ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กฎหมายอาญา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ประโยชน์
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 34:
กฎหมายอาญาโดยทั่วไปห้ามการกระทำที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นการพิสูจน์ความผิดอาญาจึงอาศัยการพิสูจน์การกระทำบางอย่าง นักวิชาการระบุว่าเป็นข้อกำหนดการกระทำอันจะเป็นความผิดอาญา (actus reus) ความผิดอาญาบางอย่าง โดยเฉพาะความผิดในข้อบังคับสมัยใหม่ไม่ต้องมีการพิสูจน์การกระทำ เรียก ความผิดความรับผิดโดยสิ้นเชิง (strict liability) เช่น การขับขี่ยานพานหะโดยมีแอลกอฮอลในเลือดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ดี เนื่องจากโทษอาญาอาจรุนแรง ผู้พิพากษาใน[[ระบบคอมมอนลอว์]]จึงมองหาการพิสูจน์เจตนาร้าย (mens rea) ด้วย สำหรับความผิดอาญาที่กำหนดทั้งการกระทำอันจะเป็นความผิดอาญาและเจตนาร้ายนั้น ผู้พิพากษาสรุปว่าองค์ประกอบทั้งสองจะต้องเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่เกิดขึ้นติดต่อกันตามวาระกัน<ref>This is demonstrated by ''R v. Church'' [1966] 1 QB 59. Mr. Church had a fight with a woman which rendered her unconscious. He attempted to revive her, but gave up, believing her to be dead. He threw her, still alive, in a nearby river, where she [[drown]]ed. The court held that Mr. Church was not guilty of murder (because he did not ever desire to kill her), but was guilty of [[manslaughter]]. The "chain of events," his act of throwing her into the water and his desire to hit her, coincided. In this manner, it does not matter when a guilty mind and act coincide, as long as at some point they do. See also, ''Fagan v. Metropolitan Police Commissioner'' [1968] 3 All ER 442, where angry Mr Fagan would not take his car off a policeman's foot</ref>
 
== ประโยชน์ ==
== ดูเพิ่ม ==
* [[ศาลอาญา]]