ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ชาร์ล เดอ โกล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 7:
| term_start = [[8 มกราคม]] [[พ.ศ. 2502]]
| term_end = [[28 เมษายน]] [[พ.ศ. 2512]]
| primeminister = [[มีแชล เดอเบร]] <small>([[พ.ศ. 2502|2502]] - [[พ.ศ. 2504|2504]])</small><br />[[ฌอร์ฌ ปงปีดู]] <small>([[พ.ศ. 2505|2505]] - [[พ.ศ. 2511|2511]])</small><br />[[มอริส กูฟกูฟว์ เดอ มูร์วีล]] <small>([[พ.ศ. 2511|2511]] - [[พ.ศ. 2512|2512]])</small>
| predecessor = [[เรอเน กอตี]]
| successor = [[อาแล็ง ปอแอร์]] <small>(รักษาการ)</small>
บรรทัด 13:
| term_start2 = [[3 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2487]]
| term_end2 = [[20 มกราคม]] [[พ.ศ. 2489]]
| predecessor2 = ''เป็นหัวหน้า[[กองทัพเสรีฝรั่งเศส]]''<br />[[ฟีลิป เปแต็ง]] <small>([[วิชีฝรั่งเศสฝรั่งเศสเขตวีชี|ประมุขแห่งรัฐ]])</small><br />[[ปีแอร์แยร์ ลาวาล]] <small>([[นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรี]])</small>
| successor2 = [[เฟลิกซ์ กูแอ็งกวง]]
| order3 = [[นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนที่ 149]]<br /><small>[[รายนามนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 4 คนที่ 22]]</small>
| term_start3 = [[1 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2501]]
| term_end3 = [[8 มกราคม]] [[พ.ศ. 2502]]
| president3 = [[เรอเน กอตี]]
| predecessor3 = [[ปีแอร์แยร์ ฟลิมแล็งฟลีมแล็ง]]
| successor3 = [[มีแชล เดอเบร]]
| order4 = [[กองทัพเสรีฝรั่งเศส|หัวหน้ากองทัพเสรีฝรั่งเศส]]
บรรทัด 29:
| birth_place = [[ลีล]], [[ประเทศฝรั่งเศส]]
| death_date = {{วันตายและอายุ|2513|11|9|2433|11|22}}
| death_place = [[โกกอลงเบ-เลส์-เดอ-เซกลีซแบเลเดอเซกลีซ]], [[ประเทศฝรั่งเศส]]
| spouse = [[อีวอนน์วอน เดอ โกลล์โกล]]
| occupation = [[ทหาร]] ([[พลเอก]])
| party = [[Union of Democrats for the Republic|UDR]]
บรรทัด 56:
ชาร์ล เดอ โกล ได้เลือกที่จะใช้ชีวิตเป็นทหารอาชีพ และเขาก็ได้เรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารพิเศษแซ็ง-ซีร์ (École spéciale militaire de Saint-Cyr) เป็นเวลากว่า 4 ปี และได้เข้าร่วมกองทหารราบแทนที่จะเลือกหน่วยทหารหัวกะทิ
 
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง ชาร์ล เดอ โกล ยังคงอยู่ในกองทัพ เป็นนายทหารของพลเอก Maxime Weygand และพลเอกฟีลิป เปแต็ง อย่างต่อเนื่อง ในระหว่างสงครามโปลิชโปแลนด์-โซเวียต ([[พ.ศ. 2462]] - [[พ.ศ. 2464]]) เขาได้อาสาเข้าไปเป็นสมาชิกของหน่วยภารกิจทหารฝรั่งเศสเพื่อโปแลนด์ และได้เป็นครูฝึกทหารราบให้แก่กองทัพโปแลนด์ ต่อมาเขาได้แยกตัวออกเพื่อที่จะเข้าร่วมภารกิจใกล้ ๆ แม่น้ำ Zbrucz (บริเวณ[[ประเทศยูเครน]])และได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ทางทหารอันสูงสุดของโปแลนด์ นั่นก็คือ เครื่องอิสริยาภรณ์ Virtuti Militari
 
