ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แคปพาโดเชีย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
EmausBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.6.4) (โรบอต แก้ไข: ar:قباذق
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{| class="toccolours" border="1" cellpadding="2" cellspacing="2" style="float: right; margin: 0 0 1em 1em; width: 250px; border-collapse: collapse; font-size: 95%;"
|-
| colspan="2" style="margin-left: inherit; background:#DEB887; text-align:center; font-size: medium;" |ภูมิภาคโบราณแห่งอานาโตเลีย<br />'''คัปปาแคปพาโดเกียเชีย'''
|- align="center"
| colspan="2" | <div style="position:relative; margin: 0 0 0 0; border-collapse: collapse; border="1" cellpadding="0">[[ไฟล์:Cappadocia Aktepe Panorama.JPG|300px]]</div>
|- style="vertical-align: top;"
| colspan="2" | ภูเขา Aktepe ไม่ไกลจาก[[เกอเรเม]]และภูมิภาคเขาหินแห่งคาพะแคปพาโดเคียเชีย ([[มรดกโลก]][[ยูเนสโก]])
|- style="vertical-align: top;"
| '''ที่ตั้ง'''
บรรทัด 17:
|- style="vertical-align: top;"
| '''[[จังหวัดโรมัน]]'''
| คาพะแคปพาโดเคียเชีย
|- style="vertical-align: top;"
|- align="center"
บรรทัด 26:
|}
{{Infobox World Heritage Site
| WHS = [[Göreme|อุทยานแห่งชาติเกอเรเม]] และ<br />ภูมิภาคเขาหินแห่งคัปปาแคปพาโดเกียเชีย
| Image =
| State Party = {{TUR}}
บรรทัด 37:
| Link = http://whc.unesco.org/en/list/357
}}
'''คัปปาแคปพาโดเกียเชีย''' ({{lang-el|Καππαδοκία}} ''คัปปาแคปพาโดเกียเชีย''<ref>[http://www.searchgodsword.org/lex/grk/view.cgi?number=2587 การออกเสียงคำว่า Καππαδοκία]</ref>; {{lang-en|Cappadocia}} {{IPAc-en|icon|k|æ|p|ə|ˈ|d|oʊ|ʃ|ə}} ''แคเพอะโดเชอะ'') แผลงมาจากคำใน[[ภาษากรีก]] “Καππαδοκία” (Kappadokía) คือภูมิภาคตอนกลางของ[[ประเทศตุรกี]]ที่ส่วนใหญ่อยู่ใน[[Nevşehir Province|จังหวัดเนฟชีร์]]
 
คัปปาแคปพาโดเกีย”เชีย” เป็นชื่อที่ปรากฏตลอดมาในประวัติศาสตร์ของ[[คริสต์ศาสนา]]และเป็นชื่อที่ใช้โดยทั่วไปที่หมายถึงบริเวณที่เป็นที่น่าสนใจแก่นักท่องเที่ยว ในบริบทของภูมิภาคอันมีความน่าตื่นตาตื่นใจทางธรรมชาติ โดยเฉพาะภูมิสัณฐานที่มีลักษณะเป็นแท่งๆ คล้ายหอปล่องไฟ หรือ เห็ด ([[Hoodoo|ปล่องไฟธรรมชาติ]] (fairy chimney)) และประวัติความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาค[[อานาโตเลีย]]
 
ในสมัยของ[[เฮโรโดทัส]] กลุ่มชาติพันธุ์คาพะแคปพาโดเคียเชียกล่าวว่าเป็นผู้ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในภูมิภาคตั้งแต่[[Mount Taurus|ภูเขาทอรัส]]ไปจนถึงบริเวณยูซีน ([[ทะเลดำ]]) ฉะนั้นคัปปาแคปพาโดเกียเชียในกรณีนี้จึงมีบริเวณทางตอนใต้จรด[[Taurus Mountains|เทือกเขาทอรัส]] ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติที่แยกจาก[[Cilicia|ซิลิเคีย]], ทางตะวันออกโดย[[แม่น้ำยูเฟรทีส]]ตอนเหนือและ [[Armenian Highland|ที่ราบสูงอาร์เมเนีย]], ทางตอนเหนือโดยภูมิภาค[[พอนทัส]] และทางตะวันตกโดยภูมิภาค[[Lycaonia|ไลเคาเนีย]] และ [[Galatia|กาเลเชีย]]ตะวันออก<ref>Van Dam, R. ''Kingdon of Snow: Roman rule and Greek culture in Cappadocia.'' Philadelphia: University of Pennsylvania Press, 2002, p.13. [http://books.google.com/books?id=Iskwzsz51KMC&printsec=frontcover&source=gbs_v2_summary_r&cad=0#v=onepage&q=&f=false]''</ref>
 
