการประพันธ์ของหนังสือชุดนี้ค่อนข้างเอาจริงเอาจังมากกว่างานเขียนเกี่ยวกับโฮมส์ในชุดอื่น ๆ <ref>[http://www.mysterylist.com/holmes.htm Sir Arthur Conan Doyle & SHERLOCK HOLMES (Canon and Pastiche)]</ref> ชื่อหนังสือนี้ต่อมาได้เป็นชื่อซีรีส์ละครวิทยุที่ออกอากาศทาง[[สถานีวิทยุบีบีซี]] ในปี ค.ศ. 2002 ผู้เขียนบทละครวิทยุชุดนี้คือ เบิร์ต คูลส์ โดยมีคลิฟ เมอร์ริสัน ให้เสียงเป็นโฮมส์<ref>Charles Prepolec, [http://www.bakerstreetdozen.com/furtheradvent.html The Further Adventures of Sherlock Holmes: Reviewed]</ref>
 
นอกจากนี้ยังมีนักเขียนคนอื่น ๆ ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยของโฮมส์โดยตรง หรือที่นำเรื่องราวของโฮมส์ไปเป็นส่วนประกอบ อีกเป็นจำนวนมาก<ref>[http://www.nationmaster.com/encyclopedia/List-of-authors-of-new-Sherlock-Holmes-stories รายชื่อนักประพันธ์ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับ ''เชอร์ล็อก โฮมส์'' ขึ้นใหม่]</ref> บางเรื่องยังประพันธ์ให้โฮมส์กับวัตสันโฮมส์กับวอตสัน ได้มาพบกับโคนัน ดอยล์ เองด้วย<ref>[http://www.nationmaster.com/encyclopedia/List-of-authors-of-new-Sherlock-Holmes-stories Siyaram Saran: ''The Boer War Mystery'']</ref>
 
== อ้างอิง ==