ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เกาะนาแวสซา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 8:
ลักษณะภูมิประเทศของเกาะนาแวสซาส่วนใหญ่แล้วจะประกอบไปด้วย[[หินปูน]]และยอดของแนว[[ปะการัง]]ที่โผล่พ้นน้ำ โดยชายฝั่งของเกาะเป็นหน้าผาสูง 15 เมตร แต่บนเกาะเองก็มีทุ่งหญ้าที่ใหญ่พอที่จะให้ฝูง[[แพะ]]มาอาศัยอยู่ได้ นอกจากนี้บนเกาะยังมีต้นไม้ตระกูล[[มะเดื่อ]]และ[[กระบองเพชร]]ขึ้นกระจายอยู่ทั่วไป โดยทั่วไปแล้วลักษณะภูมิประเทศและนิเวศวิทยาของเกาะนาแวสซาคล้ายคลึงกับ[[เกาะโมนา]] ซึ่งเป็นเกาะหินปูนขนาดเล็กอยู่ในช่องแคบโมนาที่ตั้งอยู่ระหว่าง[[เฮติ]]กับ[[สาธารณรัฐโดมินิกัน]] นอกจากนี้ประวัติศาสตร์ของทั้งสองเกาะนี้ยังคล้ายคลึงกันมากอีกด้วย กล่าวคือ ทั้งสองเกาะเป็นดินแดนของสหรัฐอเมริกา เคยผ่านการทำเหมืองกัวโนมาแล้ว และปัจจุบันนี้ได้ถูกประกาศให้เป็นเขตคุ้มครองธรรมชาติเหมือนกัน นอกจากชาวประมงเฮติและคนอื่น ๆ ที่มักแวะเวียนมาพักบนเกาะนี้ เกาะนาแวสซาไม่มีผู้คนอาศัยอยู่แต่อย่างใด ดังนั้นบนเกาะจึงไม่มีท่าเรืออยู่เลย ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวของเกาะ คือ [[ปุ๋ยขี้นก]] (guano) ที่นิยมมาใช้ทำปุ๋ย กิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ประกอบไปด้วยการประมงขนาดเล็กและการลากอวนเชิงพาณิชย์เท่านั้น
 
== ประวัติศาสตร์ของเกาะ ==
ในปี ค.ศ. 1504 [[คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส]] ซึ่งในขณะนั้นติดอยู่บนเกาะ[[จาเมกา]] ได้ส่งลูกเรือไปยัง[[เกาะฮิสปันโยลา]]เพื่อขอความช่วยเหลือ ระหว่างทางพวกเขาพบเกาะขนาดเล็ก และเมื่อทำการสำรวจก็พบว่าไม่มีน้ำจืดบนเกาะเลย ดังนั้นลูกเรือจึงขนานนามให้เกาะว่า "นาบาซา" (Navaza) มาจากคำว่า "นาบา" ({{lang|es|''nava''}}) ซึ่งในภาษาสเปนแปลว่าที่ราบ ไม่มีต้นไม้ใหญ่ หลังจากนั้นเกาะแห่งนี้ก็ถูกหลีกเลี่ยงโดยชาวเรือต่อมาอีกกว่า 350 ปี
 
บรรทัด 19:
หลังจากนั้นก็ได้มีการทำเหมืองปุ๋ยขี้นกบนเกาะนาแวสซาอีกครั้ง แต่ในขนาดที่เล็กลงมาก สงครามระหว่างสเปนกับสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1898 ส่งผลให้บริษัทต้องอพยพคนออกจากเกาะและเข้าสู่ภาวะล้มละลายในที่สุด เจ้าของใหม่ของเกาะตัดสินใจที่จะคืนเกาะให้กลับคืนสู่ธรรมชาติในปี ค.ศ. 1901
 
เกาะนาแวสซากลับมามีความสำคัญอีกครั้งภายหลังการเปิดคลองปานามาในปี ค.ศ. 1904 ซึ่งส่งผลให้การเดินเรือระหว่างชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกากับคลองปานามาต้องผ่านช่องแคบเวสต์เวิร์ด (Westward Passage) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างคิวบากับเฮติ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีประภาคารบนเกาะนาแวสซาซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการเดินเรือผ่านช่องแคบแห่งนี้ ในที่สุดสำนักงานประภาคารแห่งสหรัฐ (US Lighthouse Service) ก็ได้สร้างประภาคารนาแวสซาไอแลนด์ไลต์ สูง 162 ฟุต (46 เมตร) ขึ้นบนเกาะในปี ค.ศ. 1917 ที่ระดับความสูง 395 ฟุตหรือ 120 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยมีผู้ดูแลและผู้ช่วยสองคนคอยทำหน้าที่ดูแลรักษาอยู่บนเกาะ จนกระทั่งได้มีการติตตั้งอุปกรณ์อัตโนมัติให้กับประภาคารในปี ค.ศ. 1929 จึงไม่มีความจำเป็นต้องมีผู้ดูแลประภาคารคอยประจำอยู่บนเกาะ และภายหลังจากที่สำนักงานประภาคารถูกยุบรวมเข้ากับหน่วยป้องกันชายฝั่งแห่งสหรัฐ (US Coast Guard) หน่วยป้องกันชายฝั่งจึงกลายเป็นหน่วยงานที่คอยดูแลซ่อมแซมประภาคารแห่งนี้ โดยมีการตรวจสภาพปีละสองครั้ง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพเรือสหรัฐอเมริกาได้จัดตั้งหน่วยสังเกตการณ์บนเกาะ และหลังจากสิ้นสุดสงคราม กองทัพเรือได้ถอนกำลังออกไป และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันก็ไม่มีผู้อาศัยอยู่บนเกาะ ในปี ค.ศ. 1930 ได้มีการสำรวจทางวิทยาศาสตร์โดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อศึกษาชีวิตบนเกาะและในทะเลโดยรอบ
 
ในช่วงปี ค.ศ. 1903 ถึง 1917 เกาะแห่งนี้เป็นดินแดนที่ขึ้นอยู่กับฐานทัพเรือของสหรัฐอเมริกาในอ่าวกวนตานาโม และในช่วง ค.ศ. 1917 ถึง ค.ศ. 1996 เกาะได้ถูกโอนมาให้หน่วยป้องกันชายฝั่งเป็นผู้ดูแล ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 1996 เกาะได้รับการดูแลโดยกระทรวงกิจการภายในของสหรัฐอเมริกา โดยในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1996 หน่วยป้องกันชายฝั่งได้รื้อประภาคารออกเพื่อโอนการดูแลไปยังกระทรวงกิจการภายใน