ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระสุพรรณกัลยา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Mda (คุย | ส่วนร่วม)
Octahedron80 (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด
บรรทัด 3:
| สีอักษร = #fff
| ภาพ = ภาพ:Supan_Galya.jpg|
| พระบรมนามาภิไธย =
| พระปรมาภิไธย =
| พระนาม = พระสุพรรณกัลยา
| วันประสูติ = [[พ.ศ. 2095]]
| วันสิ้นพระชนม์ = {{เทาเล็ก|ไม่แน่ชัด}} [[พ.ศ. 2135]]
| พระอิสริยยศ = พระมเหสีเล็ก (มีพะยาเง) ใน[[พระเจ้าบุเรงนอง]]<ref>http://www.vcharkarn.com/vcafe/36379</ref>
| พระบิดา = [[สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช]]
| พระมารดา = [[พระวิสุทธิกษัตรีย์]]
| พระอัครมเหสี =
| พระมเหสี =
| พระราชสวามี = [[พระเจ้าบุเรงนอง]]
| พระราชโอรส/ธิดา = [[เจ้าหญิงเมงอทเว]]
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์สุโขทัย]]
| ทรงราชย์ =
| พิธีบรมราชาภิเษก =
| ระยะเวลาครองราชย์ =
| รัชกาลก่อนหน้า =
| รัชกาลถัดมา =
}}
 
'''พระสุพรรณกัลยา''' สุวรรณกัลยา หรือ สุวรรณเทวี<ref>http://aco.psru.ac.th/400year/prasupan.htm</ref> ทรงเป็นพระราชธิดาใน [[สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช]] และ [[พระวิสุทธิกษัตรีย์]] และเป็นพระพี่นางใน [[สมเด็จพระนเรศวรมหาราช]] และ [[สมเด็จพระเอกาทศรถ]] ประสูติ ณ [[พระราชวังจันทน์]] [[พิษณุโลก|เมืองพิษณุโลก]]<ref>http://aco.psru.ac.th/400year/prasupan.htm</ref> เชื่อว่าพระนามเดิม คือ '''องค์ทอง'''
 
ชีวิตในกรุงหงสาวดี
พระสุพรรณกัลยา พระราชธิดาใน [[สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช]] และ [[พระวิสุทธิกษัตรีย์]] พระนางปรากฏในพงศาวดารพม่าระบุว่า ในปี [[พ.ศ. 2112]] เจ้าฟ้าสองแคว (พระอิสริยยศของพระมหาธรรมราชาเมื่อครั้งได้รับการสถาปนาจากพระเจ้าบุเรงนองให้ขึ้นครองพิษณุโลก) ได้ถวายพระธิดาชื่อ สุวรรณกัลยา พระชันษา 17 ปี กับบริวารและนางสนมรวม 15 คนแก่พระเจ้าบุเรงนอง<ref>'''อยุธยาศึกษา:ตลาดวิชาสำหรับครู-อาจารย์''', หน้า 183</ref> โดยพระองค์ได้สถาปนาเป็นพระมเหสี มีพระตำหนักและฉัตรส่วนพระองค์ ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด เครื่องใช้สิ่งของ ข้าราชบริวารที่เป็นชาวไทยทั้งหมด เมื่อจะเสด็จไปยังที่ใด จะโดยเสลี่ยงหรือพระที่นั่งหรือพระพาหนะใดก็ตาม จะมีเจ้าพนักงานกางฉัตรถวาย และพระองค์ทรงอยู่อย่างเกษมสำราญ<ref>'''ตำนานนางกษัตริย์'''. หน้า 271</ref>
 