เขายังได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยและยังได้ข้อเสนอให้ทำงานต่อที่[[ประเทศโปแลนด์]] แต่เขากลับเลือกที่จะกลับมาทำงานใน[[ประเทศฝรั่งเศส]] และได้เป็นนายทหารเสนาธิการและได้สอนที่โรงเรียนเตรียมทหาร (École Militaire) เป็นผู้อยู่ในอุปถัมภ์ของผู้บังคับบัญชาคนเก่าของเขา คือ พลเอก[[พลเอกฟีลิป เปแต็ง|ฟีลิป เปแต็ง]] ชาร์ล เดอ โกลนั้นได้รับอิทธิพลจากสงครามโปลิชโปแลนด์-โซเวียตเป็นอย่างมากด้วยการใช้รถถัง เคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว และการทำสงครามในสนามเพลาะ เขายังได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างเพื่ออนาคตทางทหารและการเมืองของเขาจากจอมพล Józef Piłsudski แห่ง[[ประเทศโปแลนด์|โปแลนด์]] ในเรื่องการก่อตั้งสหภาพยุโรป
[[ไฟล์:Charles_de_Gaulle_1943_Tunisia.jpg|right|thumb|นายร้อย ชาร์ล เดอ โกล]]
ชาร์ล เดอ โกลได้เห็นขอแตกต่างระหว่างสงครามโปลิชโปแลนด์-โซเวียตและ[[สงครามโลกครั้งที่ 1]] เป็นอย่างมากโดยเฉพาะในด้านประสบการณ์ ซึ่งเขาก็ได้ออกหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับการจัดการการทหารโดยเฉพาะเล่มที่ชื่อว่า ไปสู่ทหารอาชีพ (Vers l'Armée de Métier) ที่เขาได้เสนอองค์ประกอบของทหารที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับหน่วยทหารติดอาวุธ และเหนือกว่านั้นคือแนวคิดที่เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ แนวกำแพงมาชิโนต์ (Maginot Line)
 
แนวคิดเดียวกันนี้ได้ก้าวหน้าไปโดย:
 
* พลตรี จอห์น เฟรเดอริคเฟรเดอริก ชาร์ลชาลส์ ฟูลเลอร์ (J. F. C. Fuller) ชาวอังกฤษ
* Heinz Guderian นักทฤษฎีทางทหารชาวเยอรมัน
* ประธานาธิบดี[[ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์|ไอเซนฮาวร์]]แห่ง[[สหรัฐอเมริกา]]
* พลเอกจอร์จ สมิทธ์สมิท แพตตัน จูเนียร์ แห่ง[[สหรัฐอเมริกา]]
* จอมพล Mikhail Tukhachevsky ชาวรัสเซีย
* พลเอก Władysław Sikorski นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์
 
แต่ถึงกระนั้นแนวคิดของชาร์ล เดอ โกลก็ได้ถูกปฏิเสธจากทหารคนอื่น ๆ โดยเฉพาะพลเอกพิลีปฟีลิป เปแต็ง ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งตึงเครียดขึ้น นักการเมืองฝรั่งเศสเองก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ทำให้เป็นที่สงสัยในความน่าเชื่อถือของทหารอาชีพต่อนักการเมือง ยกเว้น Paul Reynaud ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อชาร์ล เดอ โกล
 
เดอ โกล เองก็ได้ติดต่อกับ Ordre Nouveau (New Order) ในช่วงปลายปี [[พ.ศ. 2477]] ถึงต้นปี [[พ.ศ. 2478]] ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งแนวคิดทางการเมืองของกลุ่มนี้อยู่ในปีกฝ่ายขวา และต้องการที่จะสร้างทางที่ 3 ขึ้นมาระหว่างสังคมนิยมกับทุนนิยม และต่อต้านเสรีนิยม รัฐสภานิยม ประชาธิปไตย และฟาสซิสต์
บรรทัด 81:
วันที่ [[6 มิถุนายน]] [[ปอล เรย์โนด์]] ได้แต่งตั้งเขาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมและสงคราม และให้เขาดูแลเรื่องการประสานงานกับ[[สหราชอาณาจักร]] ในฐานะที่เขาเป็นคนใหม่ในรัฐบาลฝรั่งเศส เขาล้มเหลวในการต่อต้านการยอมแพ้ของฝรั่งเศส และการสนับสนุนในการย้ายรัฐบาลไปยังแอฟริกาเหนือและต่อสู้กับกองทัพเยอรมันให้ถึงที่สุดจากเมืองขึ้นฝรั่งเศส เขาได้รับตำแหน่งนายทหารประสานงานกับสหราชอาณาจักรและเขาก็ได้เสนอ[[วินสตัน เชอร์ชิลล์]] ในการรวมประเทศฝรั่งเศสเข้ากับสหราชอาณาจักรเป็นประเทศเดียวกัน ด้วยทหารและรัฐบาลเดียวกันในระหว่างสงครามนี้ ซึ่งเป็นข้อเสนอสุดท้ายเพื่อชาวฝรั่งเศสที่ต้องการจะสู้ในสงครามต่อไป ในวันที่ [[16 มิถุนายน]] ใน[[ลอนดอน|กรุงลอนดอน]]
 
