พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก
พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก (อังกฤษ: GoldenEye) เป็นภาพยนตร์แนวสายลับฉายเมื่อปี ค.ศ. 1995 เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สิบเจ็ดใน ภาพยนตร์ชุด เจมส์ บอนด์ ที่สร้างโดย อีออนโปรดักชันส์ แสดงนำโดย เพียร์ซ บรอสแนน รับบทเป็น เจมส์ บอนด์ สายลับเอ็มไอ6 ครั้งแรก กำกับโดย มาร์ติน แคมป์เบลล์ และเป็นภาพยนตร์บอนด์เรื่องแรกที่ไม่ได้นำองค์ประกอบเนื้อเรื่องใด ๆ จากนวนิยายของเอียน เฟลมมิงมาดัดแปลง[3] เนื้อเรื่องของภาพยนตร์คิดค้นและเขียนบทโดย ไมเคิล แฟรนซ์ ซึ่งต่อมาบทภาพยนตร์ถูกเขียนเพิ่มเติมโดยเจฟฟรี เคนและบรูซ เฟียร์สตีน ในภาพยนตร์ บอนด์ต้องต่อสู้อดีตสายลับเอ็มไอ6 เพื่อหยุดยั้งการใช้อาวุธดาวเทียมโจมตีลอนดอน ซึ่งจะทำให้เกิดการล่มสลายทางการเงินทั่วโลก
พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก | |
---|---|
กำกับ | มาร์ติน แคมป์เบลล์ |
บทภาพยนตร์ | |
เนื้อเรื่อง | ไมเคิล แฟรนซ์ |
สร้างจาก | เจมส์ บอนด์ โดย เอียน เฟลมมิง |
อำนวยการสร้าง | |
นักแสดงนำ | |
กำกับภาพ | ฟิล เมฮิวซ์ |
ตัดต่อ | เทอร์รี รอว์ลิงส์ |
ดนตรีประกอบ | เอริก เซรา |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย |
|
วันฉาย |
|
ความยาว | 130 นาที |
ประเทศ | สหราชอาณาจักร[1] สหรัฐ |
ภาษา | อังกฤษ รัสเซีย สเปน |
ทุนสร้าง | 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ |
ทำเงิน | 352.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] |
ภาพยนตร์วางจำหน่ายหลังเว้นช่วงไปหกปี เนื่องจากเกิดข้อพิพาททางกฎหมาย ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ทิโมธี ดาลตัน ลาออกจากบทบาท เจมส์ บอนด์ และถูกแทนที่โดย เพียร์ซ บรอสแนน ตัวละคร เอ็ม มีการคัดเลือกนักแสดงใหม่ โดย จูดี เดนช์ เป็นผู้หญิงคนแรกที่แสดงเป็นตัวละครดังกล่าว แทนที่ โรเบิร์ต บราวน์ บทของมิสมันนีเพนนีได้รับการคัดเลือกนักแสดงใหม่เช่นกัน โดยมี ซาแมนทา บอนด์ แทนที่ แคโรไลน์ บลิสส์ ส่วน เดสมอนด์ เลเวลีน เป็นนักแสดงคนเดียวที่กลับมารับบทเดิมของเขาเป็น คิว พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่สร้างหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและเป็นการสิ้นสุดสงครามเย็น ซึ่งเป็นเบื้องหลังในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ ภาพยนตร์ถ่ายทำที่ประเทศสหราชอาณาจักร, รัสเซีย, แขวงมงเต-การ์โลและปวยร์โตรีโก เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ถ่ายทำใน ลีฟส์เดนสตูดิโอส์ เป็นภาพยนตร์บอนด์เรื่องแรกที่ใช้ภาพสร้างจากคอมพิวเตอร์ และเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของ เดเรก เมดดิงส์ หัวหน้างานเทคนิคพิเศษของภาพยนตร์