พระนางทรงมีพระธิดา 1 พระองค์กับพระเจ้าบุเรงนอง ทรงได้รับพระราชทานพระนามว่า '''เจ้าภุ้นชิ่''' ซึ่งมีความหมายว่า ผู้มีสติปัญญาและพระบารมี แต่โดยมากจะรู้จักกันในพระนาม '''เมงอทเว''' ในพระราชพงศาวดารพม่าได้บันทึกว่าพระสุพรรณกัลยาเป็นพระมเหสีที่พระเจ้าบุเรงนองทรงโปรดปรานมาก<ref>'''ตำนานนางกษัตริย์'''. หน้า 273</ref> โดยทรงจัดให้สร้างตำหนักทรงไทยขึ้นใน[[พระราชวังกัมโพชธานี|พระราชวังกรุงหงสาวดี]]
 
ด้วยเหตุที่[[พระเจ้าบุเรงนอง]]เสด็จออกราชการสงครามอยู่เสมอ ทำให้พระสุพรรณกัลยารวมทั้งพระมเหสีองค์อื่นทรงดำเนินชีวิตในพระราชวังตามปกติ โดยมิได้เส็ดจออกงานหรือเห็นโลกภายนอกจนกว่าที่พระเจ้าบุเรงนองจะเสด็จกลับหงสาวดีจึงจะมีการจัดงานสำคัญ โดยในวันเพ็ญเดือนมีนาคม [[พ.ศ. 2116]] มีงานบูชา[[เจดีย์ชเวดากอง|พระมหาเจดีย์ชเวดากอง]] พระสุพรรณกัลยาพร้อมด้วยพระราชธิดาองค์น้อยได้ประทับเรือพระที่นั่งโดยเสด็จพระเจ้าบุเรงนองไปบำเพ็ญพระราชกุศลนาน 5 วัน นับเป็นครั้งแรกที่พระองค์ได้เสด็จออกนอกพระราชฐานมานานว่า 3 ปี
 
หลังจากงานบูชามหาเจดีย์จบสิ้นลง พระเจ้าบุเรงนองได้นิมนต์พระสงฆ์[[พม่า]] [[มอญ]] [[เชียงใหม่]] และ[[ไทใหญ่]] 3,500 รูป เจริญพระพุทธมนต์ และทำพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปหล่อด้วย[[ทองคำ]] [[เงิน]] [[สำริด]] และ[[ปัญจโลหะ]] อย่างละองค์ ในการนี้พระเจ้าบุเรงนองได้ทำการเฉลิมพระยศพระราชโอรส และพระราชธิดา โดยในการนี้ [[เจ้าหญิงเมงอทเว|เจ้าหญิงเจ้าภุ้นชิ่]] พระราชธิดาในพระสุพรรณกัลยาได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็น '''พิษณุโลกเมียวซา''' เนื่องจากทรงได้รับสิทธิ์ในภาษีประจำปีที่ได้จาก[[พิษณุโลก]] นับแต่นั้นมาทุกคนจึงขานพระนามพระราชธิดาพระองค์นี้ว่า '''เจ้าหญิงพิษณุโลก'''<ref>'''ตำนานนางกษัตริย์'''. หน้า 275</ref>
 
== กรณีการสิ้นพระชนม์ ==
ภายหลังจากที่พระเจ้าบุเรงนองสวรรคตเมื่อ[[พ.ศ. 2124]] [[พระเจ้านันทบุเรง]]ขึ้นครองราชย์แทน ภายหลังจากที่[[มังกะยอชวา|พระมหาอุปราชามังกะยอชวา]]สิ้นพระชนม์ใน [[พ.ศ. 2135]] จากการทำ[[ยุทธหัตถี]]กับ[[สมเด็จพระนเรศวรมหาราช]] ซึ่งการสิ้นพระชนม์นั้นในพงศาวดารรวมถึงคำให้การต่างๆ ทั้งของไทยและพม่าต่างก็ให้ข้อมูลต่างกันออกไปเกี่ยวกับการกล่าวถึงการสิ้นพระชนม์ของพระสุพรรณกัลยา
 
