ผู้ใช้:Kurino/กระบะทราย/สยามกลการ

เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล
เกิด	10 กันยายน พ.ศ. 2539 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สุมทรปราการ
สัญชาติ	ไทย
ชื่ออื่น	เนเน่ , แฟรงค์
อาชีพ	นักเคลื่อนไหวทางสังคม
มีชื่อเสียงจาก	การปฎิรูปการศึกษา , การยกเลิกเกณท์ทหาร , การยกเลิกระบบรับน้อง "โซตัส" , การยกเลิกทรรงผมนักเรียน
ผลงานเด่น	การยกเลิกทรงผมนักเรียนและระบบรับน้อง "โซตัส"

เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล (เกิด 10 กันยายน พ.ศ. 2539 ชื่อเล่น ; แฟรงค์) เป็นนักสังคมและนักเคลื่อนไหวทางสังคม อดีตเลขาธิการกลุ่มศึกษาเพื่อความเป็นไท อดีตเลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย อดีตบรรณาธิการนิตยสารปาจารย์ส

นติวิทย์แรกถกเถียงประเด็นสังคมขณะที่เรียนอยู่ในโรงเรียน โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อย่างการปรับเปลี่ยนทรงผมนักเรียนที่ทำให้เป็นที่รู้จักที่พูดถึงในสังคมอย่างกว้างขวาง ซึ่งเนติวิทย์เองขณะนั้นเลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย และในปีเดียวกันทาง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ประเทศไทย) ได้เสนอชื่อเนติวิทย์เข้ารับรางวัลสิทธิมนุษยชน ในประเภทเด็กและเยาวชน แต่ทางเนติวิทย์ได้ปฎิเสธโดยให้เหตุผลว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดนี้ไม่มีความจริงใจในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชน รวมถึงกรณีการเรียกร้องอื่นๆที่เป็นที่โด่นเด่นอย่าง กรณียกเลิกการเกณท์ทหาร ยกเลิกประเพณีหมอบกราบในพิธีถวายสัตย์ และกรณีการยกเลิกรับน้อง "โซตัส" ซึ่งในบางส่วนก็วิพากษ์วิจารณ์เนติวิทย์ถึงความไม่เหมาะสมอยู่หลายครั้ง

ปัจจุบันเนติวิทย์ศึกษาระดับปีสองที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์ และได้เป็นประธานสภานิสิต ได้คะแนน 27 คะแนน จากทั้งหมด 36 ราย

ประวัติ

เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เกิด 10 กันยายน พ.ศ. 2539 หรือชื่อเล่น "แฟรงค์" เกิดที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร แต่ภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัดสมุทรปราการ ชีวิตในวัยเด็กเติบโตอยู่ในย่านนี้ โดยพื้นฐานครอบครัวทั้งบิดา และมารดาต่างประกอบอาชีพทำมาค้าขาย ด้วยการเปิดร้านขายของชำ เข้าเรียนระดับประถมที่โรงเรียนจีน "ป้วยฮั้ว" จนสำเร็จการศึกษาถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ หลังจบชั้นมัธยมศึกษาเนติวิทย์ได้แลกเปลี่ยนที่ประเทศอินเดียอยู่ปีหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าเรียนภาคอุดมศึกษาในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงได้รับเลือกเป็นประธานนิสิตจุฬา

การถกเถียงและข้อวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม

เนติวิทย์มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ในช่วงปี 2556 เนติวิทย์โพสต์ลงเฟซบุ้คถึงการเคารพธงชาติว่ารู้สึกสะอิดเอียน คลื่นไส้ตลอดเวลา และในช่วงปลายปี 2558 รวมถึงกรณีการไม่ถวายบังคมต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล ในระหว่างพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้าเป็นนิสิตจุฬา โดยนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "บทบาทของมหาวิทยาลัยไทยต่อ Thailand 4.0" โดยพูดถึงเนติวิทย์หลังประกาศเปลี่ยนวิธีการถวายการเคารพพระบรมรูปทรงม้า โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าทำเสียชื่อจุฬา เนติวิทย์กล่าวกับถึงนายกรัฐมนตรีว่า "ใครคือความอับอายของชาติ" ลงบนเฟซบุ้กส่วนตัว

การถูกจับกุม

เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาลเคยโดนจับกุมถึงสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อตอนอยู่มัธยมศึกษาที่ 5 เนติวิทย์และเพื่อน เดินขบวนภายใต้ชื่อ "แนวร่วมนักเรียน นิสิต นักศึกษาผลักดันสภาปฏิรูปการศึกษาไทย" ใช้รถเครื่องขยายเสียงเดินขบวนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์มาถึงจุดนัดหมาย ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า และเดินทางไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้เกี่ยวข้องถูกจับพร้อมกับเพื่อนอีก 10 คนในข้อหาข้อหาดัดแปลงรถเรียกร้องปฏิรูปการศึกษา หลังจากนั้นจึงเรียกกล่าวตักเตือนก่อนจะปล่อยไป และครั้งที่สอง ขณะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ถูกจับกรณีจัดแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ครบรอบหนึ่งปีรัฐประหาร ก่อนถูกจับกุมเนติวิทย์ได้เขียนบันทึก "ก่อนถูกควบคุมตัว 10 ชั่วโมงในเหตุการณ์ 22 พฤษภาคม 2558"

การถูกคุกคาม

หลังจากที่เนติวิทย์ได้รับเลือกเป็นประธานสภานิสิตจุฬา ปี 2560 โดยเมื่อ 8 พฤษภาคม 2560 มีวัยรุ่น 2 คนขับมอไซต์เข้ามายังตึกคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริเวณหน้าอาคารสำราญราษฎร์บริรักษ์ ก่อนพยายามสอบถามหาตัวนายเนติวิทย์ด้วยทำท่าทีข่มขู่ คุกคามจากผู้คน แต่ไม่พบตัว จึงขี่รถออกไป ด้านเนติวิทย์ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สถานีตำรวจปทุมวัน พร้อมด้วยรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต อาจารย์บัญชา ชลาภิรมย์