ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าเพชรราช รัตนวงศา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Saeng Petchchai (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ฉัตรา (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ตรวจลิขสิทธิ์}}
{{รอการตรวจสอบ}}
{{ขาดอ้างอิง}}
[[ไฟล์:Phetxalat.jpg|thumb|เจ้าเพชรราช (ฉลองพระองค์สีขาว สวมแว่นตา) ภาพจากนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 26 ฉบับที่ 10 ประจำเดือน[[สิงหาคม]] [[พ.ศ. 2548]] เจ้าเพชรราช เสด็จไปเยี่ยมเยือนฐานที่มั่นของแนวลาวรักชาติ แขวงหัวพัน และเยี่ยมเจ้าสุภานุวงศ์ (ทางขวาของเจ้าเพชรราช)]]
 
'''เจ้าเพชรราช รัตนวงศา''' ([[19 มกราคม]] [[พ.ศ. 2433]] - [[14 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2502]]) วีรบุรุษของ[[ชาวลาว]] ผู้ทรงจัดตั้ง[[รัฐบาลลาวอิสระ]]เพื่อปลดแอกจากการปกครองของ[[ฝรั่งเศส]] และรวมแผ่นดิน[[ลาว]]ทั้งหมดให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวในช่วงหลัง[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] ทรงเป็น[[พระมหาอุปราช]]พระองค์เดียวในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรลาวล้านช้างหลวงพระบาง และทรงดำรงตำแหน่ง[[นายกรัฐมนตรี]]ของลาวในช่วง [[พ.ศ. 2485]] - [[พ.ศ. 2488|2488]] ทรงได้รับการนับถือจากชาวลาวเป็นอย่างมากตราบจนถึงทุกวันนี้
 
