ผู้สอดแนมสิบสองคน

ผู้สอดแนมสิบสองคน (อังกฤษ: The Twelve Spies) ตามที่บันทึกในหนังสือกันดารวิถี เป็นกลุ่มผู้นำชาวอิสราเอล ผู้นำแต่ละคนมาจากแต่ละเผ่าของสิบสองเผ่า ซึ่งโมเสสได้ส่งพวกเขาไปสำรวจดินแดนคานาอันเป็นเวลา 40 วัน[1] เพื่อจะให้คานาอันเป็นที่อยู่ในกาลภายหน้าของชาวอิสราเอล เวลานั้นเป็นช่วงที่ชาวอิสราเอลกำลังอยู่ในถิ่นทุรกันดารภายหลังการอพยพจากอียิปต์ เรื่องราวนี้ปรากฏในกันดารวิถี 13:1 -33 และเล่าอีกครั้งโดยมีรายละเอียดที่แตกต่างในบางประการในเฉลยธรรมบัญญัติ 1:22 -40

องุ่นแห่งคานาอัน โดย James Tissot แม้ว่าเหล่าผู้สอดแนมจะนำองุ่นที่มีพวงใหญ่มากจนต้องใช้คนสองคนหามกลับมา (กันดารวิถี 13:23) แต่มีผู้สอดแนมเพียง 2 คนจาก 12 คนที่รายงานเรื่องดีเกี่ยวกับดินแดนคานาอัน

พระเจ้าทรงสัญญากับอับราฮัมว่าจะมีแผ่นดินแห่งพระสัญญาสำหรับประชาชาติที่สืบเชื้อสายจากอิสอัคบุตรชายของอับราฮัม ดินแดนของคานาอันที่โมเสสส่งผู้สอดแนมไปสำเร็จนี้คือแผ่นดินแห่งพระสัญญาเดียวกันนี้ โมเสสขอให้เหล่าผู้สอดแนมประเมินลักษณะทางภูมิศาสตร์, กำลังพลและจำนวนประชากร, ศักยภาพทางการเกษตรและจำนวนผลผลิต, การจัดการเมือง (ว่าเมืองมีลักษณะเหมือนค่ายหรือฐานที่มั่น) และสภาวะการป่าไม้ของดินแดนคานาอัน โมเสสยังขอให้พวกเขามีใจกล้าหาญและนำตัวอย่างผลผลิตในท้องถิ่นของคานาอันกลับมา

ผู้สอดแนม 10 คนจากทั้งหมด 12 คนรายงานในเชิงลบเกี่ยวกับดินแดนคานาอัน พวกเขากล่าวร้ายเรื่องแผ่นดินที่พวกเขา่เชื่อว่าพระเจ้าทรงให้สัญญาไว้ พวกเขาไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงช่วยพวกตนได้ แล้วพวกเขาก็โน้มน้าวประชาชนให้คล้อยตามว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะยึดดินแดนคานาอัน ผลก็คือประชาชาติทั้งหมดต้องเร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปีจนกว่าคนเกือบทั้งรุ่นนั้นได้ตายไป[2] โยชูวาและคาเลบเป็นผู้สอดแนม 2 คนที่รายงานสิ่งที่ดีและเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงช่วยพวกตนให้สำเร็จ ทั้งคู่จึงเป็นเพียง 2 คนในรุ่นของพวกเขาที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในแผ่นดินแห่งพระสัญญาหลังจากช่วงเวลาเร่ร่อน[3]

เกี่ยวกับผู้สอดแนม

แก้
 
การกลับมาของผู้สอดแนม ภาพพิมพ์แกะไม้ในปี ค.ศ. 1860 โดย Julius Schnorr von Karolsfeld

พระเจ้าทรงสัญญากับชาวอิสราเอลว่าพวกเขาจะสามารถยึดครองดินแดนคานาอัน โมเสสจึงสั่งให้เหล่าผู้สอดแนมกลับมารายงานเกี่ยวกับการเกษตรและที่ดินของดินแดนคานาอัน แต่ระหว่างการเดินทางสอดแนม เหล่าผู้สอดแนมเห็นเมืองมีกำแพงป้องกันและชาวเมืองล้วนเป็นคนรูปร่างใหญ่โต ทำให้พวกเขาหวาดกลัวและเชื่อว่าชาวอิสราเอลจะไม่สามารถยึดครองดินแดนนี้ตามที่พระเจ้าทรงสัญญาได้ ผู้สอดแนม 10 คนจากทั้งหมด 12 คนตัดสินใจรายงานในเชิงลบ เน้นย้ำถึงความยากลำบากของภารกิจเบื้องหน้าพวกตน[4]

