ผู้ใช้:Earlgray.Ler2ra/กระบะทราย3

Earlgray.Ler2ra/กระบะทราย3
โปสเตอร์ภาพยนตร์
กำกับเดวิด แฟรงเกล
เขียนบทลอเรน ไวส์เบอร์เกอร์ (บทประพันธ์)
เอลีน บรอช แมคเคนน่า (บทภาพยนตร์)
อำนวยการสร้างเวนดี้ ไฟน์เนอร์แมน
คาเรน โรเซนเฟล
นักแสดงนำเมอรีล สตรีป
แอนน์ แฮททาเวย์
เอมิลี่ บลันท์
สแตนลี่ ทุซซี่
ผู้จัดจำหน่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์
วันฉาย30 มิถุนายน 2549 สหรัฐ
28 กันยายน 2549 ไทย
ความยาว109 นาที
ประเทศอเมริกา สหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง35,000,000 เหรีญสหรัฐ[1]
ทำเงิน326,308,924 ดอลลาร์สหรัฐ[1]

แอนเดรียหรือ แอนดี้ แซ็กส์ (รับบทโดย แอน ฮาทาเวย์) เป็นนักข่าวที่เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น โดยเธอเป็นคนที่ค่อนข้างมีความคิดที่เย้ยหยันเกี่ยวกับวงการและธุรกิจแฟชั่น แต่ในที่สุดเธอก็ได้รับเลือกให้ทำงานในตำแหน่งที่ “เด็กผู้หญิงนับล้านคนยอมตายเพื่อที่จะได้ทำงานนี้” ซึ่งตำแหน่งนั้นก็คือผู้ช่วยส่วนตัวของนางมิแรนด้า เพรสลีย์ (รับบทโดยเมอรีล สตรีป) บรรณาธิการนิตยสารที่แสนเย็นชาของนิตยสารที่ชื่อว่า “รันเวย์” โดยแอนดี้คิดว่าจะทำงานโดยยอมอดทนกับการปฏิบัติต่อเธออย่างดูถูกดูแคลนจากนายจ้าง โดยหวังว่าหลังจากทำงานนี้แล้วเธอจะสามารถไปทำงานเป็นผู้สื่อข่าวหรือนักเขียนในที่สำนักพิมพ์อื่นๆได้

