พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกัณฏิ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกัณฏิ (สิงหล: මහනුවර ජාතික කෞතුකාගාරය; ทมิฬ: கண்டி தேசிய நூதனசாலை) เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ในกัณฏิ ประเทศศรีลังกา ตั้งอยู่ติดกันกับวัดพระเขี้ยวแก้ว เป็นส่วนหนึ่งของอดีตพระราชวังหลวงกัณฏิ นิทรรศการหลักของพิพิธตั้งอยู่ในอาคาร Palle Vahala ซึ่งในอดีตใช้เป็นที่อยู่อาศัยของนางบำเรอของกษัตริย์ นิทรรศการส่วนที่สองตั้งอยู่ในอาคารที่อดีตเป็นพระราชวังหลวง ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักกิจการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ[1]

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกัณฏิ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกัณฏิ
แผนที่
ก่อตั้ง1942
ที่ตั้งกัณฏิ ประเทศศรีลังกา
พิกัดภูมิศาสตร์7°17′41″N 80°38′27″E / 7.29472°N 80.64083°E / 7.29472; 80.64083
ประเภทประวัติศาสตร์
ผู้อำนวยการK. D. V. Chandimal
เว็บไซต์เว็บไซต์กรมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

อาคาร Palle Vahala หรือ Meda Vahala[2][3] สร้างขึ้นในสมัยของศรีวิกรมราชสิงห์ และใช้งานเป็นส่วนที่พำนักของราชินีของกษัตริย์แห่งกัณฏิ[4] อาคารนี้ต่อมาถูกใช้งานเป็นที่เก็บรักษาวัตถุและงานศิลปะของสมาคมศิลปะกัณฏิซึ่งตั้งขึ้นในปี 1882 พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมสู่สาธารณะในปี 1942

ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์มีวัตถุโบราณจัดแสดงมากกว่า 5,000 ชิ้น ซึ่งรวมถึงอาวุธ เครื่องประดับ เป็นต้น โดยมาจากสมัยอาณาจักรกัณฏิ (ศตวรรษที่ 17–19) และในยุคหลังอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งรวมถึสนธิสัญญาปี 1815 ฉบับคัดลอก ในอาณาเขตของพิพิธภัณฑ์ยังมีรูปปั้นของเซอร์เฮนรี วาร์ด อดีตผู้ว่าการซีลอน (1855–1860) รูปปั้นนี้เดิมทีตั้งอยู่ที่ควีนส์โฮเต็ล

อ้างอิง

แก้
  1. "National Museum, Kandy". Department of National Museums. สืบค้นเมื่อ 25 May 2015.
  2. Wimaladharma, Kapila P. (2003). Women in the Kandyan Kingdom of the Seventeenth Century Sri Lanka: A Study in the Application of Gender Theory in Historical Analysis. Varuni Publishers. p. 121. ISBN 9789555660013.
  3. "Journal of the Royal Asiatic Society of Sri Lanka". 45–46. Colombo: Royal Asiatic Society of Sri Lanka. 2000: 110–111. {{cite journal}}: Cite journal ต้องการ |journal= (help)
  4. Seneviratna, Anuradha (1983). Kandy: An Illustrated Survey of Ancient Monuments with Historical, Archaeological and Literary Descriptions including maps of the City and its suburbs. Central Cultural Fund, Ministry of Cultural Affairs. p. 79.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้