ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คนป่วนสายฟ้า"
หน้าใหม่: {{กล่องข้อมูล ภาพยนตร์ | name = คนป่วนสายฟ้า<br>(Destiny Upside Down) | image = Destiny_... |
(ไม่แตกต่าง)
|
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:41, 14 กรกฎาคม 2555
คนป่วนสายฟ้า (อังกฤษ: Destiny Upside Down) ภาพยนตร์ไทยในปี พ.ศ. 2540
คนป่วนสายฟ้า | |
---|---|
กำกับ | อุดม อุดมโรจน์ |
เขียนบท | อุดม อุดมโรจน์ |
อำนวยการสร้าง | อุดม อุดมโรจน์ |
นักแสดงนำ | ชาคริต แย้มนาม เจษฎาภรณ์ ผลดี ซอนย่า คูลลิ่ง บิลลี่ โอแกน วัชระ ปานเอี่ยม ไอศูรย์ วาทยานนท์ คัทลียา กาญจนโรจน์ กฤษณ์ ศุกระมงคล ชยุต บุรกรรมโกวิท |
ผู้บรรยาย | ชาคริต แย้มนาม |
ผู้จัดจำหน่าย | ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น |
วันฉาย | 26 ธันวาคม พ.ศ. 2540 |
ประเทศ | ไทย |
ภาษา | ไทย |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากสยามโซน |
เนื้อเรื่อง
พ่อแม่ของอิท หรืออิทธิพร เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ของแทนคุณ ทั้งคู่เกิดพร้อมกัน ที่โรงพยาบาลเดียวกัน และหมอทำคลอดคนเดียวกัน โดยห่างกันแค่ 1 นาทีเท่านั้น อิทนั้นไม่ชอบหน้าแทนคุณตั้งแต่เป็นทารกแล้ว อิทอยู่ในครรภ์แม่นาน 10 เดือน ถึงคลอด ขณะที่แทนคุณเพียง 7 เดือนเท่านั้น อิทเมื่อเข้าเรียน เป็นคนที่เรียนเก่งมาก ทำอะไรก็ได้ที่ 1 ตลอด แต่เมื่อทั้งคู่โตขึ้นและเข้ามหาวิทยาลัย กลับต้องเจอกับแทนคุณ อิทเมื่อจะมีแฟน คือ จิ๊ก แทนคุณก็มี แป๋ว เป็นแฟน วันหนึ่ง อิทได้ถูกทาบทามเข้าสู่วงการบันเทิง อิทได้แสดงเป็นพระเอกเรื่องแรก แทนคุณก็ตามมาด้วย แต่กลับได้เพียงบทประกอบ แต่ใครต่อใครรวมถึงจิ๊กก็แห่มาสนใจแต่แทนคุณ อิทขณะนั้นได้ขอให้เพิ่มบทแก่แทนคุณ จนในที่สุดแทนคุณก็เป็นพระเอกอีกคนคู่กับอิท ขณะที่จิ๊กก็กำลังจะตีจากจากอิทไปหาแทนคุณอีกด้วย อิทจึงต้องร่วมกับ พี่เปี่ยม และจก พี่ชายของจิ๊ก ตามล่าตัวแทนคุณ
นักแสดง
- ชาคริต แย้มนาม...อิท/ อิทธิพล
- เจษฎาภรณ์ ผลดี...แทนคุณ
- ซอนย่า คูลลิ่ง...จิ๊ก
- บิลลี่ โอแกน...พี่เปี่ยม
- วัชระ ปานเอี่ยม...ผู้อำนวยการสร้าง
- ไอศูรย์ วาทยานนท์...พ่อของอิท
- คัทลียา กาญจนโรจน์...แม่ของอิท
- กฤษณ์ ศุกระมงคล...พ่อของแทนคุณ
- ชยุต บุรกรรมโกวิท...คุณครรชิต
เบื้องหลัง
คนป่วนสายฟ้า เป็นภาพยนตร์จากการอำนวยการสร้าง บทภาพยนตร์และกำกับ โดย อุดม อุดมโรจน์ เกี่ยวกับชาย 2 คน ที่เกิดมาพร้อมกันทั้งคู่ และต้องถูกชะตากรรมลิขิตให้มาพบเจอกันตลอด แม้จะไม่ถูกกันก็ตาม [1]
โดยถือเป็นบทบาทการแสดงอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ ชาคริต แย้มนาม ซึ่งขณะนั้นเป็นพิธีกร และเป็นการแสดงครั้งที่ 2 ของเจษฎาภรณ์ ผลดี หลังจากแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจาก 2499 อันธพาลครองเมือง เมื่อต้นปีเดียวกันแล้ว
ฉากบนรถไฟในตอนท้ายเรื่องนั้นใช้เวลาถ่ายทำนานกว่า 2 เดือน และถือเป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่จะสื่อความหมายในแบบภาพยนตร์อิสระ จัดว่าทำได้ค่อนข้างล้ำสมัยพอสมควร[2]