=== หลักฐานพงศาวดารของไทย ===
* '''[[คำให้การชาวกรุงเก่า]]'''ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พระเจ้ากรุงหงสาวดีพิโรธมาก รับสั่งให้เอาแม่ทัพนายกองที่แพ้กลับมาในครั้งนั้นใส่คาย่างไฟให้ตายสิ้น แต่ก็ยังไม่หายพิโรธ ได้เสด็จไปสู่พระตำหนักพระสุพรรณกัลยาเอาพระแสงดาบฟันพระนางและพระราชธิดาสิ้นพระชนม์ทั้งสองพระองค์ และได้ประมาณการว่ามีพระชนมายุได้ 39 พรรษา
 
* '''[[คำให้การขุนหลวงหาวัด]]''' ได้กล่าวใกล้เคียงกัน แต่ต่างที่เป็นพระราชโอรสมิใช่พระราชธิดา ความว่า ''"ฝ่ายพระเจ้าหงสา ทรงพระพิโรธยิ่งนัก ก็เสด็จเข้าไปในพระราชฐานเห็นองค์พระพี่นางพระนเรศวรนั้นบรรทมให้พระราชโอรสเสวยนมอยู่ในพระที่ พระเจ้าหงสาวดีจึงฟันด้วยพระแสง ก็ถูกทั้งพระมารดาและพระโอรสทั้งสองพระองค์ ก็ถึงแก่พิราลัยด้วยกันทั้งสองพระองค์ ด้วยพระเจ้าหงสาวดีทรงโกรธยิ่งนัก มิทันจะผันผ่อนได้"''
 
* '''[[พงศาวดารพม่าฉบับหอแก้ว]]''' ที่แต่งขึ้นโดยพระบรมราชโองการของกษัตริย์พม่าเมื่อวันที่ [[3 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2372]] (ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์) <ref>ถั่นทุน (เขียน) [[ชาญวิทย์ เกษตรศิริ]] (แปล)."ชาวอยุธยาในพระบรมโพธิสมภารของกษัตริย์พม่าในปลายพุทธศตวรรษที่ 21 ถึงกลางพุทธศตวรรษที่ 23 (คริสต์ศตวรรษที่ 16 และ 17) ".ชาญวิทย์ เกษตรศิริ. '''อยุธยาประวัติศาสตร์และการเมือง''' </ref> ได้กล่าวถึงพระสุพรรณกัลยาว่า พระองค์มีคนสนิทคนหนึ่ง มีนามว่า พระองค์จันทร์ ภายหลังพระอุปราชาสิ้นพระชนม์ในการกระทำยุทธหัตถีกับ[[สมเด็จพระนเรศวรมหาราช]]นั้น พระเจ้านันทบุเรงมิได้ประหารพระสุพรรณกัลยาทันทีที่ทราบข่าว หากแต่ได้เสวยน้ำจัณฑ์จนเมามายอยู่เป็นเวลานาน แต่ละวันก็พาลหาเรื่องพระสุพรรณกัลยาและขู่อาฆาตบ่อยๆ จนพระนางสังหรณ์พระทัย ได้ทรงเรียกพระองค์จันทร์มาปรับทุกข์หลายครั้ง ท้ายที่สุดพระองค์ได้ตัดปอยพระเกศาใส่ผอบเครื่องหอมประทานแก่พระองค์จันทร์ เตรียมนำไปถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่[[กรุงศรีอยุธยา]] เผื่อพระองค์จะไม่มีพระชนม์ชีพต่อไป ต่อมาวันหนึ่งพระเจ้านันทบุเรงทรงเมามายไม่ได้พระสติ ได้เสด็จไปถึงห้องพระบรรทมของพระสุพรรณกัลยาแล้วใช้พระแสงดาบฟันแทงพระสุพรรณกัลยาสิ้นพระชนม์อยู่บนพระที่นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามพงศาวดารพม่าฉบับหอแก้วได้ระบุว่าพระนางมีพระราชโอรสกับพระเจ้าบุเรงนองหนึ่งพระองค์ และในครรภ์อีก 1 พระองค์ เมื่อพระเจ้านันทบุเรงทรงคืนพระสติแล้ว ก็ได้มีพระราชโองการจัดพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพแก่พระสุพรรณกัลยาอย่างสมพระเกียรติ ส่วนพระองค์จันทร์นั้นได้ลักลอบออกจากวังโดยนำผอบพระเกศาไปกับนายทหารมอญโดยทำทีเป็นสามีภรรยากันตลอดเป็นเวลาสามเดือนเศษจนถึง[[กรุงศรีอยุธยา]] และได้นำความกราบบังคมทูลแก่พระญาติวงศ์ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ ในครั้งนั้น พระองค์จันทร์ได้รับการสถาปนาเป็น ''ท้าวจันทร์เทวี'' หลังจากได้พระราชทานเพลิงพระศพ[[พระวิสุทธิกษัตรีย์]] (ซึ่งทางไทยได้กล่าว่าสิ้นพระชนม์เนื่องจากทรงตรอมพระทัยในการสูญเสียพระสุพรรณกัลยา) สมเด็จพระนเรศวรทรงได้ยกทัพไปตีหงสาวดีและตองอูแต่ไม่สำเร็จ ระหว่างที่พระองค์ได้รับพระอัฐิพระสุพรรณกัลยาจากมอญผู้หนึ่งในช่วงที่พระองค์ประทับ ณ เมืองปาย ทรงพระสุบินถึงพระสุพรรณกัลยาได้เสด็จมาพบและตรัสว่าพระนางเปรียบเสมือนคนสองแผ่นดิน มีความผูกพันทั้งไทยและพม่า จึงมีพระประสงค์ที่จะพำนักเมืองปายนั่นเอง จากการพระสุบินดังกล่าวสมเด็จพระนเรศวรจึงหยุดทัพไว้ที่เมืองปาย เป็นเวลา 32 วัน และโปรดฯให้ม้าเร็วเข้ามารับตัวท้าวจันทร์เทวีขึ้นไป และนำผอบบรรจุพระเกศาขึ้นไปด้วย จากนั้นก็โปรดให้สร้างพระพุทธรูปขึ้นองค์หนึ่ง และพระเจดีย์เพื่อจะประดิษฐานพระเกศาและพระอัฐิไว้ ณ เมืองปาย ปัจจุบันเชื่อกันว่าอยู่ที่[[วัดน้ำฮู]] [[อำเภอปาย]] [[จังหวัดแม่ฮ่องสอน]]นั่นเอง<ref>'''ตำนานนางกษัตริย์'''. หน้า 283-287</ref>
 
อย่าไงรก็ตามจากหลักฐานของไทยและพม่าก็ต่างแสดงความมีตัวตนของพระสุพรรณกัลยา และประทับอยู่ในหงสาวดีตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2112 ขณะมีพระชันษาได้ 17 ปี ดังนั้นในปี [[พ.ศ. 2135]] ที่เกิดยุทธหัตถี พระองค์จึงน่าจะมีพระชันษา 40 ปี และหากมีพระโอรส-ธิดากับพระเจ้าบุเรงนอง พระโอรสธิดาก็ควรมีพระชันษาราว 8 ปีหรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งดูจะขัดแย้งกับคำให้การขุนหลวงหาวัด ที่กล่าวถึงการ ''ให้พระโอรสเสวยนมอยู่ในที่..''<ref name="อยุธยา">'''อยุธยาศึกษา:ตลาดวิชาสำหรับครู-อาจารย์''', หน้า 184</ref> ส่วนกรณีที่ถูกพระแสงดาบของพระเจ้านันทบุเรงเช่นเดียวกัน เนื่องจากหากพระเจ้าแผ่นดินจะประหารชีวิตใครก็จะบันทึกเรื่องราวไว้โดยละเอียด แต่ในเรื่องราวของพระสุพรรณกัลยากลับไม่ปรากฏไว้เลย<ref name="อยุธยา"/>
 
=== หลักฐานที่ขัดแย้งกัน ===
แม้การสิ้นพระชนม์ของพระสุพรรณกัลยานั้นจะเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเกิดจากแรงโทสะของ[[พระเจ้านันทบุเรง]] ซึ่งตรงกันทั้งในหลักฐานของไทยและพม่า (บางฉบับ) แต่มิกกี้ ฮาร์ท (Myin Hsan Heart) นักประวัติศาสตร์ชาวพม่าได้นำเสนอข้อมูลที่แตกต่างออกไป โดยกล่าวถึง[[เจ้าหญิงเมงอทเว|เจ้าภุ้นชิ่]]หรือเจ้าหญิงพิษณุโลกได้ตามเสด็จพระราชมารดาออกมาประทับนอก[[พระราชวังกัมโพชธานี]] โดยเจ้าหญิงเจ้าภุ้นชิ่ได้เสกสมรสกับ เจ้าเกาลัด พระโอรสของเจ้าอสังขยา เจ้าเมืองตะลุป ซึ่งเป็น[[ไทใหญ่|ชาวไทใหญ่]] ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของพระเจ้ามังรายกะยอชวา โอรสองค์ที่สองของพระเจ้านันทบุเรง และมีพระธิดาด้วยกันคือ เจ้าหญิงจันทร์วดี ซึ่งหมายความว่า ในช่วงสงครามยุทธหัตถี [[พ.ศ. 2135]] พระสุพรรณกัลยามิได้ประทับอยู่ในหงสาวดีแต่ทรงประทับอยู่ในอังวะ จนกระทั่งในปี [[พ.ศ. 2137]] พระเจ้าตองอู พระเจ้านยองยัน และพระเจ้าเชียงใหม่ ต่างแยกตัวเป็นอิสระจากหงสาวดี พระเจ้านยองยันจังได้เข้าครองกรุงอังวะที่เจ้าหญิงพิษณุโลก และพระมารดาอาศัยอยู่ อีกทั้งยังเป็นผลดีแก่ทั้งสองพระองค์ด้วย เนื่องจากพระเจ้านยองยันนั้นเป็นพระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าบุเรงนอง ทั้งยังมีความคุ้นเคยกับเจ้าอสังขยาบิดาของเจ้าเกาลัด จึงคาดได้ว่า ภายใต้การปกครองของพระเจ้านยองยันพระสุพรรณกัลยารวมถึงเจ้าหญิงพิษณุโลกก็ยังทรงประทับในนครอังวะอย่างปกติสุขจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ โดยมิได้ถูกปลงพระชนม์แต่อย่างใด<ref>'''ตำนานนางกษัตริย์'''. หน้า 293-295</ref>
 
== การพบหลุมพระศพพระสุพรรณกัลยา ==
เมื่อช่วงกลางเดือน[[มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2548]] มีการขุดพบหลุมแห่งหนึ่งซึ่งมีทั้งพระโกฎทองคำและเครื่องใช้ในราชสำนักจำนวนมากรวมทั้งโครงกระดูกบางส่วนรวมอยู่ด้วย ในระหว่างที่กำลังมีการปรับพื้นดินเพื่อสร้างเมืองใหม่ของพม่าใกล้กับเมือง[[ปีนมานา]] ในภาคกลางของพม่า โดยมีการพูดคุยในหมู่นายทหารระดับสูงของพม่าว่า หลุมดังกล่าวคาดว่าเป็นหลุมพระศพของพระสุพรรณกัลยา เนื่องจากเครื่องใช้ราชสำนักบางส่วนมีลักษณะคล้ายลวดลายไทย
 
แหล่งข่าวดังกล่าวเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้ทางกองทัพพม่าได้สั่งระงับการสร้างเมืองดังกล่าวไว้ชั่วคราว และพยายามปิดข่าวนี้อย่างมิดชิด เนื่องจากเกรงว่าจะมีการขอเข้าไปตรวจสอบและทวงทรัพย์สมบัติล้ำค่าจากทางการไทย<ref>http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=209&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai</ref>
 
[[ไฟล์:39-9-1087831999.jpg|thumb|180px|right|พระสุพรรณกัลยา จากละครเรื่อง กษัตริยา ([[พ.ศ. 2547|พ.ศ. ๒๕๔๗]]) รับบทโดย [[วรัทยา นิลคูหา]]]]
== พระนามต่างๆ ==
# '''สุวรรณกัลยา''' จากคำให้การขุนหลวงหาวัด ฉบับหลวง
# '''จันทรกัลยา''' จากคำให้การชาวกรุงเก่า
# '''พระสุวรรณ''' จากพงศาวดารฉบับอูกาลา
# '''มะเมี้ยวโหย่''' แปลว่าผู้จงรักภักดีในเผ่าพันธุ์ตน จากพงศาวดารของมหาสีหตู
# '''พระสุวรรณเทวี''' จากพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา
# '''พระสุพรรณกัลยาณี''' จากพระประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
 
== สถานที่เกี่ยวกับพระองค์ ==
* พระราชานุสาวรีย์พระสุพรรณกัลยาณี ณ [[ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช]] (กองทัพภาคที่ 3) [[อำเภอเมืองพิษณุโลก|อำเภอเมือง]] [[จังหวัดพิษณุโลก]]
* พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระรูปพระสุพรรณกัลยา ณ [[ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช]] [[โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม]] อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
* พระบรมรูปพระสุพรรณกัลยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ณ [[วัดลาดสิงห์]] [[ตำบลบ้านสระ]] [[อำเภอสามชุก]] [[จังหวัดสุพรรณบุรี]]
* พระรูป ณ พระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช [[วัดดอนเจดีย์]] [[อำเภอดอนเจดีย์]] จังหวัดสุพรรณบุรี
* พระเจดีย์ ณ [[วัดบ้านน้ำฮู]] [[อำเภอปาย]] [[จังหวัดแม่ฮ่องสอน]] ที่เชื่อกันว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างถวายพระสุพรรณกัลยา และภายในพระเจดีย์ ได้บรรจุเส้นพระเกษาของพระสุพรรณกัลยาไว้ด้วย<ref>http://writer.dek-d.com/Blink-wizarD/story/view.php?id=148186</ref>
 
== ราชตระกูล ==
บรรทัด 76:
<center>
{{ahnentafel-compact5
| style=font-size: 90%; line-height: 110%;
| border=1
| boxstyle=padding-top: 0; padding-bottom: 0;
| boxstyle_1=background-color: #fcc;
| boxstyle_2=background-color: #fb9;
| boxstyle_3=background-color: #ffc;
| boxstyle_4=background-color: #bfc;
| boxstyle_5=background-color: #9fe;
| 1= '''พระสุพรรณกัลยา '''
| 2= [[สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช]]
| 3= [[พระวิสุทธิกษัตรีย์]]
| 4= สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์พระร่วง
| 5=
| 6= [[สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ]] (พระเฑียรราชา)
| 7= [[สมเด็จพระสุริโยทัย]]
| 8=
| 9=
| 10=
| 11=
| 12= [[สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2]]
| 13=
| 14=
| 15=
| 16=
| 17=
| 24=[[สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ]]
| 25=
}}
</center>
บรรทัด 111:
* สุเจน กรรพฤทธิ์. สารคดีพิเศษ:จากพิษณุโลกสู่เวียงแหง ตามรอยนเรศวรมหาราชนอกกรอบประวัติศาสตร์ "ชาตินิยม". '''อยุธยาศึกษา:ตลาดวิชาสำหรับครู-อาจารย์.''' [[ชาญวิทย์ เกษตรศิริ]] บรรณาธิการ. สมุทรปราการ:มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย, พิมพ์ครั้งที่ 2, 2553 ISBN 978-616-7202-06-8
* มิกกี้ ฮาร์ท (Myin Hsan Heart). '''โยเดียกับราชวงศ์พม่า:เรื่องจริงที่ไม่ทีใครรู้''', พ.ศ. 2550
* กิตติ วัฒนะมหาตม์. '''ตำนานนางกษัตริย์'''. กรุงเทพฯ:สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2553. หน้า 259-307 ISBN 978-974-341-666-8
 
{{ประสูติปี|2095}}{{เสียชีวิตปี|2135}}