เขาทั้งหลายเล่าให้โมเสสฟังว่า "ข้าพเจ้าทั้งหลายไปถึงแผ่นดินซึ่งท่านส่งเราไปนั้น ที่นั่นมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์จริง และนี่เป็นผลไม้ของแผ่นดินนั้น แต่ว่าคนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นมีกำลังมาก เมืองของพวกเขาก็มีกำแพงป้องกันและใหญ่โตมาก นอกจากนั้นเรายังเห็นลูกหลานคนอานาคที่นั่นด้วย"

— กันดารวิถี, 13:27-28

ผู้สอดแนมอีก 2 คนคือโยชูวาและคาเลบไม่ได้มีความเห็นคล้อยตามกับคนส่วนใหญ่และพยายามจะโน้มน้าวชาวอิสราเอลว่าพวกเขาสามารถยึดครองดินแดนนี้ได้:

แต่คาเลบได้ให้ประชาชนเงียบต่อหน้าโมเสสแล้วกล่าวว่า "ให้เราขึ้นไปทันทีและยึดแผ่นดินนั้น เพราะเราจะชนะแน่นอน"

— กันดารวิถี, 13:30

แต่ชุมชนชาวอิสราเอลเชื่อในความเห็นของผู้สอดแนมส่วนใหญ่ ผู้สอดแนมทุกคนยกเว้นโยชูวาและคาเลบต่างตายด้วยโรคภัย[5]

โยชูวาเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจากเผ่าเอฟราอิมในการสำรวจดินแดนคานาอัน และเขาเห็นด้วยกับคาเลบว่าพวกเขาสามารถยึดครองแผ่นดินแห่งพระสัญญาได้ หลังจากเหตุการณ์การส่งผู้สอดแนมสิบสองคน โยชูวามีชีวิตอยู่ตลอดช่วงเวลา 40 ปีที่เร่ร่อน และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้สืบทอดต่อจากโมเสสตามที่พระเจ้าทรงแนะนำ โยชูวาสำเร็จภารกิจในการนำชาวอิสราเอลเข้าสู่เแผ่นดินแห่งพระสัญญาและเข้ายึดครองดินแดน โยชูว่ายังเป็นผู้นำของการรื้อฟื้นพันธสัญญาของโมเสสที่กระทำต่อพระเจ้า[6]

คาเลบมาจากเผ่ายูดาห์ ได้รับเลือกให้สำรวจดินแดนคานาอันเช่นกัน เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่กล่าวว่าพระเจ้าของชาวอิสราเอลสามารถช่วยชาวอิสราเอลในการเอาชนะชาวคานาอัน พระเจ้าทรงสัญญากับคาเลบและโยชูวาว่าพวกเขาจะได้รับดินแดนที่พวกเขาสำรวจด้วยตนเองพร้อมกับเชื้อสาย และยังทรงตรัสกับคาเลบว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่เมื่อเข้าไปในแผ่นดินแห่งพระสัญญา[7]

ชื่อของผู้สอดแนมทั้ง 12 คน ได้แก่:[8]

  1. ชัมมุวาบุตรศักเกอร์จากเผ่ารูเบน
  2. ชาฟัทบุตรโฮรีจากเผ่าสิเมโอน
  3. คาเลบบุตรเยฟุนเนห์จากเผ่ายูดาห์
  4. อิกาลบุตรโยเซฟจากเผ่าอิสสาคาร์
  5. โฮเชยา (โยชูวา) บุตรนูนจากเผ่าเอฟราอิม
  6. ปัลทีบุตรราฟูจากเผ่าเบนยามิน
  7. กัดเดียลบุตรโสดีจากเผ่าเศบูลุน
  8. กัดดีบุตรสุสีจากเผ่ามนัสเสห์
  9. อัมมีเอลบุตรเกมัลลีจากเผ่าดาน
  10. เสธูร์บุตรมีคาเอลจากเผ่าอาเชอร์
  11. นาบีบุตรโวฟสีจากเผ่านัฟทาลี
  12. เกอูเอลบุตรมาคีจากเผ่ากาด

