ผู้ใช้:The great emperror/กระบะทราย-อภิเษกสมรส
"อภิเษกสมรส" | ||||
---|---|---|---|---|
ซิงเกิลโดยเพลิน พรหมแดน | ||||
จากอัลบั้มพระพุทธประวัติ | ||||
วางจำหน่าย | ค.ศ. 2013 | |||
ความยาว | 3:58 | |||
ผู้ประพันธ์เพลง | สมส่วน พรหมสว่าง | |||
ลำดับซิงเกิลของเพลิน พรหมแดน | ||||
|
อภิเษกสมรส เป็นเพลงลำดับที่แปดของเพลงพระพุทธประวัติ ประพันธ์เนื้อเพลง/ เรียบเรียงโดย สมส่วน พรหมสว่าง ขับร้องโดย เพลิน พรหมแดน เพลงนี้มีเนื้อหากล่าวถึงการอภิเษกสมรส ระหว่างเจ้าชายสิทธัตะ กับ พระนางยโสธรา เพลงนี้มีความยาว 3 นาที 58 วินาที เป็นเพลงที่ความยาวเพลงสั้นที่สุดของเพลงชุด เพลงพระพุทธประวัติ - เพลิน พรหมแดน ชุดที่ 1 (ประสูติ)
เนื้อเพลง แก้
- 16 ชันษา ที่ประสูติมาเจริญวัย
พระราชบิดาครวญใคร่ ให้พระสิทธัตถะนี้
ได้อภิเษก ซึ่งพระเทวี
อัครมเหสี ภูบดีจึงมีบัญชา
ให้สร้างเวียงวัง ปราสาท 3 หลังเร็วไว
3 ฤดูขึ้นใหม่ ประไพ โอฬารหนักหนา
เสร็จแล้วส่งข่าวสารไปว่า
ให้เหล่ากษัตริย์วงศา ถวายธิดาสกุลละองค์
แต่กษัตริย์ศากยะ ประยูรญาติ
ว่ามิอาจถวายธิดาได้ดังประสงค์
เพราะพระกุมารไร้วิทยาการ ศาสตร์ศิลป์สูงส่ง
ย่อมยอมรับไม่ลง ยังคงขัดข้องพระทัย
ด้วยเหตุนั้น พระกุมารจึงทรงแสดง
ศิลปศาสตร์อันชัดแจ้ง สำแดงแกร่งกล้าเกินใคร
เหล่ากษัตริย์ศากยะน้อยใหญ่
อัศจรรย์ยิ่งนักจึงได้ ยกพระธิดาถวายมิรอรี
บทบรรยาย แก้
บทบรรยาย : สมส่วน พรหมสว่าง
ผู้บรรยาย : เพลิน พรหมแดน (ผู้บรรยาย)
ครั้งนั้น เจ้าชายสิทธัตถะ ได้นำศิลปศาสตร์หลายประการมาแสดง ตลอดจนรับสั่งให้นายขมังธนูทั้งหลาย นำสหัสถามธนูมาถวาย แล้วได้ทรงแสดงศิลปศาสตร์เกี่ยวกับการใช้ธนูถึง 12 ประการ อันเป็นศิลปะที่ผู้อื่นหรือแม้แต่นายขมังธนูทั่วหล้า ก็ไม่สามารถแสดงการใช้ธนูเช่นนั้นได้ จนกษัตริย์ศากยราชทั้งมวล ต่างยินยอมน้อมรับ ในความสามารถอันล้ำเลิศยิ่งใหญ่ ซึ่งจะหาผู้ใดมาเสมอเหมือนมิได้ จึงต่างยินยอมพร้อมใจยกพระธิดาของแต่ละท่านมาถวายเป็นจำนวนมาก พระเจ้าสุทโธทนะ ทรงขอพระนางยโสธรา (หรือ พิมพา) มาอภิเษกเป็นพระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ และเสวยสุขอยู่บนปราสาททั้ง 3 ฤดูนั้น โดยมีดนตรีประโคมขับกล่อม แวดล้อมด้วยเหล่าดรุณีล้วนๆ ไม่มีบุรุษเจือปน บำเรอเปรอปรนทั้งราตรีทิวากาล จนกระทั่งพระชนมายุได้ 29 พรรษา[1]
ความหมาย และเนื้อหาของเพลง แก้