== ที่มา ==
หลักฐานทางประวัติศาสตร์หลักฐานแรกที่กล่าวถึงคัปปาแคปพาโดเกียเชียเขียนขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ที่ปรากฏในคำจารึกสามภาษา ของ[[จักรพรรดิดาไรอัสมหาราช]] และ [[จักรพรรดิเซอร์ซีสมหาราช|จักรพรรดิเซอร์ซีส]]แห่ง[[จักรวรรดิอคีเมนียะห์]]ว่าเป็นอาณาจักร หรือ “dahyu-” หนึ่งของ[[จักรวรรดิอคีเมนียะห์|จักรวรรดิเปอร์เซีย]] ที่เรียกเป็นภาษาเปอร์เซียโบราณว่า “Katpatuka” ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ต้นรากของชื่อภาษาเปอร์เซียโดยทั่วไป [[Elamite language|ภาษาเอลาไมท์]] และ [[Akkadian language|ภาษาอัคคาเดีย]]ใช้ชื่อที่คล้ายคลึงกันจากภาษาอัคคาเดีย “katpa” “side” ที่แผลงมาจากชื่อบรรพบุรุษ “Tuka”<ref>Room, Adrian. (1997). Placenames of the World. London: MacFarland and Company.</ref>
 
[[เฮโรโดทัส]]กล่าวว่าชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์คาพะแคปพาโดเคียเชียเป็นชื่อที่ชาวเปอร์เซียใช้เรียกชนกลุ่มดังกล่าวนี้ ขณะที่[[กรีกโบราณ|ชาวกรีก]]เรียกว่า “ชาวซีเรีย” หรือ “ชาวซีเรียขาว” (Leucosyri) ชนเผ่าหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์คาพะแคปพาโดเคียที่เชียที่[[เฮโรโดทัส]]กล่าวถึงคือ[[Moschoi|โมสชอย]] ที่นักประวัติศาสตร์[[โจซีฟัส]]กล่าวว่ามีความเกี่ยวข้องกับบุคคลในพระคัมภีร์ไบเบิลชื่อ[[Meshech|เมเช็ค]]บุตรของ[[Japheth|ยาเฟ็ธ]]: “และโมโซเคนีก่อตั้งขึ้นโดยโมซอค; ที่ปัจจุบันคือกลุ่มชาติพันธุ์คาพะแคปพาโดเคีย”เชีย”<ref>[[Antiquities of the Jews]] I:6</ref><ref> [[Ketubah]] 13:11 in the [[Mishna]]</ref>
 
คัปปาแคปพาโดเกียเชียปรากฏในพระคัมภีร์ไบเบิลใน “[[กิจการของอัครทูต]]” 2:9 กลุ่มชาติพันธุ์คัปปาแคปพาโดเกียเชียกล่าวว่าเป็นกลุ่มชนหนึ่งที่ได้รับฟัง[[พระวรสาร]]จาก[[อัครทูต]]เป็นภาษาของตนเองใน[[เทศกาลเพนเทคอสต์]]ไม่นานหลังจาก[[การคืนพระชนม์ของพระเยซู]]<ref>[http://www.holyzone.net/news/02/?%BE%C3%D0%A4%D1%C1%C0%D5%C3%EC%BE%D1%B9%B8%CA%D1%AD%AD%D2%E3%CB%C1%E8:%A1%D4%A8%A1%D2%C3_%2F_Acts:%A1%D4%A8%A1%D2%C3_2 Holy Zone for Christ: Acts 2:5]</ref> ซึ่งเป็นนัยยะว่าชาวคาพะแคปพาโดเคียเป็นเชียเป็น “ชาวยิวที่มีความเกรงกลัวในพระเจ้า”
 
ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเปอร์เซียองค์ต่อๆ มาคัปปาแคปพาโดเกียเชียแบ่งออกเป็นสองแคว้น (Satrap) ที่มีศูนย์กลางหนึ่งที่ยังคงใช้ชื่อคัปปาแคปพาโดเกียเชียโดยนักประวัติศาสตร์กรีก แต่อีกแคว้นหนึ่งเรียกว่า “[[พอนทัส]]” การแบ่งแยกนี้เกิดขึ้นก่อนสมัยของ[[เซเนโฟน]] หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิเปอร์เซียแคว้นสองแคว้นก็ยังคงแยกตัวเป็นอิสระจากกัน และ ยังคงดำรงความแตกต่างจากกันต่อมา คัปปาแคปพาโดเกียเชียมาหมายถึงจังหวัดลึกเข้าไปในแผ่นดิน ( inland province ที่บางครั้งก็เรียกว่า “คัปปาแคปพาโดเกียใหญ่”เชียใหญ่”) เท่านั้น และเป็นภูมิภาคที่เน้นถึงในบทความนี้
 
ราชอาณาจักรคาพะแคปพาโดเคียเชียยังคงดำรงความเป็นราชอาณาจักรกึ่งอิสระมาจนถึงสมัยของ[[สตราโบ]] ส่วน[[Cilicia|ซิลิเคีย]]เป็นชื่อที่ใช้สำหรับดิสตริคท์ที่เป็นที่ตั้งของ [[Caesarea Mazaca|เซซาเรีย]]ซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักร เมืองสองเมืองในคาพะแคปพาโดเคียที่เชียที่[[สตราโบ]]เห็นว่ามีความสำคัญคือ The only two cities of Cappadocia considered by Strabo to deserve that appellation were [[Caesarea|เซซาเรีย]] (เดิมเรียกว่า[[Mazaca|มาซาคา]]) และ [[Tyana|ทิยานา]] ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเชิงเขา[[เทือกเขาทอรัส|ทอรัส]]
 
== ที่ตั้งและอากาศ ==
[[ไฟล์:Erciyes From Aktepe Goreme.JPG|thumb|right|220px|ภูเขา [[Erciyes]] (3,917 เมตร) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในคาพะแคปพาโดเคียเชีย]]
คัปปาแคปพาโดเกียเชียตั้งอยู่ทางตะวันออกของ[[อานาโตเลีย]]ในบริเวณตอนกลางของ[[ประเทศตุรกี]]ปัจจุบัน เนื้อที่ของภูมิภาคที่ราบสูงที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1000 เมตรประไปด้วยยอดภูเขาไฟ ที่มีภูเขา [[Erciyes]]เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดที่สูงราว 3,917 เมตร พรมแดนในประวัติศาสตร์ของคาพะแคปพาโดเคียเชียเป็นพรมแดนที่คลุมเคลือโดยเฉพาะทางด้านตะวันตก ทางด้านใต้เป็น[[เทือกเขาทอรัส]]ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติกับ[[Cilicia|ซิลิเคีย]] และแยกคัปปาแคปพาโดเกียจากเชียจาก[[ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน]] ทางด้านตะวันตกตั้งอยู่ติดกับภูมิภาค[[Lycaonia|ไลเคาเนีย]]ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ และ[[Galatia|กาเลเชีย]]ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เทือกเขาริมฝั่ง[[ทะเลดำ]]แยกคาพะแคปพาโดเคียจากเชียจาก[[พอนทัส]]และ[[ทะเลดำ]] ขณะที่ทางตะวันออกเป็น[[แม่น้ำยูเฟรทีส]]ตอนเหนือ ก่อนที่แม่น้ำจะเลี้ยวไปทางตะวันออกเฉียงใต้ไปยัง[[เมโสโปเตเมีย]] และ [[Armenian Highland|ที่ราบสูงอาร์เมเนีย]]<ref>Van Dam, R. ''Kingdon of Snow: Roman rule and Greek culture in Cappadocia.'' Philadelphia: University of Pennsylvania Press, 2002, p.13. [http://books.google.com/books?id=Iskwzsz51KMC&printsec=frontcover&source=gbs_v2_summary_r&cad=0#v=onepage&q=&f=false]''</ref> ภูมิภาคนี้มีเนื้อที่ทั้งหมดที่ยาว 400 กิโลเมตรจากตะวันออกจรดตะวันตก และ 250 กิโลเมตรจากเหนือจรดใต้ เพราะที่ตั้งที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ภายในประเทศและมีระดับสูงจากระดับน้ำทะเลมากคาพะแคปพาโดเคียเชียจึงมีภาวะอากาศแบบภาคพื้นทวีป (continental climate) ที่ร้อนแห้งในฤดูร้อน และ หนาวพอที่จะมีหิมะตกในช่วงฤดูหนาว<ref>Van Dam, R. ''Kingdom of Snow: Roman rule and Greek culture in Cappadocia.'' Philadelphia: University of Pennsylvania Press, 2002, p.14. [http://books.google.com/books?id=Iskwzsz51KMC&printsec=frontcover&source=gbs_v2_summary_r&cad=0#v=onepage&q=&f=false]''</ref> อัตราการตกของฝนมีระดับต่ำและเป็นบริเวณที่จัดว่าเป็นบริเวณกึ่งแห้งแล้งถึงแล้ง (semi-arid ถึง arid)
 
