ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เกาะอีสเตอร์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
autoMigrateToWikidata @ d:q14452
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4:
| imagecaption = [[โมอาย]]ที่[[ราโนรารากู]] เกาะอีสเตอร์
| Country = {{CHI}}
| Name = อุทยานแห่งชาติราปานุยนูอี
| Type = มรดกทางวัฒนธรรม
| Year = 2538
บรรทัด 10:
| Link = http://whc.unesco.org/en/list/715
}}
'''เกาะอีสเตอร์''' ({{lang-en|Easter Island}}), ''' หรือตามภาษาถิ่นเรียกว่า เกาะราปานูอี'''เกาะ ([[ภาษาราปานุยนูอี|ราปานูอี]]: ({{lang|rap|Rapa Nui}}) ''' และในภาษาสเปนเรียกว่าหรือ '''เกาะปัสกวา''' ({{lang-es|Isla de Pascua}}) ''' ตั้งอยู่ใน[[มหาสมุทรแปซิฟิก]]อยู่ในการปกครองของ[[ประเทศชิลี]] ซึ่งเกาะห่างจากฝั่งประเทศชิลีกว่า 3,600 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันตก เกาะที่ใกล้เกาะอีสเตอร์มากที่สุดอยู่ห่างฝั่งจากถึง 2,000 กิโลเมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่อันโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งของโลก ลักษณะของเกาะมีขนาดเล็ก มีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตร มีความยาว 25 กิโลเมตร
 
== ประวัติศาสตร์ ==
[[ไฟล์:Osterinsel_Uebersicht.jpg|170px|thumb|left|ภาพถ่ายดาวเทียมของเกาะอีสเตอร์]]
'''ปี ค.ศ. 1680''' เป็นช่วงที่ชาวเผ่าสองเผ่าที่อยู่บนเกาะ ซึ่งมีชนเผ่าหูสั้น (คาดว่าเป็นพวกที่มาจากเกาะแถบโพโปลีนีเซีย) กับเผ่าหูยาว (คาดว่ามาจากอเมริกาใต้) ซึ่งอยู่อย่างสงบมาช้านานได้ทะเลาะกันและทำสงครามกัน ทำให้ป่าเริ่มหมด สภาพดินเริ่มเสื่อมลง เผ่าหูสั้นซึ่งมีประชากรน้อยกว่ากลับชนะเผ่าหูยาว และช่วงที่ทำการรบอยู่นั้น พวกชาวเผ่าหูสั้นก็ได้ทำลายรูปปั้นหินและโคนรูปเกาะสลักเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นได้มีสงครามและความอดอยากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
 
'''ในปี ค.ศ. 1722''' นักเดิน[[ชาวดัตช์]]ได้เดินทางมาพบใน อาทิตย์อีสเตอร์ ซึ่งเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่เข้ามาถึงได้เดินทางมาพบเกาะนี้ในวันอาทิตย์อีสเตอร์ และได้ค้นพบว่าบนเกาะมีชนเผ่าอาศัยอยู่สองเผ่า และได้ตั้งชื่อเกาะให้ตรงกับวันที่ได้พบคือ[[วันอีสเตอร์]]
 
'''ในปี ค.ศ. 1770''' นักเดินเรือชาว[[สเปน]]ที่เดินทางมาจาก[[เปรู]]ได้ค้นพบเกาะนี้อีกครั้ง ซึ่งขณะนั้นบนเกาะมีซึ่งมีชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่ มีประชากรราว 3,000 คน แต่สี่ปีให้หลังจากนั้น กับต้น[[เจมส์ คุก]]ที่เดินทางสำรวจแถบแปซิฟิกครั้งที่สอง ก็ได้พบเกาะอีสเตอร์ ซึ่งขณะนั้นประชากรบนเกาะเหลืออยู่เพียง 600-700 คน และมีผู้หญิงอยู่เพียง 30 คนเท่านั้น (มีการเล่าต่อกันมาว่าอาจเกิดจากการที่ผู้หญิงและเด็กถูกจับกิน จึงทำให้เด็กกับผู้หญิงลดน้อยลง) ตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 จำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
 
'''ในปี ค.ศ. 1862''' รัฐบาล[[เปรู]]ได้กวาดต้อนชาวพื้นเมืองชายประมาณ 1,000 คนไปเป็น[[ทาส]]บนแผ่นดินใหญ่ แต่ไม่กี่เดือนให้หลัง หลังจากทาส 15 คนที่ได้รับการปล่อยตัวเพื่อกลับมาที่เกาะ ก็ได้นำเชื้อ[[ไข้ทรพิษ]]กลับเข้ามาด้วย ทำให้ชาวเกาะซึ่งไม่มีภูมิคุ้มกันได้ติดโรคร้ายไปด้วย ทำให้ประชากรลดลงไปมาก
จากการที่ชาวพื้นเมืองไม่ได้บันทึกอะไรไว้เลย สิ่งที่ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นหลังคือเล่าจากปากต่อปาก ต้นตอของสิ่งต่าง ๆ จึงได้ตายหายไปพร้อมกับชาวพื้นเมืองที่ลดจำนวนลงไปด้วย แม้จะมีข้อความสัญลักษณ์ แต่ก็ไม่สามารถถอดความได้ และยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ว่าชาวเกาะอีสเตอร์ได้อพยบมาจากที่ใด
 
บรรทัด 26:
 
== รูปสลักหินขนาดยักษ์ ==
ถึงแม้ว่าจะไม่มีรู้ที่มาของชาวพื้นเมืองบนเกาะ แต่ชาวพื้นเมืองก็ได้สร้างรูปสลักยักษ์ขึ้น ซึ่งสร้างจากหินและกากแร่[[ภูเขาไฟ]]หรือ[[หินบะซอลต์]] ซึ่งรูปสลักในยุกแรกจะเป็นรูปสลักคนนั่งคุกเข่าในช่วงประมาณ ค.ศ. 380 ในยุคถัดมาเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 จะสลักเป็นรูปที่เรียกว่า [[โมอายโมไอ]] (moai) ซึ่งเป็นที่โดดเด่นทั่วไปบนเกาะ
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==