{{ตรวจลิขสิทธิ์}}
== ประวัติ ==
เจ้าเพชรราช ประสูติ ณ ตำหนักวังหน้า นครหลวงพระบาง เมื่อวันอาทิตย์ เดือนยี่ แรม 9 ค่ำ ปีฉลู จุลศักราช 1251 เวลา 11.55 น. ตรงกับวันที่ 19 มกราคม 2432 (ค.ศ.1889) เป็นโอรสองค์ที่ 3 ของเจ้ามหาอุปราชบุญคง ซึ่งสืบตระกูลมาจากเจ้ามหาอุปราชอุ่นแก้วซึ่งเป็นต้นตระกูลเดิม เมื่ออายุได้ 7 ปีกว่าจึงเริ่มเรียนหนังสือลาวและหนังสือสยามและภาษาฝรั่งเศส พร้อมๆกับการติดสอยตามพระบิดาไปตรวจงานหัวเมืองเสมอ ปี พ.ศ. 2442 ทรงผนวชเป็นสามเณรที่วัดธาตุหลวงเรียนภาษาบาลี ปี พ.ศ. 2447 ได้เสด็จไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส ที่โรงเรียนโกโลนิยาล (Colonial) ซึ่งเป็นร.ร.ที่ฝรั่งเศสตั้งขึ้นเพื่ออบรมผู้ที่จะไปเป็นข้าราชการปกครองในประเทศหัวเมืองขึ้น ต่อมาเข้าโรงเรียนมัธยมมงเตเยอ แผนกวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกภาษาอังกฤษ ในระหว่างปิดเทอมได้ข้ามไปพักในอังกฤษ อาศัยอยู่กับมิสเตอร์เลนน อาจารย์สอนดาราศาสตร์จึงทำให้เกิดสนใจในดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ตั้งแต่นั้นมา ต่อมาได้แต่งหลักคำนวณปฏิทินลาวไว้ด้วย พระองค์ศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมเซนต์หลุยส์ถึงปี 2453 เสด็จกลับมาผนวชเป็นพระภิกษุที่วัดหนองสระแก้วตามประเพณี เมื่อลาผนวชแล้ว เข้ารับราชการเป็นผู้ร่างหนังสืออยู่กองคลัง หลวงพระบาง
พระองค์อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงคำแว่น พระพี่นางเธอของเจ้าศรีสว่างวงศ์ ซึ่งตกพุ่มหม้ายและมีอายุมากกว่าหลายปี ทั้งนี้ว่ากันว่าเป็นการประสานรอยร้าวระหว่างราชวงศ์หลวงพระบางและราชวงศ์เวียงจันทร์ (ตระกูลวังหน้ากับตระกูลวังหลัง) มีพระโอรสและพระธิดา 3 องค์ คือ เจ้าหญิงคำผิว (เสียชีวิต) เจ้าหญิงคำจันทร์ (สามีเป็นชาวฝรั่งเศส) และเจ้าชายสุริยะราช
ขณะรับตำแหน่งผู้ตรวจราชการหัวเมืองลาวที่นครเวียงจันทร์ ได้อนุชายา ชื่อนางศรี (ชาวเวียงจันทร์) บุตรธิดา 2 คน ได้แก่ เจ้าหญิงอรุณา (เจ้านา) เพชรราช และเจ้าชายอุ่นแก้ว (เจ้าแก้ว) เพชรราช <ref>มหาสิลา วีระวงศ์</ref> (ภายหลังเมื่อสิ้นเจ้าเพชรราชแล้ว ทั้งสองท่านนี้ได้ตามหม่อมอภิณพร รัตนวงศามาอยู่ในเมืองไทย เจ้านาเรียนพยาบาล และเจ้าแก้วรับราชการทหาร)<ref>(ข้อมูลจากนายอติศัย แพ่งสภา)</ref>
== ตัวอักษรหัวเรื่อง ==
เจ้าเพชรราช ประสูติ ณ ตำหนักวังหน้า นครหลวงพระบาง เมื่อวันอาทิตย์ เดือนยี่ แรม 9 ค่ำ ปีฉลู
พ.ศ. 2489 เมื่อต้องทรงลี้ภัยทางการเมืองเข้ามาอยูในประเทศไทย พร้อมรัฐบาลลาวอิสระและประชาชนเมืองลาวผู้รักอิสรภาพหลายพันคนเป็นเวลานานถึง 11 ปี ขณะพำนักลี้ภัยในประเทศไทย มีคุณอภิณพร ยงใจยุทธเป็นแม่บ้าน ต่อมาได้สมรสกับคุณอภิณพรเปลี่ยนเป็นหม่อมอภิณพร รัตนวงศา (นามสกุล “รัตนวงศา” ทรงตั้งขึ้นเองเมื่ออยู่ในเมืองไทย สืบเนื่องจากพระมหาอุปราชอุ่นแก้วพระบิดา) หม่อมอภิณพรฯ เป็นกำลังสำคัญของการปฎิบัติการกู้ชาติ ผู้ทำหน้าที่แม่บ้านปกครองดูแลผู้คนจำนวนมาก เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานกับรัฐบาลไทย บริหารการจัดการเงินจัดหาค่าใช้จ่าย เป็นเลขานุการส่วนพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนพระองค์เจ้าเพชรราช เจรจาการเมืองและ
จุลศักราช 1251 เวลา 11.55 น. ตรงกับวันที่ 19 มกราคม 2432 (ค.ศ.1889) เป็นโอรส
เรื่องส่วนพระองค์ ทั้งในและนอกราชอาณาจักรไทย ไปพนมเปญ ไปย่างกุ้ง เพื่อทำความเข้าใจร่วมระหว่างลาวเขมรญวนและพม่าที่ต่างมุ่งล้างอิทธิพลชาวผิวขาวด้วยกัน
องค์ที่ 3 ของเจ้ามหาอุปราชบุญคง ซึ่งสืบตระกูลมาจากเจ้ามหาอุปราชอุ่นแก้วซึ่งเป็นต้นตระกูลเดิม
 