== ประวัติ ==
[[ไฟล์:View of Cappadocia edit.jpg|thumb|right|220px|[[เกอเรเม]]ที่เป็นบ้านเรือนที่สร้างเข้าไปในภูมิสัณฐานธรรมชาติหน้าภูมิทัศน์อันน่าประทับใจของหุบเขาอันเต็มไปด้วยสีสรร]]
[[ไฟล์:Hot Air Ballon over Cappadocia 11.jpg|thumb|right|220px|[[บัลลูนอากาศร้อน]]เหนือคัปปาแคปพาโดเกียเชีย]]
[[ไฟล์:GoremeFairyChimneys.jpg|thumb|right|220px|แท่งหินธรรมชาติในคัปปาแคปพาโดเกียเชีย]]
[[ไฟล์:15th century map of Turkey region.jpg|thumb|right|220px|แผนที่จากคริสต์ศตวรรษที่ 15 ของภูมิภาคคาพะแคปพาโดเคียเชีย]]
[[ไฟล์:House in Cappadocia 22.jpg|thumb|right|220px|บ้านเรือนที่เป็นส่วนหนึ่งของภูมิสัณฐานธรรมชาติในคาพะแคปพาโดเคียเชีย]]
[[ไฟล์:IhlaraTal.jpg|thumb|right|220px|คริสต์ศาสนสถานที่เป็น [[rock-cut architecture|สถาปัตยกรรมในหินผา]] (Rock cut architecture) ในคัปปาแคปพาโดเกียเชีย]]
คัปปาแคปพาโดเกียเชียเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “[[ฮัตติ]]” ในปลาย[[ยุคสำริด]]และเป็นศูนย์กลางทางอำนาจของชน[[ฮิทไทต์]]ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่[[ฮัททุชา]] หลังจากการล่มสลายของ[[ประวัติศาสตร์ฮิทไทท์|จักรวรรดิฮิทไทท์]]และความเสื่อมโทรมของอารยธรรมซีเรีย-คัปปาแคปพาโดเกียเชียหลังจากความพ่ายแพ้ต่อกษัตริย์[[โครซัส]]แห่ง[[ลีเดีย]]ในคริสต์ศตวรรษที่ 6 แล้ว คาพะแคปพาโดเคียเชียก็ปกครองโดยขุนนางกึ่ง[[ระบบศักดินา]] ที่อยู่อาศัยกันตามที่มั่นที่เป็น[[ปราสาท]]ต่างๆ โดยมีไพร่ติดแผ่นดินเป็นบริวาร ซึ่งต่อมาเป็นสภาวะที่เหมาะกับการวิวัฒนาการมาเป็นระบบทาสต่างประเทศ คัปปาแคปพาโดเกียเชียจัดเป็นแคว้นของ[[จักรวรรดิเปอร์เซีย]]สมัยที่สามที่ก่อตั้งขึ้นโดย[[จักรพรรดิดาไรอัสมหาราช]] แต่ยังคงได้รับการอนุญาตให้มีประมุขปกครองตนเอง แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่มีอำนาจมากพอที่จะปกครองได้ทั้งภูมิภาค
 