เขาได้ขึ้นเครื่องบินกลับไปยังบอร์กโดซ์[[บอร์โด]] (รัฐบาลเฉพาะกาลของสาธารณรัฐฝรั่งเศส) ในบ่ายวันเดียวกัน และเพิ่งได้ข่าวว่า[[ฟิลิป เปแต็ง]] ได้เป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมกับความคิดที่จะสงบศึกกับเยอรมนี
 
วันนั้นเองที่เขาได้ตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาและประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของฝรั่งเศสนั่นคือการประกาศไม่ยอมรับการยอมแพ้ของฝรั่งเศสและยังได้ต่อต้านกฎหมายของรัฐบาลของ[[ฟิลิปฟีลิป เปแต็ง|เปแต็ง]] (ซึ่งในมุมมองของเขาคือกฎหมายที่ไม่ชอบธรรม) และได้ประกาศทำสงครามต่อกับ[[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]] ต่อมาในวันที่ [[17 มิถุนายน]] เขาได้หลบหนีออกจากบอร์กโดซ์บอร์โดพร้อมกับทองคำ 100,000 ฟรังก์ซึ่งเป็นเงินลับที่ [[ปอล เรย์โนด์แรโน]] ได้ให้เขาในคืนก่อน เขาหนีรอดอย่างหวุดหวิดจากเครื่องบินรบเยอรมันและถึงกรุงลอนดอนในบ่ายวันนั้น เดอ โกลได้ปฏิเสธการยอมจำนนของประเทศฝรั่งเศสและเตรียมพร้อมในการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะต่อสู่กับเยอรมนี ดังนั้นการเกิดสงครามกลางเมืองฝรั่งเศสก็สามารถปะทุขึ้นได้ทุกเวลา ยุค[[วิชีฝรั่งเศสฝรั่งเศสเขตวีชี]]ที่อยู่ข้างฝ่ายอักษะได้ก่อกำเนิดแล้ว จะต้องต่อสู้กับ[[แนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศส]]นำโดยชาร์ล เดอ โกลที่ปฏิเสธและต่อต้านการสงบศึก
 
== สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2: แนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศส ==
บรรทัด 111:
บางครั้งในภาวะตึงเครียด กล่าวกันว่า เชอร์ชิลล์ได้เคยพูดเป็นภาษาฟร็องแกล (''ภาษาฝรั่งเศส + ภาษาอังกฤษ / français + anglais'') ว่า '''Si vous ne co-operatez, je vous obliterai''' ซึ่งแปลว่า '''ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ ผมจะทำลายคุณซะ'''
 
เขาได้ทำงานร่วมกับกลุ่มการต่อต้านของฝรั่งเศสและผู้สนับสนุนการครอบครองเมืองขึ้นฝรั่งเศสบริเวณแอฟริกา ต่อมาหลังภารกิจ Operation Torch ที่ทหารอังกฤษและอเมริกันยกพลบุกเมืองขึ้นฝรั่งเศสในแอฟริกาเหนือในเดือน[[พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2485]] (เมืองขึ้นฝรั่งเศสขณะนั้นภายใต้รัฐบาลวิชีฝรั่งเศสฝรั่งเศสเขตวีชี) ชาร์ล เดอ โกลได้ย้ายกองบัญชาการไปยัง[[แอลเจียร์|เมืองแอลเจียร์]] [[ประเทศแอลจีเรีย]]ในเดือน[[พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2486]] หลังจากนั้นเดอ โกลก็ได้เป็นประธานร่วม (ร่วมกับพลเอกอ็องรี ชีโรด์ ซึ่งสหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุน) และภายหลังเป็นประธานคณะกรรมมาธิการปลดปล่อยแห่งชาติ (คนเดียว)
 