เมื่ออายุได้ 7 ปีกว่าจึงเริ่มเรียนหนังสือลาวและหนังสือสยามและภาษาฝรั่งเศส พร้อมๆกับการติด
พ.ศ. 2490 รัฐบาลฝรั่งเศสยินยอมให้ประเทศลาวเป็นเอกราชในเครือสหพันธ์ฝรั่งเศส เจ้าเพชรราชทรงไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าเอกราชนั้นไม่สมบูรณ์ จึงทรงวางมือทางการเมืองไม่เข้ากับฝ่ายใด เพราะเจ้าสุวรรณภูมา พระอนุชาองค์ที่ 1 เข้ากับฝรั่งเศส, เจ้าสุภานุวงศ์ อนุชา องค์ที่ 2 เข้ากับเวียตนามเหนือ, รัฐบาลไทยโดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี รับรองรัฐบาลลาวตามนโยบายการเมืองที่จำเป็น
สอยตามพระบิดาไปตรวจงานหัวเมืองเสมอ
ปี พ.ศ. 2442 ทรงผนวชเป็นสามเณรที่วัดธาตุหลวงเรียนภาษาบาลี
ขณะที่ประทับในเมืองไทยนับแต่วางมือจากการเมือง และหายจากโรคกระเพาะอาหารที่ต้องรับการผ่าตัด จึงหันหน้าเข้าป่าล่าเนื้อกับบรรดาเจ้านายไทยและข้าราชการไทยผู้ที่ชอบกีฬาล่าเนื้อเหมือนกัน <ref>สหายนักนิยมไพร : พล.ต.พระศัลยเวทย์วิศิษฐ์,พ.อ.พระยาสุรพันธเสนีย์,พันเอกพระอินทร์สรศัลย์ , นายสรศัลย์ แพ่งสภา, นายอติศัย แพ่งสภา ฯ</ref> จนเป็นที่รักชอบกัน
ปี พ.ศ. 2447 ได้เสด็จไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส ที่โรงเรียนโกโลนิยาล (Colonial)
(เป็นร.ร.ที่ฝรั่งเศสตั้งขึ้นเพื่ออบรมผู้ที่จะไปเป็นข้าราชการปกครองในประเทศหัวเมืองขึ้น)
พ.ศ. 2499 เสด็จเจ้าสุวรรณภูมา ได้ทูลเชิญเจ้าเพชรราชกลับเพื่อแก้ปัญหายุ่งยากในประเทศ และได้เสด็จกลับในวันที่ 22 มีนาคม 2500 โดยทางรถไฟจากกรุงเทพถึงหนองคาย มีประชาชนลาวไปต้อนรับอย่างล้นหลาม เมื่อเสด็จกลับสู่ราชอาณาจักรลาวอีกครั้ง เป็นความปลี้มปิติและความหวังใหม่ที่ชาติลาวจะได้สงบร่มเย็น เจริญรุ่งเรืองไร้การครอบครองของชาติอื่น ท่านกลายเป็นเทพเจ้าของคนลาว แต่ก็เป็นชนวนให้เกิดความไม่พอใจ รวมทั้งอุปสรรคขวากหนามต่างๆ ที่ทำให้พระองค์ตระหนักถึงความล้มเหลว ในการรวมตัวกันสร้างชาติใหม่ และทรงทราบถึงอันตรายบางประการ
ต่อมาเข้าโรงเรียนมัธยมมงเตเยอ แผนกวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกภาษาอังกฤษ
 