:'''ราชอาณาจักรคัปปาแคปพาโดเกียเชีย'''
หลังจาก[[อเล็กซานเดอร์มหาราช]]นำมาซึ่งการล่มสลายของ[[จักรวรรดิเปอร์เซีย]]แล้ว พระองค์ก็ทรงพยายามที่จะปกครองคาพะแคปพาโดเคียเชียโดยการส่งผู้แทนพระองค์มาปกครอง แต่อาเรียร์ทีสผู้เป็นขุนนางเปอร์เซียกลับกลายมาเป็นกษัตริย์แห่งคาพะแคปพาโดเคียแทนที่เชียแทนที่ [[อาเรียร์ทีสที่ 1 แห่งคัปปาแคปพาโดเกียเชีย]] (332—322 ก่อนคริสต์ศักราช) เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาสามารถ และทรงทำการขยายดินแดนของราชอาณาจักรคาพะแคปพาโดเคียเชียออกไปถึง[[ทะเลดำ]] ราชอาณาจักรคาพะแคปพาโดเคียตั้อเชียตั้อยู่ในความสงบสุขมาจนกระทั่งการเสด็จสวรรคตของ[[อเล็กซานเดอร์มหาราช]] เมื่อจักรวรรดิถูกแบ่งย่อยออกไปเป็นส่วนๆ คาพะแคปพาโดเคียเชียตกไปเป็นของ[[ยูเมนีส]] ยูเมนีสขึ้นมามีอำนาจโดยความช่วยเหลือของขุนพล[[เพอร์ดิคคัส]]ผู้เป็นผู้สำเร็จราชการของ[[อเล็กซานเดอร์มหาราช]]ผู้จับอาเรียร์ทีสตรึงกางเขน แต่หลังจากที่[[เพอร์ดิคคัส]]ถูกลอบสังหาร และ[[ยูเมนีส]]ถูกประหารชีวิต บุตรชายของอาเรียร์ทีสก็ได้คาพะแคปพาโดเคียคืนเชียคืน และทำการปกครองต่อมาโดยกษัตริย์ที่สืบเชื้อสายต่อมา
 
เมื่อมาถึงรัชสมัยของ[[อาเรียร์ทีสที่ 4 แห่งคาคัปปาแคปพาโดเกียเชีย]] (220—163 ก่อนคริสต์ศักราช) คัปปาแคปพาโดเกียเชียก็เริ่มมีความสัมพันธ์กับ[[สาธารณรัฐโรมัน|โรม]]ที่เริ่มด้วยการเป็นศัตรูในการเป็นปฏิปักษ์ต่อ[[พระเจ้าแอนทิโอคัสมหาราช]] และต่อมาหันมาเป็นพันธมิตรในการต่อต้าน[[เพอร์เซียสแห่งมาซิดอน]] ซึ่งก็เท่ากับทรงวางตนเป็นศัตรูกับ [[จักรวรรดิเซลูซิด]]ที่เคยทรงส่งบรรณาการเป็นครั้งคราวอย่างเต็มพระองค์
 
[[อาเรียร์ทีสที่ 5 แห่งคัปปาแคปพาโดเกียเชีย]] (163—130 ก่อนคริสต์ศักราช) ทรงนำทัพร่วมกับกงสุลโรมัน[[พิวเบลียส ลิซิเนียส คราซัส ดิเวส มูเชียนัส]]ในการต่อสู้กับ[[Eumenes III|ยูเมนีสที่ 3]] ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์[[เพอร์กามอน]] แต่พระองค์ก็ทรงได้รับความพ่ายแพ้อย่างยับเยินและสิ้นพระชนม์ในปี 130 ก่อนคริสต์ศักราช ภาวะของความสับสนวุ่นวายที่ตามมาหลังจากการเสียชีวิตของอาเรียร์ทีสที่ 5 นำไปสู่การแทรกแซงของ[[พอนทัส]]ที่รุ่งเรืองขึ้นมา และการสงครามที่เกิดขึ้นที่นำมาซึ่งความหายนะของราชวงศ์ที่ปกครองคัปปาแคปพาโดเกียเชีย
 
:'''มณฑลคัปปาแคปพาโดเกียเชียของโรมัน'''
ชาวคาพะแคปพาโดเคียเชียได้รับการสนับสนุนจากโรมในการเป็นโค่น[[มิทราดีสที่ 4 แห่งพอนทัส]] และแทนที่ด้วย[[อริโอบาร์ซานีสที่ 1 ฟิลโลโรมาอิออสแห่งคัปปาฟิลโลโรมาอิออสแห่งแคปพาโดเกียเชีย]] ในปี 93 ก่อนคริสต์ศักราช แต่ในปีเดียวกันกองทัพอาร์เมเนียภายใต้การนำของ[[พระเจ้าไทกราเนสมหาราช]]ก็ทรงนำทัพเข้ามารุกรานคัปปาแคปพาโดเกียเชีย ทรงทำการถอดอริโอบาร์ซานีสจากราชบัลลังก์ และทรงแต่งตั้งให้[[กอร์เดียสแห่งคัปปากอร์เดียสแห่งแคปพาโดเกียเชีย]]ขึ้นครองเป็นกษัตริย์บริวารแทนที่ การสร้างคาพะแคปพาโดเคียเชียขึ้นเป็นอาณาจักรบริวารของพระเจ้าไทกราเนสก็เท่ากับเป็นการสร้างบริเวณฉนวนเพื่อยับยั้งความก้าวร้าวของสาธารณรัฐโรมันที่คืบเข้ามาในภูมิภาค
 