ภาพยนตร์ทำเงินมากกว่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก ทำเงินมากกว่าภาพยนตร์บอนด์ที่แสดงโดยดาลตัน โดยไม่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ[4] ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์ โดยนักวิจารณ์มองว่าบรอสแนนเป็นบอนด์ที่มีพัฒนาการดีกว่าบอนด์ในภาพยนตร์ก่อนหน้านี้[5][6][7] ภาพยนตร์ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงในรางวัลแบฟตา สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยมและสาขาเสียงยอดเยี่ยม[8]
ชื่อ "โกลเดนอาย (GoldenEye)" เป็นการคารวะ เอียน เฟลมมิง ผู้สร้างเจมส์ บอนด์ ขณะทำงานให้กับหน่วยสืบราชการลับของกองทัพเรืออังกฤษ ยศนาวาตรี เฟลมมิงติดต่อประสานงานกับกองข่าวกรองกองทัพเรือ เพื่อติดตามการพัฒนาในสเปนหลังสงครามกลางเมืองสเปน ในชื่อ ปฏิบัติการโกลเดนอาย เฟลมมิงใช้ชื่อนี้เป็นคฤหาสน์ของเขาใน โอรากาเบสซา, จาเมกา
โครงเรื่อง
แก้ในปี ค.ศ. 1986 สายลับเอ็มไอ6 เจมส์ บอนด์และอเล็ก เทอร์เวเลียน แทรกซึมเข้าไปในโรงงานผลิตอาวุธเคมีของสหภาพโซเวียตในอาร์กฮังเกล ในขณะที่เทอร์เวเลียนถูกจับและฆ่าโดย พันเอก อาร์กาดี กริโกโรวิช อูรูมอฟ ผู้บัญชาการของโรงงาน บอนด์จัดการทำลายโรงงาน ก่อนที่เขาจะหลบหนีได้สำเร็จ
เก้าปีต่อมา หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต บอนด์พยายามหยุดยั้ง ซีเนีย ออนาทอปป์ สมาชิกขององค์กรอาชญากรรมยานัส จากการขโมย ยูโรคอปเตอร์ ไทเกอร์ เฮลิคอปเตอร์จู่โจม ขณะที่กำลังสาธิตทางทหารใน มงเต-การ์โล แต่ไม่สำเร็จ บอนด์เดินทางกลับไปที่ลอนดอน เจ้าหน้าที่เอ็มไอ6 ตรวจพบสัญญาณขอความช่วยเหลือจากสถานีวิทยุร้างใน ซีเวอร์นายา, ไซบีเรีย บอนด์พบเฮลิคอปเตอร์ที่ถูกขโมย ปรากฏอยู่ที่นั่น ต่อมา เกิดระเบิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้สถานที่ดังกล่าว, เครื่องบินรบรัสเซียและระบบดาวเทียมทั้งหมดในวงโคจรด้านบนถูกทำลาย
นักแสดง
แก้- เพียร์ซ บรอสแนน เป็น เจมส์ บอนด์ (007): เจ้าหน้าที่เอ็มไอ6 ได้รับมอบหมายให้หยุดองค์กรอาชญากรรมยานัสจากการควบคุมของ "โกลเดนอาย" อาวุธดาวเทียมลับที่ออกแบบและปล่อยโดยโซเวียตในช่วงสงครามเย็น
- ฌอน บีน เป็น อเล็ก เทอร์เวเลียน (006) / ยานัส: เริ่มแรกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ดับเบิลโออีกคนหนึ่งและเพื่อนของบอนด์ เขาแกล้งตายที่อาร์กฮังเกลและได้ก่อตั้งองค์กรอาชญากรรมยานัสในช่วงเก้าปีถัดมา
- อิซาเบลลา สโกรุปโก เป็น นาตาเลีย ซิมาโนวา: ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวและเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ของการโจมตีด้วยโกลเดนอายในศูนย์ควบคุมของตัวเองที่ซีเวอร์นายา เธอเป็นโปรแกรมเมอร์ฝีมือดีและช่วยเหลือบอนด์ในภารกิจของเขา
- ฟัมเกอ ยันส์เซิน เป็น ซีเนีย ออนาทอปป์: นักบินเครื่องบินขับไล่ชาวจอร์เจียและสมุนหญิงของเทอร์เวเลียน เธอเป็นฆาตกรหื่นซาดิสต์ ที่สนุกกับการทรมานศัตรูด้วยการบดขยี้พวกเขาระหว่างต้นขาของเธอ
- โจ ดอน เบเกอร์ เป็น แจ็ก เวด: เจ้าหน้าที่ซีไอเอผู้มีประสบการณ์ ทำภารกิจเดียวกับบอนด์
- จูดี เดนช์ เป็น เอ็ม: หัวหน้าเอ็มไอ6 และผู้บังคับบัญชาของบอนด์
- กอตต์ฟรีด จอห์น เป็น พันเอก/นายพล อาร์กาดี กริโกโรวิช อูรูมอฟ: วีรชนแห่งสหภาพโซเวียต, ผู้บัญชาการกองอวกาศของรัสเซีย, เป็นสายลับของยานัส ผู้ที่ใช้อำนาจและตำแหน่งในทางมิชอบ ในการควบคุมโกลเดนอาย
