ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดิจิทัล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ย้อนกลับไปรุ่นที่ 10429965 โดย JBot (พูดคุย) ด้วยสจห.
ป้ายระบุ: ทำกลับ ลิงก์แก้ความกำกวม
บรรทัด 1:
'''ดิจิทัล''' ({{lang-en|digital}}; เฉพาะชื่อเฉพาะอาจสะกดเป็น '''ดิจิทอล''' หรือ '''ดิจิตอล'''<ref>การสะกดว่า '''ดิจิทัล''' สะกดตาม[[ศัพท์บัญญัติ]]ราชบัณฑิตยสถาน อย่างไรก็ตามถ้ามีชื่อเฉพาะที่ใช้คำว่า "'''ดิจิทอล '''" หรือ "'''ดิจิตอล'''" ควรใช้ชื่อตามต้นฉบับเดิม</ref>) หรือใน[[ศัพท์บัญญัติ]]ว่า '''เชิงเลข''' ในทฤษฎีข้อมูลหรือระบบข้อมูล เป็นวิธีแทนความหมายของข้อมูลหรือชิ้นงานต่างๆในรูปแบบของ[[ตัวเลข]] โดยเฉพาะ[[เลขฐานสอง]] ที่ไม่ต่อเนื่องกัน ซึ่งต่างจากระบบ[[แอนะล็อก]]ที่ใช้ค่าต่อเนื่องหรือสัญญาณแอนะล็อกซึ่งเป็นค่าต่อเนื่อง หรือแทนความหมายของข้อมูลโดยการใช้ฟังชั่นที่ต่อเนื่อง
 
ถึงแม้ว่า การแทนความหมายเป็นดิจิทัลจะไม่ต่อเนื่อง ข้อมูลที่ถูกแปลความหมายนั้นสามารถเป็นได้ทั้งไม่ต่อเนื่อง (เช่นตัวเลขหรือตัวหนังสือ) หรือต่อเนื่อง (เช่นเสียง,ภาพและการวัดอื่นๆ)
 
คำว่าดิจิทัลที่มาจากแหล่งเดียวกันกับคำว่า digit และ digitus (ภาษาละตินแปลว่านิ้ว) เพราะนิ้วมือมักจะใช้สำหรับการนับที่ไม่ต่อเนื่อง นักคณิตศาสตร์ จอร์จ CStibitz ของห้องปฏิบัติการโทรศัพท์เบลล์ ใช้คำว่าดิจิทัลในการอ้างอิงถึงพัลส์ไฟฟ้าเร็วที่ปล่อยออกมาจากอุปกรณ์ที่ออกแบบเพื่อเล็งและยิงปืนต่อต้านอากาศยานในปี 1942<ref>Ceruzzi, Paul E. (2012-06-29). Computing (MIT Press Essential Knowledge). MIT Press.</ref> มันเป็นที่นิยมใช้มากที่สุดในการระบบคำนวณและระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงจะถูกแปลงเป็นรูปแบบตัวเลขฐานสองเช่นในเสียงออดิโอดิจิทัลและการถ่ายภาพดิจิทัล
 
==สัญลักษณ์เพื่อการแปลงดิจิทัล==
 
เนื่องจากสัญลักษณ์ (เช่นตัวอักษรและตัวเลข) จะไม่ต่อเนื่อง การแทนความหมายสัญญลักษณ์แบบดิจิทัลค่อนข้างง่ายกว่าการแปลงข้อมูลต่อเนื่องหรือแบบอะนาล็อกให้เป็นดิจิทัล แทนที่จะ สุ่มตัวอย่างและการเทียบออกมาเป็นปริมาณ({{lang-en|quantization}}) เหมือนในการแปลง แอนะล็อกมาเป็นดิจิทัล เทคนิคเช่นการ polling และการเข้ารหัสถูกนำมาใช้
 