เมื่อโรมถอดกษัตริย์พอนทัสและกษัตริย์อาร์เมเนียจากราชบัลลังก์ [[อาริโอบาร์ซานีสที่ 1 ฟิลโลโรมาอิออสแห่งคัปปาฟิลโลโรมาอิออสแห่งแคปพาโดเกียเชีย]]จึงได้กลับมาขึ้นครองคัปปาแคปพาโดเกียเชียอีกครั้งหนึ่งในปี 63 ก่อนคริสต์ศักราช ในระหว่างสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นในโรมคัปปาแคปพาโดเกียเชียก็เปลี่ยนการสนับสนุนเรื่อยมาตั้งแต่สนับสนุน[[ปอมเพย์]], ต่อมาก็[[จูเลียส ซีซาร์]], ต่อมา[[มาร์ค แอนโทนี]] และหันมาเป็นปฏิปักษ์ท้ายที่สุด ราชวงศ์อริโอบาร์ซานีสมาสิ้นสุดลงในสมัยของ[[อาร์คีลอสแห่งคัปปาคีลอสแห่งแคปพาโดเกียเชีย]]ผู้หนุนหลัง[[มาร์ค แอนโทนี]] และหันมาเป็นปฏิปักษ์ ผู้ปกครองเป็นอิสระมาจนกระทั่งปี 17 ก่อนคริสต์ศักราช เมื่อ[[จักรพรรดิไทบีเรียส]]ทรงลดฐานะของคัปปาแคปพาโดเกียเชียลงมาเป็นเพียง[[มณฑลของโรมัน]]หลังจากการสิ้นพระชนม์ของอาร์คีลอสอย่างอัปยศ ต่อมาอีกเป็นเวลานานคัปปาแคปพาโดเกียเชียก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของ[[จักรวรรดิไบแซนไทน์]]
 
คัปปาแคปพาโดเกียเชียประกอบด้วย[[เมืองใต้ดิน]]หลายเมือง (ดู[[เมืองใต้ดินแห่งเคย์มาคลี]]) ที่ใช้โดยชาวคริสเตียนในยุคแรกในการเป็นที่หลบหนีภัยจาก[[การเบียดเบียน]]ก่อนที่[[คริสต์ศาสนา]]จะเป็นศาสนาที่ได้รับการประกาศว่าเป็นศาสนาของจักรวรรดิ [[ปิตาจารย์แห่งคัปปาจารย์แห่งแคปพาโดเกียเชีย]]ของคริสต์ศตวรรษที่ 4 เป็นองค์ประกอบสำคัญของประวัติศาสตร์ของ[[เทววิทยาคริสเตียน]]ในยุคแรก นักเทววิทยาคริสเตียนคนสำคัญก็รวมทั้ง[[จอห์นแห่งคัปปาแคปพาโดเกียเชีย]]ผู้เป็นอัครบิดรแห่ง[[คอนสแตนติโนเปิล]] ระหว่างปี ค.ศ. 517 ถึง ค.ศ. 520 ในช่วงการปกครองของ[[จักรวรรดิไบแซนไทน์]] คัปปาแคปพาโดเกียเชียปลอดจากความขัดแย้งของบริเวณนี้กับ[[จักรวรรดิซาสซานิยะห์]] แต่มาเป็นบริเวณดินแดนพรมแดนอันสำคัญต่อมาในสมัย[[การพิชิตดินแดนของมุสลิม]]ต่อมา คัปปาแคปพาโดเกียเชียกลายเป็นส่วนหนึ่งของ[[เขตการปกครองไบแซนไทน์แห่งอาร์เมเนีย]] (Armeniac Theme) และต่อมาเขตการปกครอง[[คาร์เซียนอน]] และในที่สุด [[เขตการปกครองไบแซนไทน์แห่งคัปปาแคปพาโดเกียเชีย]] (Cappadocia Theme)
 