หลังจากนั้น พระราชบิดาได้ทรงแจ้งไปยังเหล่าพระญาติวงศ์ทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายพระมารดา (โกลิยวงศ์) และฝ่ายพระบิดา (ศากยวงศ์) ให้จัดส่งพระราชธิดามาเพื่อคัดเลือกสตรีผู้สมควรจะอภิเษกสมรสกับเจ้าชาย
ทั้งนี้ เนื่องจากพระราชบิดาทรงต้องการจะผูกมัดพระราชโอรสให้เสด็จอยู่ครองราชสมบัติสืบต่อจากพระองค์มากกว่าที่จะให้เสด็จออกทรงผนวชดังที่มีพราหมณ์ได้ทำนายไว้เป็นสองคติ
อย่างไรก็ตาม บรรดาพระญาติทั้งหลายก็เห็นว่าเจ้าชายสิทธัตถะยังไม่เหมาะสม และคู่ควรที่จะอภิเษกพระธิดาของพระองค์แต่อย่างใด ดังนั้นจึงควรจะต้องแสดงความสามารถในศิลปศาสตร์ที่ทรงเล่าเรียนมา ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของเหล่าพระญาติเสียก่อน
เจ้าชายสิทธัตถะได้แสดงศิลปศาสตร์ด้านธนูอย่างยอดเยี่ยมจนทำให้พระญาติวงศ์ทั้งสองฝ่ายตกตะลึงงันในความสามารถของเจ้าชาย
เมื่อการแสดงของเจ้าชายสิ้นสุดลง พระญาติวงศ์ทั้งหลายจึงยอมถวายพระราชธิดา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพระนางยโสธราพิมพารวมอยู่ด้วยเพื่อคัดเลือกเป็นพระชายา
และเจ้าชายก็ทรงเลือกพระนางยโสธราพระองค์นี้เองเป็นพระชายาคู่พระทัย[2] และเสวยสุขอยู่บนปราสาททั้ง 3 ฤดูนั้น โดยมีดนตรีประโคมขับกล่อม แวดล้อมด้วยเหล่าดรุณีแรกรุ่นล้วนๆ ไม่มีผู้ชายเจือปน บำเรอเปรอปรนทั้งคืนวัน จนกระทั่งพระชนมายุของเจ้าชายสิทธัตถะนั้นได้ 29 พรรษา
เกร็ดความรู้ แก้
การแสดงสหัสถามธนู แก้
พระเจ้าสุทโธทนะได้อัญเชิญพระญาติวงศ์ทั้งฝั่งศากยวงศ์ และโกลิยวงศ์มาประชุมกันที่หน้าพระมณฑลพิธีที่ปลูกสร้างขึ้นใหม่ ณ ใจกลางเมือง เพื่อให้ทุกคนได้ชมการยิงธนูของเจ้าชายสิทธัตถะ
เริ่มการแสดงสหัสถามธนู เจ้าชายทรงยกธนูนั้นขึ้นได้แสนง่ายดาย สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับหมู่พระประยูรญาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะทุกคนรู้ดีว่าธนูนั้นไม่มีใครที่จะสามารถยกมันขึ้นได้แม้แต่คนเดียว
และก่อนหน้านี้ก็มีหลายคนที่พยายามจะยกมหาธนูนี้ขึ้น ทว่าก็ไม่เป็นผลสักครั้งเดียว และถึงแม้ว่าจะใช้คนเป็นร้อย หลายร้อยคนช่วยกันออกแรง แต่ก็ไม่สำเร็จ จนทุกคนเห็นแล้วต้องยอมแพ้ และถอดใจ ล้มเลิกความคิดไป
แต่สำหรับเจ้าชายสิทธัตถะได้ทำให้เหล่าพระญาติที่ประชุมกัน ณ ที่นั้นถึงกับพากันลุกขึ้นด้วยความตะลึงงันในพระกำลังของเจ้าชาย ที่พระชนมายุแค่ 16 พรรษา แต่สามารถยกคันมหาธนูขึ้นได้ง่ายดาย