- รอบบี โคลเทรน เป็น วาเลนทีน ดมิตโตรวิช ซูกอฟสกี: นักเลงชาวรัสเซียและอดีตเจ้าหน้าที่เคจีบี ผู้ที่จัดการให้บอนด์ได้พบกับยานัส (เทอร์เวเลียน)
- แอลัน คัมมิง เป็น บอริส กริเชงโก: โปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ที่ซีเวอร์นายา และกลายเป็นพวกเดียวกับยานัส
- ชิกกี การ์โย เป็น รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ดมิทรี มิชกิน
- เดสมอนด์ เลเวลีน เป็น คิว: หัวหน้าแผนกคิว (วิจัยและพัฒนา) ของ ราชการข่าวกรองลับอังกฤษ เลเวลีนและโจ ดอน เบเกอร์ เป็นนักแสดงสองคนที่ปรากฏตัวใน 007 พยัคฆ์สะบัดลาย ภาพยนตร์บอนด์ก่อนหน้านี้ เลเวลีนแสดงเป็นคิวในภาพยนตร์บอนด์ทุกเรื่อง ยกเว้น พยัคฆ์ร้าย 007 และ พยัคฆ์มฤตยู 007 จนกระทั่งเขาเสียชีวิต
- ซาแมนทา บอนด์ เป็น มิสมันนีเพนนี: เลขานุการของเอ็ม ซาแมนทา บอนด์รับบทเป็นมันนีเพนนีครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่องนี้ จากทั้งหมดสี่ครั้งของเธอ
- ไมเคิล คิตเชน เป็น บิลล์ แทนเนอร์: เสนาธิการของเอ็ม
- บิลลี เจ. มิตเชลล์ เป็น พลเรือเอก ชัก ฟาร์เรลล์: เจ้าหน้าที่กองทัพเรือชาวแคนาดาที่ถูกล่อลวงและสังหารโดยซีเนีย ออนาทอปป์
- มินนี ไดรเวอร์ เป็น อิรินา: นักร้องไนต์คลับชาวรัสเซียและผู้หญิงของวาเลนทีน ดมิตโตรวิช ซูกอฟสกี
- เซรีนา กอร์ดอน เป็น แคโรไลน์, ผู้ประเมินทางจิตวิทยาและจิตเวชของเอ็มไอ6 ผู้ถูกบอนด์ล่อลวง
การสร้าง
แก้เบื้องต้น
แก้หลังการฉายของ 007 รหัสสังหาร ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1989 งานก่อนการถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่องที่สิบเจ็ดในภาพยนตร์ชุด เจมส์ บอนด์ กำหนดเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1990 โดยมี ทิโมธี ดาลตัน รับบทเป็นบอนด์ครั้งที่สาม (เพื่อทำตามสัญญาแสดงภาพยนตร์บอนด์สามเรื่องของเขา)[9] ใบปิดของภาพยนตร์ดังกล่าว ในตอนนั้นยังถูกนำเสนอบน โรงแรมคาร์ลตัน ในช่วง เทศกาลภาพยนตร์กาน ปี 1990 ในเดือนสิงหาคม เดอะซันเดย์ไทม์ส รายงานว่า ผู้อำนวยการสร้าง อัลเบิร์ต อาร์. บรอคโคลี ได้แยกทางกับ ริชาร์ด เมบอม ผู้เขียนบทภาพยนตร์บอนด์เกือบทุกเรื่อง (ยกเว้นสามเรื่อง) และ จอห์น เกลน ผู้กำกับภาพยนตร์บอนด์ห้าเรื่อง บรอคโคลีทำรายชื่อผู้กำกับที่จะมากำกับภาพยนตร์ ได้แก่ จอห์น แลนดิส, เทด คอตชีฟและจอห์น บายรัม[10] ไมเคิล จี. วิลสัน ลูกเลี้ยงของบรอคโคลี เป็นคนเขียนบทภาพยนตร์ และได้ว่าจ้างให้ อัลโฟนส์ รูกจิเอโร จูเนียร์ ผู้อำนวยการสร้างร่วมของละครโทรทัศน์ ไวส์กาย มาเขียนบทภาพยนตร์ใหม่[11] การถ่ายทำกำหนดเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1990 ใน ฮ่องกง และกำหนดฉายในปลายปี ค.ศ. 1991[12] ภาพยนตร์จะดัดแปลงจาก "เดอะพรอเพอร์ตีออฟอะเลดี" เรื่องสั้นของเฟลมมิง โดยมีเรื่องราวการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ในอังกฤษและสกอตแลนด์ของผู้ก่อการร้าย เพื่อก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สาม บอนด์เดินทางไปเอเชียตะวันออกเพื่อสืบสวนนักธุรกิจคอรัปชัน เซอร์ เฮนรี ลี ชิง พร้อมกับคนที่ขโมยอัญมณี คอนนี เวบบ์ และบอนด์ต่อสู้กับอดีตพี่เลี้ยงของเขา เดนโฮล์ม คริสป์ และจะมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของจีนปรากฏตัวด้วย[13][14]