ความสัมพันธ์ระหว่างคัปปาแคปพาโดเกียและเชียและ[[อาร์เมเนีย]]ที่ตั้งอยู่ติดกันเป็นความสัมพันธ์อันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นักประวัติศาสตร์อาหรับอบู อัล ฟารัจกล่าวถึงชาวอาร์เมเนียผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ซิวาสระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 10 ว่า “ซิวาสในคัปปาสในแคปพาโดเกียเชียเต็มไปด้วยชาวอาร์เมเนีย ที่มีจำนวนมากจนกระทั่งกลายเป็นส่วนสำคัญของกองทัพของราชอาณาจักร กองทหารอาร์เมเนียเหล่านี้มีหน้าที่เฝ้ายามตามป้อมที่สำคัญๆ ที่ยึดมาได้จากอาหรับ ทหารอาร์เมเนียมีชื่อเสียงจากการเป็นทหารราบผู้มีประสบการณ์และมักจะแสดงความสามารถในการต่อสู้อย่างกล้าหาญและประสบกับความสำเร็จเคียงข้างทหารโรมันหรือที่เรียกว่าทหารไบแซนไทน์”<ref>Schlumberger, Un Emperor byzantin au X siècle, Paris, Nicéphore Phocas, Paris, 1890, p. 251</ref> การรณรงค์ทางการทหารของไบแซนไทน์และการรุกรานของ[[ราชวงศ์เซลจุค|เซลจุค]]ในอาร์เมเนียทำให้ชาวอาร์เมเนียขยายตัวเข้ามาในคัปปาแคปพาโดเกียเชียและออกไปทางตะวันออกจาก[[Cilicia|ซิลิเคีย]]ไปยังดินแดนที่เป็นหุบเขาทางตอนเหนือของ[[ซีเรีย]] และ [[เมโสโปเตเมีย]] จนกระทั่งได้ก่อตั้งราชอาณาจักรอาร์เมเนียแห่งซิลิเคียขึ้น การอพยพของชาวอาร์เมเนียเพิ่มจำนวนขึ้นหลังจากการเสื่อมโทรมอำนาจของจักรวรรดิไบแซนไทน์ และการขยายตัวของ[[อาณาจักรครูเสด]]หลัง[[สงครามครูเสดครั้งที่ 4]] สำหรับ[[นักรบครูเสด]]แล้วคาพะแคปพาโดเคียคือเชียคือ “terra Hermeniorum” (ดินแดนของชาวอาร์เมเนีย) เพราะเป็นดินแดนที่ขณะนั้นเต็มไปด้วยผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอาร์เมเนีย<ref name="The Crusades and the Christian World of the East: Rough Tolerance">{{cite book | last = MacEvitt | first = Christopher | title = The Crusades and the Christian World of the East: Rough Tolerance | publisher = University of Pennsylvania Press |date= 2008 | location = Philadelphia | page = 56}}</ref>
 
หลังจาก[[ยุทธการมันซิเคิร์ต]]ในปี [[ค.ศ. 1071]] แล้วกลุ่ม[[ชาวตุรกี|ตุรกี]]ต่างๆ ภายใต้การนำของ[[ราชวงศ์เซลจุค|เซลจุค]]ก็เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานใน[[อานาโตเลีย]] การค่อยขยายตัวทางอำนาจของเซลจุคอย่างค่อยเป็นค่อยไปในที่สุดก็ทำให้คัปปาแคปพาโดเกียเชียกลายเป็นรัฐบริวารของรัฐตุรกีที่ก่อตั้งขึ้นทางตะวันออกและตะวันตกของภูมิภาค และประชากรบางส่วนของบริเวณนี้ก็เปลี่ยนไปถือ[[ศาสนาอิสลาม]] เมื่อมาถึงตอนปลายของต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 [[เซลจุคแห่งอานาโตเลีย]]ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดในภูมิภาคคัปปาแคปพาโดเกียเชีย ต่อมาเมื่ออำนาจของ[[ราชวงศ์เซลจุค|เซลจุค]]ที่ตั้งอยู่ที่[[Konya|คอนยา]]อ่อนตัวลงในครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 13 [[Anatolian Turkish Beyliks|เบยิคตุรกีแห่งอานาโตเลียน]] (Anatolian Turkish Beyliks) ที่มีฐานอำนาจอยู่ที่[[Karaman|คารามาน]]ก็เข้ามามีอำนาจแทนที่ และในที่สุดกลุ่มที่ว่านี้ก็มาแทนที่ด้วย[[จักรวรรดิออตโตมัน]]ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 คาพะแคปพาโดเคียเชียก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมันเป็นเวลาอีกหลายร้อยปีต่อมา และในปัจจุบันก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐ[[ประวัติศาสตร์ตุรกี|ตุรกี]]ปัจจุบัน ความเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของภูมิภาคนี้เกิดขึ้นเมื่อ บริเวณเมือง [[Nevşehir]] ได้รับการก่อตั้งขึ้นใหม่ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 โดย[[มหาเสนาบดี (ออตโตมัน)|มหาเสนาบดี]]ผู้มีถิ่นฐานดั้งเดิมมาจากบริเวณนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นเมืองหลวงของภูมิภาค และยังคงเป็นมาจนกระทั่งทุกวันนี้
 