ทันทีที่เจ้าชายทรงลองดีดสายธนูก่อนยิง เสียงของสายธนูนั้นก็ดังกระหึ่มไปทั้งกรุงกบิลพัสดุ์ จนชาวเมืองที่ไม่รู้และไม่ได้มาชมเจ้าชายทรงยิงธนู ต่างชวนกันออกมาดูกันเป็นการใหญ่ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมองไม่เห็นเพราะคนแน่นบริเวณ ถึงจะเบียดเสียดเข้าไปก็ไม่มีทางเข้า
ขนหางทรายจามรีที่วางไว้ในระยะ 1 โยชน์ ซึ่งเท่ากับ 18 กิโลเมตร คือเป้ายิงของเจ้าชายแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ แต่อุปสรรคคือ เป้านี้อยู่ห่างไกล และมีขนาดเล็ก แต่ด้วยความสารมารถของเจ้าชายสิทธัตถะ เจ้าชายทรงยิงธนู ขาดตรงกลางพอดี
ทั้งนี้ เพราะเจ้าชายทรงมีพระเนตรอันผ่องใส พร้อมด้วยประสาททั้ง 5 อันบริสุทธิ์อันปราศจากมลทินนั่นเอง เรียกว่าสายพระเนตรดีเป็นเลิศกว่าคนธรรมดาทั่วไปก็ว่าได้
เมื่อการแสดงของเจ้าชายสิ้นสุดลง พระญาติวงศ์ทั้งหลายจึงยอมถวายพระราชธิดา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพระนางยโสธราพิมพารวมอยู่ด้วยเพื่อคัดเลือกเป็นพระชายา
และเจ้าชายก็ทรงเลือกพระนางยโสธราพระองค์นี้นั่นเองเป็นพระชายา[3][4][5]
พระสัพพัญญุตญาณ คืออะไร แก้
สพฺพ ( ทั้งปวง ) + ญูต ( รู้แล้ว ) + ญาณ ( ความรู้ ) = ความรู้ที่รู้แล้วในสิ่งทั้งปวง
โดยรวมหมายถึง พระปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พระองค์ทรงปรารถนาที่จะรู้ พระสัพพัญญุตญาณนี้ เกิดจากการสะสมอบรมมานานถึง 4 อสงไขยแสนมหากัป ซึ่งเมื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มาพร้อมกับอรหัตตมัคคญาณ ซึ่งพระสัพพัญญุตญาณ เป็นจิตที่เป็น กิริยาจิต ที่ประกอบด้วยปัญญา ซึ่งเกิดขึ้นได้ด้วยการเจริญอภิญญา[6]
คำศัพท์ควรรู้ แก้
- ทัศนัง หมายถึง มอง (ความหมายเดียวกันกับ ทัศนา)
- วิปฏิสาร (อ่านว่า วิ-ปะ-ติ-สาน) หมายถึง ความเดือดร้อน ความร้อนใจ(ภายหลังที่ได้กระทําผิด หรือเนื่องด้วยการกระทําผิด)[7]
อ้างอิง แก้
- ↑ เนื้อเพลง พระพุทธประวัติ #08 อภิเษกสมรส - เพลิน พรหมแดน
- ↑ สหัสถามธนู จากเว็บ ธรรมะไทย
- ↑ สหัสถามธนู จากเว็บ PostToday.com
- ↑ ทรงประลองศิลปศาสตร์ยกศรอันหนัก ดีดสายศรเสียงสนั่นกระหึ่มเมือง จากเว็บ 84000.org
- ↑ ลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ จากเว็บ ธรรมะไทย
- ↑ พระสัพพัญญุตญาณ คือปัญญาที่ประกอบในจิตประเภทใด จากเว็บ DhammaHome.com
- ↑ วิปฏิสาร คืออะไร จากเว็บ Sanook พจนานุกรม