อุปกรณ์ป้อนสัญลักษณ์มักจะประกอบด้วยกลุ่มของสวิทช์ที่ถูก poll ในช่วงเวลาปกติ เพื่อดูว่าสวิทช์ตัวไหนจะถูกสลับ ข้อมูลจะหายไปถ้าภายในช่วงเวลาการโพลเดียว สวิทช์สองต้วถูกกด หรือสวิทช์ตัวเดียวถูกกด การโพลนี้สามารถทำได้โดยตัวประมวลผลพิเศษในเครื่อง เพื่อป้องกัน ภาระให้กับ CPU หลัก เมื่อสัญลักษณ์ใหม่ถูกป้อนเข้าไป อุปกรณ์ที่มักจะส่งสัญญาณขัดจังหวะ เพื่อแจ้งเตือนในรูปแบบพิเศษเฉพาะเพื่อให้ CPU อ่านมัน
บรรทัด 17:
การเข้ารหัสที่กำหนดเองสามารถนำมาใช้สำหรับการใช้งานเฉพาะอย่างโดยไม่สูญเสียข้อมูล อย่างไรก็ตามการใช้การเข้ารหัสมาตรฐานเช่น ASCII เป็นปัญหาถ้าสัญลักษณ์เช่น 'ß' จะต้องมีการแปลงแต่ไม่ได้อยู่ในมาตรฐาน
 
เป็นที่คาดว่าในปี 1986 น้อยกว่า 1% ของกำลังการผลิตเทคโนโลยีของโลกในการจัดเก็บข้อมูล จะเป็นดิจิทัลและ ในปี 2007 มันเป็นไปแล้ว 94%<ref>"The World’s Technological Capacity to Store, Communicate, and Compute Information", especially Supporting online material, Martin Hilbert and Priscila López (2011), Science (journal), 332(6025), 60-65; free access to the article through here: martinhilbert.net/WorldInfoCapacity.html</ref> ปี 2002 ถือว่าเป็นปีเมื่อมนุษย์สามารถที่จะเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นในระบบดิจิทัลกว่าในรูปแบบแอนะล็อก (" จุดเริ่มต้นของยุค'''ดิจิทัล'''")<ref>"video animation on The World’s Technological Capacity to Store, Communicate, and Compute Information from 1986 to 2010</ref>
 