ดาลตันประกาศในบทสัมภาษณ์เมื่อปี ค.ศ. 2010 ว่า บทภาพยนตร์นั้นพร้อมแล้วและ "เรากำลังพูดถึงผู้กำกับ" ก่อนที่โครงการจะเข้าสู่นรกของการพัฒนา เกิดจากปัญหาทางกฎหมายระหว่าง เมโทร-โกลด์วิน-เมเยอร์, บริษัทแม่ของผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ชุด ยูไนเต็ดอาร์ตติสต์และแดนแจกของบรอคโคลี เจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ บอนด์ [15] ในปี ค.ศ. 1990 เอ็มจีเอ็ม/ยูเอ จะถูกขายให้กับ คินเทกซ์ ด้วยมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ให้บริการทางการเงินสัญชาติออสเตรเลีย-อเมริกัน ซึ่งได้เริ่มดำเนินการซื้อการออกอากาศทางโทรทัศน์และความบันเทิง เมื่อคินเทกซ์ไม่สามารถให้เลตเตอร์ออฟเครดิต มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ ข้อตกลงดังกล่าวก็ล่มไป บริษัทสัญชาติฝรั่งเศสชื่อ พาตีเอ็นเทอร์เทนเมนต์ (ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสตูดิโอฝรั่งเศส พาตี) เข้ามาซื้อ เอ็มจีเอ็ม/ยูเอ อย่างรวดเร็ว ด้วยมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และรวมบริษัทเพื่อสร้าง เอ็มจีเอ็ม-พาตี คอมมิวนิเคชันส์ ซีอีโอของพาตี จันคาร์โล พาร์เรตตี ตั้งใจที่จะขายสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายแคตตาล็อกของสตูดิโอออกไป เพื่อให้เขาสามารถรวบรวมเงินล่วงหน้าเพื่อเป็นเงินทุนในการซื้อกิจการ รวมถึงไปสิทธิ์ในการออกอากาศระหว่างประเทศของภาพยนตร์ 007 ในราคาถูก โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากแดนแจก ทำให้แดนแจกฟ้องร้อง[16] โดยอ้างว่าการออกใบอนุญาตดังกล่าวเป็นการละเมิดข้อตกลงการจัดจำหน่าย บอนด์ ที่บริษัทเคยทำไว้กับยูไนเต็ดอาร์ตติสต์ เมื่อปี ค.ศ. 1962 ในขณะที่ปฏิเสธส่วนแบ่งผลกำไรของแดนแจก[17] เมื่อบรอคโคลีถามดาลตันว่า เขาจะทำอย่างไรหลังจากคดียุติ เขาบอกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะรับบทแล้ว[18]
พฤติกรรมของพาร์เรตตี นำไปสู่การล้มละลายของเอ็มจีเอ็ม-พาตี และการฟ้องร้องเพิ่มเติม ในที่สุดส่งผลให้มีการยึดสังหาริมทรัพย์โดยผู้สนับสนุนทางการเงิน เครดิตลียงเน ในปี ค.ศ. 1992 คดีความเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของ บอนด์ ถูกตัดสินเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1992 และเอ็มจีเอ็ม-พาตี เปลี่ยนชื่อเป็น เมโทร-โกลด์วิน-เมเยอร์ ซึ่งปัจจุบันดำเนินการโดย บริษัทย่อยของเครดิตลียงเน ได้เริ่มสำรวจการพัฒนาเพิ่มเติมของ บอนด์ 17 กับแดนแจกในปี ค.ศ. 1993 ดาลตันยังคงเป็นตัวเลือกของบรอคโคลี ในการกลับมารับบทบอนด์ แต่สัญญาเจ็ดปีของดาลตันที่เคยทำไว้กับแดนแจก นั้นหมดอายุในปี ค.ศ. 1993 ดาลตันกล่าวว่าความล่าช้าของภาพยนตร์เรื่องที่สามของเขา มีผลทำให้สัญญาสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1990[18][19]