ในระหว่างปิดเทอมได้ข้ามไปพักในอังกฤษ อาศัยอยู่กับมิสเตอร์เลนน อาจารย์สอนดาราศาสตร์
ประมาณเดือนกรกฎาคม 2502 ทรงมีลายพระหัตถ์ถึงพระสหายนักนิยมไพรในกรุงเทพฯ <ref>ตามอ้างอิงสมาชิกสมาคมนักนิยมไพร</ref> บรรยายถึงความผิดหลังและล้มเหลว รับสั่งว่าถึงคราวที่ต้องเสด็จนิราศจากแผ่นดินเกิด เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในเมืองไทยอีกครั้ง ประมาณว่าจะเสด็จในเดือนธันวาคม 2502 แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีผู้ใดคาดฝัน อุบัติขึ้นเช้าวันที่ 16 ตุลาคม 2502 พระสหายในกรุงเทพฯ ได้รับแจ้งจากเจ้าคำปาน
จึงทำให้เกิดสนใจในดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ตั้งแต่นั้นมา ต่อมาได้แต่งหลักคำนวณปฏิทิน
ลาวไว้ด้วย
ศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมเซนต์หลุยส์ถึงปี 2453 เสด็จกลับมาผนวชเป็นพระภิกษุที่วัดหนอง
สระแก้ว ตามประเพณี เมื่อลาผนวชแล้ว เข้ารับราชการเป็นผู้ร่างหนังสืออยู่กองคลัง หลวงพระบาง
อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงคำแว่น พระพี่นางเธอของเจ้าศรีสว่างวงศ์ ซึ่งตกพุ่มหม้ายและมีอายุมาก
กว่าหลายปี ทั้งนี้ว่ากันว่าเป็นการประสานรอยร้าวระหว่างราชวงศ์หลวงพระบางและราชวงศ์เวียงจันทร์
(ตระกูลวังหน้ากับตระกูลวังหลัง) มีพระโอรสและพระธิดา 3 องค์ คือ
1 เจ้าหญิงคำผิว (เสียชีวิต)
2 เจ้าหญิงคำจันทร์ (สามีเป็นชาวฝรั่งเศส)
3 เจ้าชายสุริยะราช
ขณะรับตำแหน่งผู้ตรวจราชการหัวเมืองลาวที่นครเวียงจันทร์ ได้อนุชายา ชื่อนางศรี (ชาวเวียงจันทร์) บุตรธิดา 2 คน
1 เจ้าหญิงอรุณา (เจ้านา) เพชรราช
2 เจ้าชายอุ่นแก้ว (เจ้าแก้ว) เพชรราช <ref>มหาสิลา วีระวงศ์</ref>
(ภายหลังเมื่อสิ้นเจ้าเพชรราชแล้ว ทั้งสองท่านนี้ได้ตามหม่อมอภิณพร รัตนวงศามาอยู่ในเมืองไทย เจ้านาเรียนพยาบาล และเจ้าแก้วรับราชการทหาร)<ref>(ข้อมูลจากนายอติศัย แพ่งสภา)</ref>
พ.ศ. 2489 เมื่อต้องทรงลี้ภัยทางการเมืองเข้ามาอยูในประเทศไทย พร้อมรัฐบาลลาวอิสระและประชาชนเมืองลาวผู้รักอิสรภาพ
หลายพันคนเป็นเวลานานถึง 11 ปี ขณะพำนักลี้ภัยในประเทศไทย มีคุณอภิณพร ยงใจยุทธเป็นแม่บ้าน ต่อมาได้สมรสกับคุณอภิณพร
เปลี่ยนเป็นหม่อมอภิณพร รัตนวงศา (นามสกุล “รัตนวงศา” ทรงตั้งขึ้นเองเมื่ออยู่ในเมืองไทย สืบเนื่องจากพระมหาอุปราชอุ่นแก้วพระบิดา)
หม่อมอภิณพรฯ เป็นกำลังสำคัญของการปฎิบัติการกู้ชาติ ผู้ทำหน้าที่แม่บ้านปกครองดูแลผู้คนจำนวนมาก เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานกับ
รัฐบาลไทย บริหารการจัดการเงินจัดหาค่าใช้จ่าย เป็นเลขานุการส่วนพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนพระองค์เจ้าเพชรราช เจรจาการเมืองและ
เรื่องส่วนพระองค์ ทั้งในและนอกราชอาณาจักรไทย ไปพนมเปญ ไปย่างกุ้ง เพื่อทำความเข้าใจร่วมระหว่างลาวเขมรญวนและพม่าที่ต่างมุ่ง
ล้างอิทธิพลชาวผิวขาวด้วยกัน
พ.ศ. 2490 รัฐบาลฝรั่งเศสยินยอมให้ประเทศลาวเป็นเอกราชในเครือสหพันธ์ฝรั่งเศส เจ้าเพชรราชทรงไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าเอกราช
นั้นไม่สมบูรณ์ จึงทรงวางมือทางการเมืองไม่เข้ากับฝ่ายใด เพราะเจ้าสุวรรณภูมา พระอนุชาองค์ที่ 1 เข้ากับฝรั่งเศส, เจ้าสุภานุวงศ์ อนุชา
องค์ที่ 2 เข้ากับเวียตนามเหนือ, รัฐบาลไทยโดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี รับรองรัฐบาลลาวตามนโยบายการเมืองที่จำเป็น
ขณะที่ประทับในเมืองไทยนับแต่วางมือจากการเมือง และหายจากโรคกระเพาะอาหารที่ต้องรับการผ่าตัด จึงหันหน้าเข้าป่าล่าเนื้อกับบรรดา
เจ้านายไทยและข้าราชการไทยผู้ที่ชอบกีฬาล่าเนื้อเหมือนกัน <ref>สหายนักนิยมไพร : พล.ต.พระศัลยเวทย์วิศิษฐ์,พ.อ.พระยาสุรพันธเสนีย์,
พันเอกพระอินทร์สรศัลย์ , นายสรศัลย์ แพ่งสภา, นายอติศัย แพ่งสภา ฯ</ref> จนเป็นที่รักชอบกัน
<ref></ref> พ.ศ. 2499 เสด็จเจ้าสุวรรณภูมา ได้ทูลเชิญเจ้าเพชรราชกลับเพื่อแก้ปัญหายุ่งยากในประเทศ และได้เสด็จกลับใน
วันที่ 22 มีนาคม 2500 โดยทางรถไฟจากกรุงเทพถึงหนองคาย มีประชาชนลาวไปต้อนรับอย่างล้นหลาม
เมื่อเสด็จกลับสู่ราชอาณาจักรลาวอีกครั้ง เป็นความปลี้มปิติและความหวังใหม่ที่ชาติลาวจะได้สงบร่มเย็น เจริญรุ่งเรืองไร้การครอบครองของชาติ
อื่น ท่านกลายเป็นเทพเจ้าของคนลาว แต่ก็เป็นชนวนให้เกิดความไม่พอใจ รวมทั้งอุปสรรคขวากหนามต่างๆ ที่ทำให้พระองค์ตระหนักถึงความ
ล้มเหลว ในการรวมตัวกันสร้างชาติใหม่ และทรงทราบถึงอันตรายบางประการ
ประมาณเดือนกรกฎาคม 2502 ทรงมีลายพระหัตถ์ถึงพระสหายนักนิยมไพรในกรุงเทพฯ <ref>ตามอ้างอิงสมาชิกสมาคมนักนิยมไพร
</ref> บรรยายถึงความผิดหลังและล้มเหลว รับสั่งว่าถึงคราวที่ต้องเสด็จนิราศจากแผ่นดินเกิด เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในเมืองไทยอีกครั้ง ประมาณว่าจะเสด็จในเดือนธันวาคม 2502
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีผู้ใดคาดฝัน อุบัติขึ้นเช้าวันที่ 16 ตุลาคม 2502 พระสหายในกรุงเทพฯ ได้รับแจ้งจากเจ้าคำปาน
เอกอัครราชทูตลาว ณ กรุงเทพ ว่า เจ้าพชรราชสิ้นพระชนม์แล้วเมื่อ 15 ตุลาคม 2502 ณ วังเชียงแก้ว สาเหตุเส้นโลหิตในพระสมองแตก
 