ผลที่ตามมา

แก้

การที่ชาวอิสราเอลเชื่อรายงานเท็จเท่ากับยอมรับ lashon hara (แปลว่า " "ลิ้นชั่วร้าย" / "ใส่ร้าย" ในภาษาฮีบรู) ต่อดินแดนอิสราเอล

แต่คนทั้งหลายที่เข้าไปสอดแนมด้วยกล่าวว่า "เราไม่สามารถเข้าไปและชนะคนเหล่านั้นได้ เพราะพวกเขามีกำลังมากกว่าเรา" พวกเขายังกล่าวร้ายเรื่องแผ่นดินที่ได้ไปสอดแนมมาโดยเล่าให้คนอิสราเอลฟังว่า "แผ่นดินที่เราไปสอดแนมดูมาตลอดแล้วนั้น เป็นแผ่นดินที่กินคนซึ่งอยู่ในนั้น ชาวเมืองทั้งหมดที่เราเห็นล้วนเป็นคนรูปร่างใหญ่โต ที่นั่นเราเห็นคนเนฟิล(คนอานาคนั้นมาจากคนเนฟิล) ในสายตาของเรา เราเป็นเหมือนตั๊กแตน และเราก็เป็นเช่นนั้นในสายตาของพวกเขา"

— กันดารวิถี, 13:31-33

พระเจ้าทรงถือว่าการกระทำนี้เป็นบาปร้ายแรง จึงทรงพิพากษาให้ชาวอิสราเอลต้องเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปีสอดคล้องกับจำนวนวัน 40 วันที่ผู้สอดแนมเข้าไปสำรวจดินแดนคานาอัน อันเป็นผลจากการที่พวกเขาไม่เต็มใจจะเข้ายึดครองดินแดนคานาอัน ยิ่งไปกว่านั้น คนทั้งรุ่นที่ออกมาจากอียิปต์ระหว่างการอพยพจะต้องตายในถื่นทุรกันดาร ยกเว้นโยชูวาและคาเลบที่ไม่ได้ว่าร้ายแผ่นดินแห่งพระสัญญา[2]

ชาวอิสราเอลเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปีโดยกินนกคุ่มและมานายังชีพ ในที่สุดโยชูวาก็นำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา ชัยชนะที่เยรีโคถือเป็นจุดเริ่มต้นของการครอบครองดินแดน เมื่อได้รับชัยชนะ แผ่นดินแห่งพระสัญญาได้ถูกกำหนดแบ่งให้แต่ละเผ่า และพวกเขาก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข พระเจ้าทรงนำชัยชนะมาให้และพระสัญญาที่ทรงตรัสกับอับราฮัมก็สำเร็จเป็นจริง

อ้างอิง

แก้
  1. กันดารวิถี 14:34
  2. 2.0 2.1 Numbers 14:30; Dummelow, J.R. The One Volume Bible Commentary. 1950. Macmillan Company. pp.107-108
  3. Numbers 14:20-31; Caleb, and Joshua, in Freeman, David Noel. The Anchor Bible Dictionary Volume 1 A-C and Volume 2 (H-J). 1992. Doubleday Publishing Group. ISBN 0-385-19351-3, pp.808-809
  4. Numbers 13:26-33; Wigoder, Geoffrey. Illustrated Dictionary and Concordance of the Bible. 1986. The Jerusalem Publishing House. ISBN 0-89577-407-0, pp.563-564
  5. Numbers 14:36-38; Clarke, Adam. Commentary on the Holy Bible. 1967. Beacon Hill Press. SBN 081023211, p.189
  6. Numbers 14:20-31; Joshua, Freeman, David Noel. The Anchor Bible Dictionary Volume 2 H-J. 1992. Doubleday Publishing Group. ISBN 0-385-19360-2, p.999
  7. Numbers 14:20-31; Caleb, Freeman, David Noel. The Anchor Bible Dictionary Volume 1 A-C. 1992. Doubleday Publishing Group. ISBN 0-385-19351-3, pp.808-809
  8. The Holy Bible, New International Version, Zondervan, 1984, LOC 73174297, pp.104-105

อ่านเพิ่มเติม

แก้