การนำมาทำเป็นสื่อวิดีโอเกม
แก้ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง
แก้- ↑ "GoldenEye (1995)". BFI (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 27 January 2019.
- ↑ "GoldenEye (1995)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ April 25, 2020.
- ↑ "The James Bond Films – 1994–2002". BBC News. 10 November 2002. สืบค้นเมื่อ 22 October 2007.
- ↑ "Box Office History for James Bond Movies". The Numbers. Nash Information Service. สืบค้นเมื่อ 18 October 2007.
- ↑ James Kendrick. "GoldenEye". Qnetwork. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2012. สืบค้นเมื่อ 27 เมษายน 2007.
- ↑ Todd McCarthy (15 November 1995). "GoldenEye". Variety. สืบค้นเมื่อ 18 November 2006.
- ↑ Christopher Null. "GoldenEye". Filmcritic.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 October 2007. สืบค้นเมื่อ 27 April 2007.
- ↑ "Film Nominations 1995". British Academy of Film and Television Arts. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 February 2008. สืบค้นเมื่อ 5 April 2008.
- ↑ "60 Seconds: Timothy Dalton". An interview in Metro Newspaper by Andrew Williams. 15 February 2007.
- ↑ "Hollywood mogul puts $US200m price on James Bond's head; Albert "Cubby" Broccoli". The Sunday Times. 12 August 1990.
- ↑ "GoldenEye – The Road To Production". Mi6-HQ.com. 23 June 2003. สืบค้นเมื่อ 4 January 2007.
- ↑ "Bond 17 – History". Mi6-HQ.com- The Home of James Bond. สืบค้นเมื่อ 28 January 2008.
- ↑ Blauvelt, Christian. "The Bond films that almost were". www.bbc.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-07-22.
- ↑ Jeffery, Morgan (2016-11-07). "6 James Bond movies they planned but never made". Digital Spy (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2020-07-22.
- ↑ Blauvelt, Christian (1 November 2010). "Timothy Dalton talks 'Chuck,' 'The Tourist,' and, of course, Bond". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-08-13. สืบค้นเมื่อ 12 August 2014.
- ↑ "007 Producer Fires Legal Salvo At MGM". Variety. 17 February 1991.
- ↑ "A summary of Southern California-related business litigation developments during the past week". Los Angeles Times. 15 October 1990.
- ↑ 18.0 18.1 Meslow, Scott (12 May 2014). "Timothy Dalton opens up about Penny Dreadful, leaving James Bond, and the demon in all of us". The Week. สืบค้นเมื่อ 23 February 2019.
- ↑ Cox, Dan (12 April 1994). "Dalton bails out as Bond". Variety.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก
- วิกิคำคม มีคำคมที่กล่าวโดย หรือเกี่ยวกับ พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก
- พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส