ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาษาอังกฤษ"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ย้อนการแก้ไขที่ 7372700 สร้างโดย 1.47.108.74 (พูดคุย) |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1:
{{กึ่งล็อก|small=yes}}'''ภาษาอังกฤษ''' หรือ '''ภาษาอังกฤษใหม่''' เป็นภาษาใน
ภาษาอังกฤษเจริญขึ้นในราชอาณาจักรแองโกล-แซ็กซอนอังกฤษ และบริเวณ
▲'''ภาษาอังกฤษ''' หรือ '''ภาษาอังกฤษใหม่''' เป็นภาษาใน[[กลุ่มภาษาเจอร์แมนิกตะวันตก]]ที่ใช้ครั้งแรกใน[[อังกฤษสมัยแองโกล-แซกซัน|อังกฤษสมัยต้นยุคกลาง]] และปัจจุบันเป็นภาษาที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดในโลก<ref>Mydans, Seth (14 May 2007) [http://www.nytimes.com/2007/05/14/world/asia/14iht-14englede.5705671.html "Across cultures, English is the word"] ''New York Times''. Retrieved 21 September 2011</ref> ประชากรส่วนใหญ่ในหลายประเทศ รวมทั้ง [[สหราชอาณาจักร]] [[สหรัฐอเมริกา]] [[แคนาดา]] [[ออสเตรเลีย]] [[ไอร์แลนด์]] [[นิวซีแลนด์]] และประเทศใน[[แคริบเบียน]] พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่หนึ่ง ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ที่มีผู้พูดมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจาก[[ภาษาจีนกลาง]]และ[[ภาษาสเปน]]<ref name="ethnologue" /> มักมีผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอย่างกว้างขวาง และภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของ[[สหภาพยุโรป]] หลายประเทศ[[เครือจักรภพแห่งชาติ]] และ[[สหประชาชาติ]] ตลอดจนองค์การระดับโลกหลายองค์การ
เนื่องจากการกลมกลืน
▲ภาษาอังกฤษเจริญขึ้นในราชอาณาจักรแองโกล-แซ็กซอนอังกฤษ และบริเวณ[[สกอตแลนด์]]ตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน หลังอิทธิพลอย่างกว้างขวางของ[[ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่|บริเตนใหญ่]]และ[[สหราชอาณาจักร]]ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 จนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผ่าน[[จักรวรรดิอังกฤษ]] และรวมสหรัฐอเมริกาด้วยตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 20<ref>[[#refAmmon2006|Ammon]], pp. 2245–2247.</ref><ref>[[#refSchneider2007|Schneider]], p. 1.</ref><ref>[[#refMazrui1998|Mazrui]], p. 21.</ref><ref>[[#refHowatt2004|Howatt]], pp. 127–133.</ref> ภาษาอังกฤษได้แพร่หลายทั่วโลก กลายเป็นภาษาชั้นนำของวจนิพนธ์ระหว่างประเทศและเป็น[[ภาษากลาง]]ในหลายภูมิภาค<ref>[[#refCrystal1997|Crystal]], pp. 87–89.</ref><ref>[[#refWardhaugh2006|Wardhaugh]], p. 60.</ref>
== ความสำคัญ ==
เส้น 44 ⟶ 16:
== การกระจายทางภูมิศาสตร์ ==
มีผู้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่หนึ่งราว 360 ล้านคน ปัจจุบัน ภาษาอังกฤษอาจเป็นภาษาที่มีผู้พูดเป็นภาษาแม่มากที่สุดเป็นอันดับสาม รองจากภาษาจีนกลางและภาษาสเปน
การประมาณซึ่งรวมผู้พูดเป็นภาษาที่สองนั้นแปรผันอย่างมากตั้งแต่ 470 ล้านคน ถึงกว่าหนึ่งพันล้านคน ขึ้นอยู่กับว่านิยามและวัด[[การรู้หนังสือ]]หรือความชำนาญอย่างไร<ref>{{cite web |url=http://columbia.tfd.com/English+language |title=''English Language'' |accessdate=26 March 2007 |year=2005 |publisher=Columbia University Press }}</ref><ref>[http://www.oxfordseminars.com/graduate-career-assistance/esl-teaching-jobs.php 20,000 ESL Teaching Jobs] Oxford Seminars. Retrieved 17 April 2012</ref> เดวิด คริสทอล (David Crystal) ศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์ คำนวณว่าผู้ที่พูดมิใช่ภาษาแม่นั้นมีมากกว่าผู้พูดเป็นภาษาแม่เป็นสัดส่วน 3 ต่อ 1<ref>{{Cite book | last = Crystal | first = David | author-link = David Crystal | title = English as a Global Language | edition = 2nd |publisher = Cambridge University Press | page = 69 | year = 2003 | url = http://books.google.com/?id=d6jPAKxTHRYC | isbn = 978-0-521-53032-3}}, cited in
เส้น 51 ⟶ 23:
ประเทศที่มีประชากรผู้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่มากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (226 ล้านคน)<ref name="US speakers">{{cite web|url=http://www.census.gov/prod/2005pubs/06statab/pop.pdf|title=U.S. Census Bureau, Statistical Abstract of the United States: 2003, Section 1 Population|format=PDF|publisher=U.S. Census Bureau}} Table 47 gives the figure of 214,809,000 for those five years old and over who speak exclusively English at home. Based on the American Community Survey, these results exclude those living communally (such as college dormitories, institutions, and group homes), and by definition exclude native English speakers who speak more than one language at home.</ref> สหราชอาณาจักร (61 ล้านคน)<ref name="Crystal">{{cite web|url=http://www.cambridge.org/catalogue/catalogue.asp?isbn=0521530334 |title=''The Cambridge Encyclopedia of the English Language''|edition=2nd|author= Crystal, David|location= Cambridge, UK|publisher= Cambridge University Press|year=1995}}</ref> แคนาดา (18.2 ล้านคน)<ref name="Canada speakers">[http://www12.statcan.ca/english/census06/data/highlights/language/Table401.cfm Population by mother tongue and age groups, 2006 counts, for Canada, provinces and territories–20% sample data], Census 2006, [[Statistics Canada]].</ref> ออสเตรเลีย (15.5 ล้านคน)<ref name="Australia speakers">[http://www.censusdata.abs.gov.au/ABSNavigation/prenav/ViewData?action=404&documentproductno=0&documenttype=Details&order=1&tabname=Details&areacode=0&issue=2006&producttype=Census%20Tables&javascript=true&textversion=false&navmapdisplayed=true&breadcrumb=TLPD&&collection=Census&period=2006&productlabel=Language%20Spoken%20at%20Home%20by%20Sex%20-%20Time%20Series%20Statistics%20(1996,%202001,%202006%20Census%20Years)&producttype=Census%20Tables&method=Place%20of%20Usual%20Residence&topic=Language& Census Data from Australian Bureau of Statistics] Main Language Spoken at Home. The figure is the number of people who only speak English at home.</ref> ไนจีเรีย (3-5 ล้านคน)<ref>{{cite journal|author=Ihemere, Kelechukwu Uchechukwu|year= 2006|url=http://www.njas.helsinki.fi/pdf-files/vol15num3/ihemere.pdf |title=A Basic Description and Analytic Treatment of Noun Clauses in Nigerian Pidgin|journal=Nordic Journal of African Studies|volume= 15|issue=3|pages= 296–313}}</ref> ไอร์แลนด์ (3.8 ล้านคน)<ref name="Crystal" /> แอฟริกาใต้ (3.7 ล้านคน)<ref name="SA speakers">[http://www.statssa.gov.za/publications/CinBrief/CinBrief2001.pdf Census in Brief], page 15 (Table 2.5), 2001 Census, [[Statistics South Africa]]</ref> และนิวซีแลนด์ (3.6 ล้านคน) ตามลำดับ ข้อมูลมาจากสำมะโนปี 2549<ref>{{cite web |title=About people, Language spoken |url=http://www.stats.govt.nz/Census/2006-census-data/classification-counts-tables/about-people/language-spoken.aspx |archiveurl=http://web.archive.org/web/20091015063211/http://www.stats.govt.nz/Census/2006-census-data/classification-counts-tables/about-people/language-spoken.aspx |archivedate=2009-10-15 |publisher=[[Statistics New Zealand]] |date=2006 census |accessdate=28 September 2009}} (links to Microsoft Excel files)</ref>
หลายประเทศ อย่าง
=== ประเทศที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ===
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักใน[[แองกวิลลา]]
ในบางประเทศซึ่งภาษาอังกฤษมิใช่ภาษาที่มีผู้พูดมากที่สุด แต่เป็นภาษาราชการ ได้แก่
ภาษาอังกฤษยังเป็นหนึ่งใน 11 ภาษาราชการที่ได้รับสถานภาพเท่ากันในแอฟริกาใต้ ภาษาอังกฤษยังเป็นภาษาราชการใน
แม้รัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาจะไม่มีภาษาราชการ แต่ภาษาอังกฤษได้รับสถานะราชการโดยรัฐบาลของ 30 จาก 50 รัฐ แม้จะมิได้ระบุสถานะราชการ ภาษาอังกฤษยังเป็นภาษาสำคัญในอดีตอาณานิคมและรัฐในอารักขาของสหราชอาณาจักรหลายแห่ง เช่น [[บาห์เรน]] [[บังกลาเทศ]] บรูไน
=== ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาสากล ===
ภาษาอังกฤษมักถูกเรียกว่าเป็น "[[ภาษาสากล]]" เพราะมีการพูดอย่างกว้างขวาง และแม้จะมิใช่ภาษาราชการในประเทศส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบัน มีการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศมากที่สุด ตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของการสื่อสารการบิน
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มีการศึกษาเป็นภาษาต่างประเทศมากที่สุดในสหภาพยุโรป ถึง 89% ในเด็กวัยเรียน นำหน้าภาษาฝรั่งเศสที่ 32% ขณะที่การรับรู้ประโยชน์ของภาษาต่างประเทศในบรรดาชาวยุโรป คือ 68% สนับสนุนภาษาอังกฤษ มากกว่าภาษาฝรั่งเศสที่ 25%<ref name="srv06">[http://ec.europa.eu/education/languages/pdf/doc631_en.pdf 2006 survey] by [[Eurobarometer]].</ref> ในบรรดาบางประเทศสหภาพยุโรปที่ไม่พูดภาษาอังกฤษ ประชากรผู้ใหญ่จำนวนมากอ้างว่าสามารถสนทนาภาษาอังกฤษได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สวีเดน 85%, เดนมาร์ก 83%, เนเธอร์แลนด์ 79%, ลักเซมเบิร์ก 66% และในฟินแลนด์ สโลวีเนีย ออสเตรเลีย เบลเยียมและเยอรมนี กว่า 50%
หนังสือ นิตยสารและหนังสือพิมพ์ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษพบได้ในหลายประเทศทั่วโลก และภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้มากที่สุดในแวดวงวิทยาศาสตร์ โดยดัชนีการอ้างอิงวิทยาศาสตร์รายงานเมื่อปี 2540 ว่า บทความของดัชนีฯ 95% เขียนในภาษาอังกฤษ แม้เพียงครึ่งหนึ่งจะมาจากผู้ประพันธ์ในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ
วรรณกรรมภาษาอังกฤษคิดเป็น 28% ของวรรณกรรมทั้งหมดที่ตีพิมพ์ทั่วโลก และคิดเป็น 30% ของเนื้อหาเว็บในปี 2554 (จาก 50% ในปี 2543)<ref name="net-lang.net">http://net-lang.net//externDisplayer/displayExtern/_path_/netlang_EN_pdfedition.pdf</ref>
การใช้ภาษาอังกฤษที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกนี้ได้มีผลกระทบใหญ่หลวงต่อภาษาอื่นจำนวนมาก จนนำไปสู่ภาษาเปลี่ยนหรือกระทั่งภาษาตาย<ref>David Crystal (2000) Language Death, Preface; viii, Cambridge University Press, Cambridge</ref> และการอ้างจักรวรรดินิยมทางภาษา<ref name="one"/> ภาษาอังกฤษเองก็เปิดรับการเปลี่ยนแปลงทางภาษามากขึ้น เพราะความหลากหลายในภูมิภาคป้อนกลับไปยังภาษาโดยรวมเช่นกัน<ref name="one">{{cite journal|author=Jambor, Paul Z. |title=English Language Imperialism: Points of View|journal= Journal of English as an International Language|date=April 2007 |volume =2| pages =103–123|url=http://www.eilj.com/index.php?option=com_phocadownload&view=category&download=15:2-december-2007&id=3:free-journals}}</ref>
เส้น 77 ⟶ 49:
พยัญชนะอังกฤษสมัยใหม่ประกอบด้วยอักษร 26 ตัว ได้แก่ [[a]], [[b]], [[c]], [[d]], [[e]], [[f]], [[g]], [[h]], [[i]], [[j]], [[k]], [[l]], [[m]], [[n]], [[o]], [[p]], [[q]], [[r]], [[s]], [[t]], [[u]], [[v]], [[w]], [[x]], [[y]], [[z]] (รูปอักษรใหญ่เป็น A, B, C, D, E, F, G, H, I, J, K, L, M, N, O, P, Q, R, S, T, U, V, W, X, Y, Z ตามลำดับ) สัญลักษณ์อื่นซึ่งใช้ในการเขียนภาษาอังกฤษมีการผูก [[æ]] และ [[œ]] ซึ่งพบได้น้อย นอกจากนี้ ยังมีการใช้[[เครื่องหมายเสริมสัทอักษร]]บ้าง ส่วนใหญ่ในคำยืมจากภาษาต่างประเทศ (เช่น [[acute accent|เครื่องหมายลงน้ำหนักเด่นชัด]]ในคำว่า café และ exposé) และในการใช้เครื่องหมาย[[ไดเอเรซิส]] (diaeresis) บางครั้งเพื่อชี้ว่าสระสองตัวนั้นออกเสียงแยกกัน (เช่น ในคำว่า naïve และ Zoë)
ระบบการสะกด หรือ[[อักขรวิธี]] ของภาษาอังกฤษนั้นมีหลายชั้น โดยมีส่วนการสะกดภาษาฝรั่งเศส ละตินและกรีกบนระบบเจอร์แมนิกพื้นเมือง นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษยังซับซ้อนขึ้นจากการเปลี่ยนเสียงที่ไม่ไปด้วยกันกับอักขรวิธี จึงหมายความว่า การสะกดภาษาอังกฤษมิใช่ตัวชี้บอกการออกเสียงที่น่าเชื่อถือ หรือกลับกัน เมื่อเทียบกับภาษาอื่นจำนวนมาก
แม้อักษรและเสียงอาจไม่สัมพันธ์กันเมื่อแยกกัน แต่กฎการสะกดซึ่งพิจารณาโครงสร้างพยางค์ สัทศาสตร์และการลงน้ำหนักนั้นน่าเชื่อถือไม่น้อยกว่า 75%<ref>{{cite journal|author=Abbott, M. |year=2000|title= Identifying reliable generalisations for spelling words: The importance of multilevel analysis|journal= The Elementary School Journal |volume=101|issue=2|pages= 233–245|jstor=1002344|doi=10.1086/499666}}</ref> การสะกดเสียงบางอย่างสนับสนุนข้ออ้างที่ว่าภาษาอังกฤษนั้นสอดคล้องกับการออกเสียงกว่า 80%<ref>Moats, L. M. (2001). Speech to print: Language essentials for teachers. Baltimore, MD: Paul H. Brookes Company, ISBN 1598570501.</ref> อย่างไรก็ดี ภาษาอังกฤษมีความสัมพันธ์สอดคล้องระหว่างเสียงกับอักษรน้อยกว่าภาษาอื่นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น ลำดับอักษร ough สามารถออกเสียงได้ถึง 10 วิธี ผลของประวัติอักขรวิธีซับซ้อนนี้ คือ การอ่านอาจเป็นสิ่งท้าทาย<ref>McGuinness, Diane (1997) ''Why Our Children Can't Read'', New York: Touchstone, pp. 156–169, ISBN 0684853566.</ref> ผู้เรียนต้องใช้เวลานานกว่าภาษาอื่นจึงจะเป็นนักอ่านภาษาอังกฤษได้คล่องอย่างสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงภาษาฝรั่งเศส กรีกและสเปน<ref>{{cite journal|author=Ziegler, J. C., & Goswami, U. |pmid=15631549|year=2005|title=Reading acquisition, developmental dyslexia, and skilled reading across languages: A psycholinguistic grain size theory|volume=131|issue=1|pages=3–29|doi=10.1037/0033-2909.131.1.3|journal=Psychological bulletin}}</ref> พบว่า เด็กที่พูดภาษาอังกฤษใช้เวลาเรียนอ่านนานกว่าเด็กในประเทศยุโรปอื่น 12 ประเทศสองปี<ref name="spellingsociety.org">{{cite web|url=http://www.spellingsociety.org/media/research.php |title=Media centre |publisher=Spelling Society |year= 2001|author=Seymour, Philip H K, University of Dundee|accessdate=21 April 2010}}</ref>
สำหรับ
ส่วนสระนั้น ความสอดคล้องระหว่างการสะกดและการออกเสียงยิ่งไม่สม่ำเสมอ ภาษาอังกฤษมีหน่วยเสียงสระมากกว่าอักษรสระ (a, e, i, o, u) มาก ซึ่งหมายความว่า การประสมอักษรมักจำเป็นต้องใช้ระบุ
== สัทวิทยา ==
สัทวิทยา (ระบบเสียง) ของภาษาอังกฤษแตกต่างกันตามภาษาถิ่น คำอธิบายด้านล่างใช้ได้กับชนิดมาตรฐาน ที่เรียกว่า
=== พยัญชนะ ===
ตารางด้านล่างแสดงระบบหน่วยเสียงพยัญชนะซึ่งทำหน้าที่ในภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ สัญลักษณ์ต่าง ๆ มาจาก
{| class="wikitable"
เส้น 171 ⟶ 143:
|}
หากพยัญชนะมาเป็นคู่ (เช่น "p b") พยัญชนะตัวแรกจะไม่ก้อง ออกเสียงตัวที่สอง สัญลักษณ์ส่วนมากแสดงเสียงเดียวกับตามปกติเมื่อใช้เป็นอักษร แต่ /j/ แทนเสียงแรกของ '''y'''acht สัญลักษณ์ /ʃ/ แทนเสียง sh, /ʒ/ แทนเสียงกลางของ vi'''si'''on, /tʃ/ แทนเสียง ch, /dʒ/ แทนเสียง j ใน jump, /θ/ และ /ð/ แทนเสียง th ใน '''th'''ing และ '''th'''is ตามลำดับ, และ /ŋ/ แทนเสียง ng ใน si'''ng'''
การแปรผันในการออกเสียงพยัญชนะที่โดดเด่นบางอย่าง ได้แก่
* ในการลงน้ำหนักไม่[[rhotic accent|รัวลิ้น]] เช่น สำเนียงอังกฤษมาตรฐานและสำเนียงออสเตรเลีย /r/ สามารถปรากฏก่อนสระเท่านั้น (ฉะนั้นจึงไม่มีเสียง "r" ในคำอย่าง card) การออกเสียง /r/ ตามจริงนั้นแตกต่างกันตามภาษาถิ่น แต่ที่พบมากที่สุด คือ เสียงเปิด ปุ่มเหงือก [ɹ]
* ในสำเนียงอเมริกาเหนือและสำเนียงออสเตรเลีย /t/ และ /d/ เป็น
* เสียง th /θ/ และ /ð/ บางครั้งออกเสียงเป็น /f/ และ /v/ ในค็อกนีย์ และเป็นเสียงระเบิด ฟัน (ซึ่งตามปกติเป็นเสียงระเบิด ปุ่มเหงือก) ในบางสำเนียงไอร์แลนด์ ในสำเนียงพื้นเมืองแอฟริกันอเมริกัน /ð/ รวมกับเสียงฟัน /d/
*
* เสียงระเบิดอโฆษะ /p/, /t/ และ /k/ นั้น[[เสียงธนิต|ธนิต]]บ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นพยางค์ที่เน้น แต่ไม่ธนิตหลัง /s/ ที่ต้นคำ เช่น spin
เส้น 317 ⟶ 289:
== อ้างอิง ==
== บรรณานุกรม ==
* {{cite book| first=Ulrich| last=Ammon| title=Sociolinguistics: An International Handbook of the Science of Language and Society| publisher=Walter de Gruyter| year=2006| isbn=3-11-018418-4| url=http://books.google.com/?id=LMZm0w0k1c4C| ref=refAmmon2006}}
* {{cite book |last=Baugh |first=Albert C. |coauthors=Thomas Cable |title=A History of the English Language | edition=5th |publisher=Routledge |year=2002 |isbn=0-415-28099-0|ref=Baugh}}
*
* {{cite book |last=Crystal |first=David |authorlink=David Crystal |year=1997 |title=English as a Global Language |location=Cambridge |publisher=Cambridge University Press |isbn=0-521-53032-6| url=http://books.google.com/?id=d6jPAKxTHRYC| ref=Crystal1997}}
* {{cite book |last=Crystal |first=David|title=The Cambridge Encyclopedia of the English Language | edition=2nd |publisher=Cambridge University Press |year=2003 |isbn=0-521-53033-4}}
เส้น 331 ⟶ 301:
* {{cite book| first=Anthony| last=Howatt| title=A History of English Language Teaching| publisher=Oxford University Press| year=2004| isbn=0-19-442185-6| url=http://books.google.com/?id=g2e7iw_F-ZcC| ref=refHowatt2004}}
* Kenyon, John Samuel and Knott, Thomas Albert, ''A Pronouncing Dictionary of American English'', G & C Merriam Company, Springfield, Mass, USA,1953.
* {{cite book |last=McArthur |first=T. (ed.) |title=The Oxford Companion to the English Language |publisher=Oxford University Press |year=1992 |isbn=0-19-214183-X}}
*
* {{Cite book|last=Nation |first=I.S.P. |authorlink1= Paul Nation |year=2001|title=Learning Vocabulary in Another Language|publisher=Cambridge University Press|url=http://books.google.com/books?id=sKqx8k8gYTkC|page=477|isbn=0-521-80498-1|ref=harv}}
* {{cite book |last=Plotkin |first=Vulf |title=The Language System of English |publisher=BrownWalker Press |year=2006 |isbn=1-58112-993-9}}
|