ในขณะเดียวกันชาวคัปปาแคปพาโดเกียเชียก็เริ่มเปลี่ยนไปพูดภาษาตุรกีที่เขียนด้วยอักษรกรีกที่เรียกว่า “Karamanlıca” และในบริเวณที่ยังคงพูดภาษากรีก อิทธิพลของภาษาตุรกีรอบข้างก็เริ่มจะเพิ่มขึ้น ภาษากรีกที่พูดกันในภูมิภาคคัปปาแคปพาโดเกียเชียเรียกกันว่า “[[ภาษากรีกแบบคัปปาแคปพาโดเกียเชีย]]” หลังจาก[[การแลกเปลี่ยนประชากรระหว่างกรีซและตุรกี]]ในปี ค.ศ. 1923 แล้วก็เหลือผู้พูดภาษากรีกคาพะแคปพาโดเคียเชียอยู่เพียงไม่กี่คน
 
== ภูมิสัณฐาน ==
ภูมิภาคคัปปาแคปพาโดเกียเชียที่มีชื่อเสียงว่ามีภูมิสัณฐานที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งทางด้านภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง[[Kayseri|ไคย์เซอรี]]
 
ฐานของธรณีสัณฐานของคาพะแคปพาโดเคียเชียเป็นการทับถมของหินที่มาจากทะเลสาบและลำธาร และ จากการทับถมของวัตถุต่างๆ ที่ระเบิดจากภูเขาไฟ (Ignimbrite) โบราณเมื่อราว 9 ถึง 3 ล้านปีที่ผ่านมาในระหว่าง[[สมัยไมโอซีน]] จนถึง [[สมัยพลิไพลโอซีน]]
 
หินในภูมิภาคคัปปาแคปพาโดเกียเชียไม่ไกลจาก[[เกอเรเม]]ถูกกัดกร่อนจากธรรมชาติรายเป็นรูปทรงคล้ายแท่งหรือหอที่มีปลายแหลมบนยอดคล้ายเห็ดอันดูแปลกตา วัตถุที่ระเบิดจากภูเขาไฟเป็นหินที่มีคุณสมบัติที่ง่ายต่อการกัดกร่อนหรือสลักเสลา ที่ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณคาพะแคปพาโดเคียเชียใช้ในการขุดคว้านเป็นบ้านเรือนที่อยู่อาศัย, ศาสนสถาน หรือ สำนักสงฆ์ได้ ซึ่งทำให้[[เกอเรเม]]กลายมาเป็นศูนย์กลางของ[[ระบบสำนักสงฆ์ของคริสต์ศาสนา|สำนักสงฆ์]]ราวระหว่างปี ค.ศ. 300—ค.ศ. 1200
 
การตั้งถิ่นฐานในยุคแรกใน[[เกอเรเม]]เริ่มขึ้นในสมัยโรมัน บริเวณนี้ที่ว่านี้เต็มไปด้วยบ้านเรือน, หมู่บ้าน, หมู่บ้านใต้ดิน และ คริสต์ศาสนสถานที่ขุดเข้าไปในโพรงหิน [[โบสถ์ในเกอเรเม]]มีด้วยกันกว่า 30 วัดและชาเปล บางวัดก็มีงาน[[จิตรกรรมฝาผนัง]]จากคริสต์ศตวรรษที่ 9 ถึง 11 ที่ยังมีความงดงามสดใสอยู่
บรรทัด 119:
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
{{Commonscat-inline|Cappadocia|คัปปาแคปพาโดเกียเชีย}}
 
{{มรดกโลกตุรกี}}
{{เรียงลำดับ|คัปปาแคปพาโดเกียเชีย}}
[[หมวดหมู่:คาพะแคปพาโดเคียเชีย|*]]
[[หมวดหมู่:มรดกโลกในประเทศตุรกี]]
[[หมวดหมู่:อานาโตเลีย]]