โดยเริ่มแรก แอนดี้ทำงานไปแบบสะเปะสะปะและเข้ากันได้อย่างแย่มากกับกับเพื่อนร่วมงานที่แสนจะเริ่ดและรักแฟชั่น ซึ่งเป็นผู้ช่วยส่วนตัวอาวุโสของมิแรนด้าที่ชื่อ เอมมิลี่ ชาล์สตั้น (รับบทโดย เอมมิลี่ บรันท์) อย่างไรก็ดี ด้วยความช่วยเหลือจากผู้อำนวยการด้านการสร้างสรรค์เสื้อผ้า ไนเจล (รับบทโดย แสตนลี่ ทุชชี่) ผู้ซึ่งทำหน้าที่แปลงโฉมและให้เธอยืมเสื้อผ้าดีไซเนอร์ต่างๆ โดยแอนดี้เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่รับผิดชอบของเธอ และสามารถแต่งตัวได้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงความพยายามและความมุ่งมั่นของเธอต่อตำแหน่งงานที่เธอกำลังทำอยู่ ในระหว่างที่ทำงานเธอได้พบกับนักเขียนหนุ่มทรงเสน่ห์ที่ชื่อ คริสเตียน ทอมป์สัน (รับบทโดย ไซม่อน เบเคอร์) ผู้ซึ่งเสนอความช่วยเหลือให้เธอในการทำงาน แอนดี้ต้องใช้เวลามากมายในการที่จะต้องรับมือกับการเรียกใช้งานและการกระหน่ำโทรหาจนก่อให้เกิดปัญหาขึ้นเรื่อยๆกับความสัมพันธ์ของเธอระหว่างเพื่อนในสมัยเรียนรวมถึงแฟนหนุ่มของเธอที่ชื่อ เนท (รับบทโดย เอเดรียน เกรนนิเยอร์) ซึ่งมีความฝันที่จะเป็นพ่อครัวมืออาชีพ มิแรนด้าเริ่มเกิดความประทับใจในตัวแอนดี้และอนุญาติให้เธอทำหน้าที่สำคัญคือการนำ “หนังสือ” ซึ่งเป็นฉบับร่างของนิตยสารที่กำลังจะออกในเดือนนั้นๆ ไปให้เธอตรวจดูที่บ้านของเธอ พร้อมกับนำเสื้อผ้าที่ซักแห้งเรียบร้อยแล้วไปส่งด้วย เอมิลี่เป็นผู้บอกเธออย่างละเอียดว่าจะต้องนำอะไรไปวางไว้ที่ใด พร้อมทั้งกำกับว่าไม่ให้แอนดี้พูดกับใครทั้งสิ้นในบ้านนั้น แอนดี้มาถึงบ้านของมิแรนด้าและพบว่าสิ่งที่เอมิลี่บอกนั้นไม่มีความชัดเจนเพียงพอ ทำให้แอนดี้เกิดความไม่มั่นใจว่าจะต้องทำอย่างไร ในขณะที่เธอพยายามที่หาทางออกอยู่และกำลังเริ่มตระหนกตกตื่น ลูกสาวฝาแฝดของมิแรนด้าแกล้งหลอกให้แอนดี้นำหนังสือไปวางทิ้งไว้ที่บันไดชั้นบนสุด โดยบอกว่าเอมิลี่ก็ทำเช่นนั้นเสมอๆ ในขณะที่แอนดี้กำลังขึ้นไปวางหนังสือ เธอก็เข้าไปขัดจังหวะมิแรนด้าและสามีซึ่งกำลังมีปากเสียงกันอยู่ แอนดี้รู้สึกกลัวจนตัวแข็งเธอรีบวางหนังสือ และมุ่งหน้ากลับบ้าน ในวันถัดมา มิแรนด้าได้สั่งเธอว่า นางต้องการหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์จำหน่าย ซึ่งหากแอนดี้ไม่สามารถหามาได้ เธอจะถูกไล่ออกจากงาน ด้วยความพยายามอย่างที่สุดในการหาหนังสือที่ต้องการ จนแอนดี้เริ่มจะล้มเลิกความตั้งใจ แต่ในที่สุดเธอก็สามารถหาหนังสือได้โดยความช่วยเหลือจากคนรู้จักที่อยู่ในแวดวงหนังสือของคริสเตียน เธอได้ทำให้มิแรนด้าประหลาดใจโดยนอกจากหาหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ที่ยังไม่ได้ถูกตีพิมพ์ได้แล้ว เธอยังได้ทำฉบับสำรองโดยส่งไปให้ลูกสาวทั้งสองของมิแรนด้าที่สถานีรถไฟ ในที่สุดแอนดี้ก็ประสบความสำเร็จในการทำงานที่ “ไม่น่าจะเป็นไปได้” ของมิแรนด้า และรักษาตำแหน่งงานของเธอไว้ได้

ในวันหนึ่งแอนดี้ได้ช่วยเหลือมิแรนด้าให้พ้นจากความอับอายในงานการกุศล โดยมิแรนด้าให้รางวัลกับเธอโดยเสนอให้เธอเดินทางเข้าร่วมแฟชั่นโชว์ในฤดูใบไม้ร่วงที่กรุงปารีสแทนที่เอมิลี่ แอนดี้ลังเลใจที่จะรับข้อเสนอนี้ แต่เธอก็ถูกมิแรนด้าบังคับให้รับข้อเสนอเพื่อไม่ให้เธอต้องเสียงานที่เธอทำ แอนดี้พยายามที่จะบอกเอมิลี่ แต่ในวันนั้นเอมิลี่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชน และแอนดี้ก็ได้บอกข่าวร้ายนี้กับเธอในระหว่างที่ไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล

เมื่อแอนเดรียตัดสินใจบอกเนทว่าเธอกำลังจะเดินทางไปปารีส เนทรู้สึกโกรธที่เธอพยายามปฏิเสธว่าเธอเริ่มจะกลายเป็นสาวแฟชั่นที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเยาะหยัน และเสียดสี จากนั้นทั้งคู่ก็แยกทางกัน ไนเจลบอกแอนดี้ว่าเขาได้ตอบรับงานในฐานะครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ให้กับดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการแฟชั่นที่ชื่อ เจมส์ โฮลต์ (รับบทโดยแดเนียล ซันจาตาร์) ในคืนก่อนวันงาน มิแรนด้าในสภาพใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางค์ได้เปิดเผยความจริงกับแอนดี้เกี่ยวกับเรื่องการหย่าร้างของเธอกับสามีที่กำลังจะเกิดขึ้น ในช่วงเหตุการณ์ชุลมุนเหล่านี้ แอนดี้ได้ตกหลุมเสน่ห์ของคริสเตียนและได้ใช้เวลาค่ำคืนหนึ่งอยู่ด้วยกัน แอนดี้ได้ล่วงรู้ถึงแผนการของเขาที่จะหาคนมาแทนที่มิแรนด้า ซึ่งก็คือแจ็คคลีน โฟเล่ย์ เพื่อทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการคนใหม่ แอนดี้ทำทุกวิถีทางที่จะเตือนมิแรนด้าให้รู้ตัว ในช่วงรับประทานอาหารกลางวัน อย่างไรก็ดีมิแรนด้าประกาศว่าแจ็คคลีน โฟเล่ย์ จะเป็นผู้ที่ไปทำหน้าที่กับโฮลต์แทนที่ไนเจลที่กำลังจะลาออกจากนิตยสารรันเวย์ ไนเจลได้บอกแอนดี้ว่าถึงแม้เขาจะผิดหวัง แต่เขาเชื่อว่าความจงรักภักดีของเขาต่อมิแรนด้าจะได้รับการตอบแทนในสักวันหนึ่ง หลังจากนั้นมิแรนด้าและแอนดี้กำลังจะเดินทางไปดูแฟชั่นโชว์ เธอได้อธิบายกับแอนดี้ผู้ซึ่งยังตกอยู่ในความตกใจว่า เธอรับรู้ถึงความตั้งใจที่จะเตือนเธอจากแอนดี้ แต่จริงๆแล้วเธอรู้เรื่องเหล่านี้มาสักพักหนึ่ง เธอรู้สึกได้ถึงความจงรักภักดีของแอนดี้ที่มีต่อเธอ และมิแรนด้ามองเห็นตัวตนของนางในตัวของแอนดี้ แอนดี้บอกอย่างไม่ยอมรับว่า เธอจะไม่มีวันทำอย่างที่มิแรนด้าทำกับไนเจลเด็ดขาด มิแรนด้าบอกเธอว่า แอนดี้ได้ทำไปแล้ว ในการที่เหยียบเอมิลี่และตอบรับที่จะมาปารีสแทน ในระหว่างหยุดรถ แอนดี้ตัดสินใจลงจากรถและโยนโทรศัพท์มือถือลงไปในฐานน้ำพุ และตัดสินใจลาจากมิแรนด้า รันเวย์ และแฟชั่นไว้เบื้องหลัง

หลังจากนั้น เมื่อได้กลับไปที่นิวยอร์ค แอนดี้ได้พบเนทอีกครั้งเพื่อรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน เขาได้ตอบตกลงที่จะทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อครัวในร้านอาหารดังแห่งหนึ่งที่บอสตัน แอนดี้รู้สึกผิดหวัง แต่เธอก็รู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อเนทพูดว่าเขาและเธออาจจะหาทางที่จะได้กลับมาเป็นคู่รักอีกครั้ง ในตอนจบของหนัง แอนดี้ได้ไปสัมภาษณ์งานหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งและผู้สัมภาษณ์ได้เปิดเผยว่ามิแรนด้าได้บอกเขาว่า แอนดี้เป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ของเธอ แต่เขาจะเป็นคนที่โง่มากหากไม่รับเธอเข้าทำงาน ในฉากสุดท้าย แอนดี้แต่งตัวแบบสบายๆแต่มีสไตล์มากขึ้น เธอยกหูโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรบอกเอมิลี่ว่า เธอจะยกเสื้อผ้าทั้งหมดที่ได้รับจากการไปแฟชั่นโชว์ที่ปารีสให้ เอมิลี่ยอมรับข้อเสนอและบอกผู้ช่วยน้องใหม่ว่า เธอจะต้องพยายามทำงานอย่างมากเพื่อที่จะทดแทนสิ่งที่แอนดี้ทำไว้ได้ หลังจากนั้น แอนดี้ได้เหลือบไปเห็นมิแรนด้ากำลังข้ามถนนเดินมาขึ้นรถ ทั้งสองสบสายตากัน มิแรนด้ายิ้มให้เธอเล็กน้อยเมื่อเธอก้าวเข้าไปในรถแล้ว มิแรนด้ามองไปที่คนขับรถและพูดขึ้นอย่างสง่างามว่า “ออกรถได้”

ตัวละคร แก้

See also แก้

  • The September Issue; a 2009 documentary film which follows Anna Wintour prior to the release of the September 2007 Vogue issue.

Works cited แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้

  1. 1.0 1.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ boxofficemojo

External links แก้