ระหว่างภารกิจการปลดปล่อยฝรั่งเศสนั้น ทหารอังกฤษและอเมริกันก็ได้ยกพลขึ้นผืนแผ่นดินใหญ่ที่ประเทศฝรั่งเศสในภารกิจ Operation Overlord หรือเป็นที่คุ้นหูในนาม "การรบแห่งนอร์ม็องดี" เดอ โกลก็สถาปนา[[แนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศส]]ในผืนแผ่นดินใหญ่ฝรั่งเศส หลีกเลี่ยง '''รัฐบาลทหารสัมพันธมิตรเพื่อครอบครองดินแดน (AMGOT)''' เขาได้นั่งเครื่องบินจาก[[ประเทศแอลจีเรีย]]มายังฝรั่งเศสก่อนการเป็นเสรีภาพของ[[ปารีส|กรุงปารีส]] และได้เคลื่อนที่เข้าไปบริเวณแนวหน้าใกล้ ๆ เมืองหลวงพร้อมกับทหารสัมพันธมิตร เขาได้กลับไปยัง[[กรุงปารีส]]ในไม่ช้า และก็ได้กลับเข้าทำงานในกระทรวงระหว่างสงคราม และก็ได้ประกาศว่าสาธารณรัฐที่ 3 ยังคงอยู่ต่อไปและปฏิเสธการปกครองของวิชีฝรั่งเศส
บรรทัด 119:
ภายใต้การนำของชาร์ล เดอ โกล ผู้ที่ได้ทำการต่อต้านและต่อสู้เพื่อฝรั่งเศสมาก่อนหน้านี้แล้วนั้น (ส่วนมากเป็นทหารจากเมืองขึ้นฝรั่งเศส) สามารถเคลื่อนกองทัพ ๆ หนึ่งของฝรั่งเศสในบริเวณแนวตะวันตกได้ โดยการกระทำภารกิจยกพลขึ้นทางตอนใต้ของฝรั่งเศส (Operation Dragoon) ซึ่งสามารถทำให้ 1 ใน 3 ของประเทศฝรั่งเศสเป็นเสรีจากกองทัพเยอรมันได้ ทหารกลุ่มนี้เรียกว่า '''กองทัพฝรั่งเศสกลุ่มแรก''' ทำให้กองทัพฝรั่งเศสนั้นได้เข้าร่วมในการต่อสู้กับเยอรมนีทางทหารพร้อมเพรียงกับทหารอังกฤษโดยปริยาย และยังได้ยึดดินแดนที่กองทัพเยอรมันครอบครองไว้คืนมาอีกด้วย และนี่ส่งผลไปถึงการที่ฝรั่งเศสมีส่วนร่วมในสนธิสัญญาการยอมแพ้ของ[[เยอรมนี]]ด้วย มากกว่านั้นฝรั่งเศสยังมีโอกาสที่จะควบคุม 1 ใน 4 ส่วนของประเทศเยอรมนีหลังสงครามอีกด้วย (พร้อมกับ [[สหราชอาณาจักร]] [[รัสเซีย]] และ[[สหรัฐอเมริกา]])
 
เดอ โกลได้ลาออกเมื่อวันที่ [[20 มกราคม]] [[พ.ศ. 2489]] ด้วยการตำหนิว่าพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่ามีความขัดแย้งกันเองและไม่รับรอง[[รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 4]] ซึ่งเขาเชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจรัฐสภามากเกินไป พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงพันธมิตรของพรรคการเมือง คนที่ได้รับตำแหน่งต่อจากเขาคือ [[เฟลิกซ์ กูแองกวง]] (SFIO), ต่อมาคือ [[ฌอร์ฌ บีโด]] (MRP) และสุดท้ายคือ [[เลอง บลูม]] (SFIO)
 
== อ้างอิง ==
บรรทัด 148:
|สี3 = #F9C8BF
|รูปภาพ = Coat of arms of Andorra.svg
|ตำแหน่ง = [[ผู้ปกครองร่วมแห่งอันดอร์รา]]<br />ร่วมกับ [[รามนมอน อิกเลเซียสอีเกลเซียส อี นาวาร์รีบาร์รี]]
|จำนวนตำแหน่ง =
|ก่อนหน้า = [[เรอเน กอตี]]
บรรทัด 165:
|ก่อนหน้า = [[ฟีลิป เปแต็ง]]<br /><small>([[ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประมุขแห่งรัฐฝรั่งเศส]])</small>
|จำนวนก่อนหน้า =
|ถัดไป = [[เฟลิกซ์ กูแอ็งกวง]]
|จำนวนถัดไป = 2
|ช่วงเวลา = [[พ.ศ. 2487]] - [[พ.ศ. 2489]]
บรรทัด 191:
|ก่อนหน้า = [[ฟีลิป เปแต็ง]]
|จำนวนก่อนหน้า =
|ถัดไป = [[เฟลิกซ์ กูแอ็งกวง]]
|จำนวนถัดไป =
|ช่วงเวลา = [[พ.ศ. 2487]] - [[พ.ศ. 2489]]
บรรทัด 214:
|ตำแหน่ง = [[บุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์]]
|จำนวนตำแหน่ง =
|ก่อนหน้า = [[นิกิต้ากิตา ครุสชอฟ|นีคีตา ฮรุชชอฟ]]
|จำนวนก่อนหน้า =
|ถัดไป = [[ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์]]