'''อ้างอิง''' ๑. หนังสือเจ้าเพชรราช เรียบเรียงโดยมหสิลา วีระวงส์
== อ้างอิง ==
๒. บทความเรื่อง "เจ้าเพชรราช มหาอุปราชแห่งเวียงจันทร์ " เรียบเรียงโดยนายสรศัลย์ แพ่งสภา และนายอติศัย แพ่งสภา
* หนังสือเจ้าเพชรราช เรียบเรียงโดยมหสิลา วีระวงส์
และโดยความร่วมมือของสมาชิกนิยมไพรไทยจากประสบการณ์จริง รวมทั้งนายอติศัยฯ ที่ได้ช่วยเหลืองานด้านการเกษตรขององค์การ USOM
* บทความเรื่อง "เจ้าเพชรราช มหาอุปราชแห่งเวียงจันทร์ " เรียบเรียงโดยนายสรศัลย์ แพ่งสภา และนายอติศัย แพ่งสภา และโดยความร่วมมือของสมาชิกนิยมไพรไทยจากประสบการณ์จริง รวมทั้งนายอติศัยฯ ที่ได้ช่วยเหลืองานด้านการเกษตรขององค์การ USOM ในประเทศลาว พักอาศัยอยู่ที่วังเวียงจันทร์ จนวันสุดท้าย 15 ตุลาคม 2502
{{รายการอ้างอิง}}
 
==แหล่งข้อมูลอื่น==
* [http://www.matichon.co.th/art/art.php?srctag=0601010848&srcday=2005/08/01&search=no ชีวิตผู่ข้า (อัตชีวประวัติของข้าพเจ้า)] โดย [[มหาสิลา วีระวงส์]]
* [http://www.pangmalakul.com/p2-ww2-0.shtml สถานการณ์ในอินโดจีน หลังสงครามมหาเอเชียบูรพา] จากหนังสือ 60 ปีในความทรงจำ [[พลเอก]][[แป้ง มาลากุล ณ อยุธยา]]
 
{{เริ่มกล่อง}}
{{สืบตำแหน่ง
|สี1 = #E9E9E9
|สี2 =
|สี3 = #E9E9E9
|รูปภาพ =Coat_of_arms_of_Laos.svg
|ตำแหน่ง = [[รายนามนายกรัฐมนตรีลาว|นายกรัฐมนตรีลาว]]
|จำนวนตำแหน่ง =
|ก่อนหน้า = —
|จำนวนก่อนหน้า =
|ถัดไป = [[พระยาคำม้าว วิไล]]
|จำนวนถัดไป =
|ช่วงเวลา = [[พ.ศ. 2483]] – [[10 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2488]]
}}
{{จบกล่อง}}
 
{{นายกรัฐมนตรีลาว}}
{{ประสูติปี|2433}}
{{สิ้นพระชนม์ปี|2502}}
 
[[หมวดหมู่:นายกรัฐมนตรีลาว]]
[[หมวดหมู่:พระบรมวงศานุวงศ์ลาว]]
 
[[en:Phetsarath Rattanavongsa]]
[[fr:Phetsarath Rattanavongsa]]
[[is:Phetsarath]]
[[tr:Phetsarath Rattanavongsa]]
[[war:Phetsarath]]
[[zh:佩差拉亲王]]