ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โมไอ"

| site_img_capt = โมอายโมไอแห่ง ''ราโน โนราราราคู''กู

| th_name = โมอายโมไอ

[[ไฟล์:AhuTongariki.JPG|thumb|300px|รูปปั้นโมอายโมไอจำนวน 15 ตัว ที่อาฮูโตงารีกี (Ahu Tongariki) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ หันหลังให้ทะเล ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในคริสต์ทศวรรษ 1990 โดยนักโบราณคดีชื่อ เกลาดีโอ กริสตีโน (Claudio Cristino)]]

'''โมอายโมไอ''' ([[ภาษาราปานูอี|ราปานูอี]]: {{lang|rap|mo'ai}}; {{lang-enes|Moaimoái}}) คือ รูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด โมอายโมไอถูกพบมากกว่า 600 ตัว กระจายอยู่ทั่ว[[เกาะอีสเตอร์]] อุทยานแห่งชาติลาราปานุยนูอี [[ประเทศชิลี]] โมอายโมไอเกือบทั้งหมดที่พบนั้นถูกแกะสลักมาจากหินก้อนเดียว แต่ก็มีบางตัวซึ่งมี [[:en:Pukau|Pukau]] ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ โมอายโมไอเกือบทั้งหมดถูกแกะสลักมาจากเหมืองหินที่ปล่องภูเขาไฟ[[ราโน ราโนราราคูกู]] ([[:en:Rano Raraku|Rano Raraku]]) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายโมไออยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์

จากการค้นพบรูปปั้นที่ยังแกะสลักอยู่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ นั้น ทำให้มีการสันนิษฐานว่าเหมืองหินได้ถูกทิ้งร้างไปอย่างกะทันหัน นอกจากนั้นในการค้นพบ โมอายโมไอเกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพล้มนอน ซึ่งเชื่อว่าชาวพื้นเมืองบนเกาะเป็นผู้ทำให้มันล้ม

ลักษณะที่เด่นชัดของโมอายโมไอ คือ ส่วนหัว แต่ก็มีโมอายโมไอหลายตัวซึ่งมีส่วนหัวไหล่, แขน และลำตัว ซึ่งเป็นโมอายโมไอที่พบหลังจากถูกฝังมานานนับปี ความหมายและวัตถุประสงค์ของการสร้างโมอายโมไอนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดและมีการสันนิษฐานกันไปต่าง ๆ นานา

ข้อสันนิษฐานที่แพร่หลายมากที่สุดข้อหนึ่ง คือ รูปปั้นโมอายโมไอถูกแกะสลักโดยพวกชาว[[โพโปลิเนเชียนนีเซีย]] ([[:en:Polynesians|Polynesian]]) ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะนี้เมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ข้อสันนิษฐานนี้เชื่อว่า พวกโพโปลิเนเชียนนีเซียอาจสร้างโมอายโมไอขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ หรืออาจจะเป็นผู้ซึ่งมีความสำคัญ ณ สมัยนั้น หรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะของครอบครัว

เห็นได้ชัดว่าการสร้างโมอายโมไอ (ขนาดทั่วไปสูงประมาณ 3.5 เมตร หนัก 20 ตัน) นั้นต้องลงทุนลงแรงและใช้เวลาเป็นอย่างมาก หลังจากสร้างเสร็จแล้วยังต้องเคลื่อนย้ายรูปปั้นไปยังตำแหน่งที่ต้องการ การขนย้ายโมอายโมไอซึ่งหนักและใหญ่นั้นทำอย่างไรก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด โดยชาวพื้นเมืองของเกาะนั้นมีความเชื่อว่า โมอายโมไอนั้นเดินได้เอง

ในตำนานของเกาะนั้นกล่าวถึงหัวหน้าเผ่าซึ่งเสาะหาที่ตั้งบ้านใหม่ และเขาได้เลือกหมู่เกาะอีสเตอร์ หลังจากที่หัวหน้าเผ่าตายไป เกาะก็ได้ถูกแบ่งให้เหล่าลูกชายของเขาเพื่อให้เป็นหัวหน้าเผ่าใหม่ เมื่อหัวหน้าเผ่าคนใดตายไปก็มีการนำโมอายโมไอไปตั้งไว้ ณ สุสาน ชาวเกาะทั้งหลายเชื่อว่ารูปปั้นโมอายโมไอจะรักษาจิตวิญญาณของหัวหน้าเผ่าเหล่านั้นไว้ เพื่อให้นำสิ่งดี ๆ มาสู่เกาะ เช่น ฝนตก พืชพรรณสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ตำนานนี้อาจมีการบิดเบือนไปจากความจริงเนื่องจากได้มีการเล่าสืบต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน

โมอายโมไอได้ถูกรับเลือกเป็น[[มรดกโลก]]เมื่อปี [[พ.ศ. 2533]] โดยมีเหตุผลดังนี้

[[หมวดหมู่:มรดกโลกทางวัฒนธรรม|มโอายมโอไ]]

[[หมวดหมู่:ประเทศชิลี|มโอายมโอไ]]