==คุณสมบัติของข้อมูลดิจิทัล==
บรรทัด 24:
*''การ synchronization'': เนื่องจาก ข้อมูลดิจิทัลจะถูกลำเลียงโดยลำดับในที่ซึ่งสัญลักษณ์ได้ถูกจัดเรียงไว้ รูปแบบดิจิทัลทั้งหมดมีวิธีการบางอย่างสำหรับการกำหนดจุดเริ่มต้นของลำดับ ในการเขียนหรือพูดภาษาของมนุษย์ การ synchronization โดยทั่วไปถูกกระทำโดยการหยุด (เว้นวรรค), อักษรตัวใหญ่และเครื่องหมายวรรคตอน การสื่อสารกับเครื่องจักรมักจะใช้ลำดับการ synchronization พิเศษ
*''ภาษา'': การสื่อสารแบบดิจิทัลทั้งหมดต้องใช้ภาษาซึ่งในบริบทนี้จะประกอบด้วยข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ส่งและผู้รับของการสื่อสารแบบดิจิทัลทั้งสองจะต้องมีล่วงหน้าเพื่อให้การสื่อสารจะประสบความสำเร็จ ภาษาต่างๆเป็นทั่วไปและระบุความหมายของลำดับของสัญลักษณ์โดยเฉพาะ และระบุช่วงที่ค่าต่างๆที่ได้รับอนุญาตและวิธีการต่างๆที่จะใช้สำหรับการ synchronization ฯลฯ
*''ข้อผิดพลาด'': การรบกวน(เสียง)ในการสื่อสารแบบแอนะล็อกโดยทั่วไปได้สร้างส่วนเบี่ยงเบน ขนาดเล็กหรือข้อผิดพลาดบางอย่างระหว่างการสื่อสารที่ตั้งใจกับของจริงอย่างสม่ำเสมอ การรบกวนในการสื่อสารแบบดิจิทัลจะไม่ให้ผลในข้อผิดพลาด เว้นแต่การรบกวนจะมีขนาดใหญ่เสียจนส่งผลให้เกิดการตีความสัญลักษณ์เป็นสัญลักษณ์อื่นที่ผิดหรือรบกวนลำดับของสัญลักษณ์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เป็นไปได้ที่จะมีการสื่อสารดิจิทัลทั้งหมดที่ปราศจากข้อผิดพลาด นอกจากนี้ เทคนิคเช่นรหัสตรวจสอบอาจจะถูกใช้ในการตรวจพบข้อผิดพลาดและประกันการสื่อสารที่ปราศจากข้อผิดพลาดโดยผ่านการซ้ำซ้อน({{lang-en|redundancy}}) หรือการส่งซ้ำ ข้อผิดพลาดในการสื่อสารแบบดิจิทัลสามารถใช้รูปแบบของการทดแทนข้อผิดพลาด ในที่ซึ่งสัญลักษณ์จะถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์อื่นหรือการแทรก/ลบข้อผิดพลาด ในที่ที่สัญลักษณ์ที่ไม่ถูกต้องพิเศษถูกแทรกลงในหรือลบออกจากข้อความดิจิทัล ข้อผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้ในการสื่อสารแบบดิจิทัลมีผลกระทบที่คาดเดาไม่ได้และโดยทั่วไปมีขนาดใหญ่บนเนื้อหาข้อมูลในการติดต่อสื่อสาร
*''การคัดลอก'': เพราะการปรากฏตัวของเสียงรบกวนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้, การทำสำเนาต่อเนื่อง หลายครั้งในการสื่อสารแบบอะนาล็อกจะเป็นไปไม่ได้ เพราะการทำขึ้นใหม่แต่ละครั้งจะไปเพิ่มเสียงรบกวน เพราะการสื่อสารแบบดิจิทัลโดยทั่วไปจะไม่มีข้อผิดพลาด ดังนั้นสำเนาของสำเนาสามารถทำได้เรื่อยๆ
*''Granularity'' : เมื่อค่าอนาล็อกที่แปรอย่างต่อเนื่องจะถูกแสดงในรูปแบบดิจิทัล จะมีการตัดสินใจเสมอเกี่ยวกับจำนวนของสัญลักษณ์ที่จะกำหนดให้กับค่านั้น จำนวนของสัญลักษณ์จะเป็นตัวกำหนดความแม่นยำหรือความละเอียดของตัวเลขที่เกิดขึ้น ความแตกต่างระหว่างค่าแอนะล็อกที่เกิดขึ้นจริงกับค่าดิจิทัลที่ถูกแปลงมาได้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นข้อผิดพลาด quantization ตัวอย่างเช่น:อุณหภูมิที่เกิดขึ้นจริงเป็น 23.234456544453 องศา แต่ถ้ามีเพียงตัวเลขสองหลัก (23)ได้ถูกกำหนดให้ใช้กับพารามิเตอร์นี้ในการแสดงเป็นดิจิทัล (เช่นเครื่องวัดอุณหภูมิดิจิทัลหรือตารางในรายงานที่พิมพ์) ข้อผิดพลาด quantizing คือ 0.234456544453 คุณสมบัติของการสื่อสารแบบดิจิทัลนี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็น Granularity
*''บีบอัดได้'': ตามคำของมิลเลอร์ "ข้อมูลดิจิทัลที่ไม่ได้ถูกบีบอัดจะมีขนาดใหญ่มาก และในรูปแบบดิบๆของมันจริงๆแล้วจะผลิตสัญญาณขนาดใหญ่ (ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากขึ้นในการถ่ายโอน) กว่าข้อมูลอนาล็อก อย่างไรก็ตามข้อมูลดิจิทัลจะสามารถถูกบีบอัดได้ การบีบอัดจะช่วยลดปริมาณของแบนด์วิดธ์ที่จำเป็นในการส่งข้อมูล ข้อมูลสามารถบีบอัดแล้วถูกส่งไป จากนั้นจะถูกแยกออกที่ปลายทาง วิธีนี้จะทำให้มันเป็นไปได้ในการส่งข้อมูลได้มากขึ้น และมีผลสำหรับสัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล ที่จะนำเสนอบริการได้มากขึ้นในสเปกตรัมของคลื่นออกอากาศสำหรับช่องโทรทัศน์มากขึ้น<ref>Miller, Vincent (2011) Understanding digital culture. "Convergence and the contemporary media experience". London: Sage Publications.</ref>
 
==ระบบดิจิทัลประวัติศาสตร์==
บรรทัด 61:
*สัญญาณดิจิตอล
*วิดีโอดิจิทัล
*การบันทึกแบบดแบบดิจิตอล
* [[เลขฐานสอง]]
* [[สัญญาณ]]
* [[แอนะล็อก]]
 
== เชิงอรรถและอ้างอิง ==