ปรัชญาสถาปัตยกรรม

ปรัชญาสถาปัตยกรรม เป็นปรัชญาศิลปะสาขาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคุณค่าทางสุนทรียะของสถาปัตยกรรม ความหมายและความสัมพันธ์กับพัฒนาการของวัฒนธรรม

ประวัติศาสตร์ แก้

สมัยโบราณ แก้

เพลโตได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ซึ่งมีอิทธิพลต่อสถาปัตยกรรมอย่างมาก เช่น สถาปัตยกรรมแบบ 'อุดมคตินิยม' และแบบ 'เพลโตใหม่' [1] อาจถือว่าเป็นรูปทรงเรขาคณิตแบบคลาสสิคในสาขาของจักรวาลวิทยา นักคิดที่ได้รับความนิยมในยุคแรก คือ พีทากอรัส (Pythagoras) ในประวัติศาสตร์ยุคแรก นักปรัชญาแยกสถาปัตยกรรม ('technion') ออกจากสิ่งก่อสร้าง ('demiorgos') โดยอ้างถึงลักษณะทางจิตในอดีต และต่อมากลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งทางธรรมชาติ ที่เป็นเพียงการเสียดสีสังคมซึ่งช่างฝีมือชื่อดังสามารถกลายเป็นตัวแทนของเทพทางศาสนาได้ การแสดงผลงานแบบรูปแบบนิยมกับแบบเพลโตยังคงเป็นลักษณะสำคัญในการแยกแยะรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบหนึ่งออกจากอีกรูปแบบหนึ่ง และทำให้เกิดความแตกต่างของปรัชญาของรูปแบบ

ปรัชญาสถาปัตยกรรมมีวิวัฒนาการมาจากปรัชญาศิลปะ ซึ่งเริ่มปรากฏในหนังสือเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 เนื่องจากสมัยก่อนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและวิศวกรรม สถาปัตยกรรมจึงถูกมองว่าเป็นศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปะหรือไม่ได้อยู่ในขอบเขตของสุนทรียศาสตร์แบบคลาสสิกที่มีพื้นที่จำกัด ตามการวิจารณ์ของนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างอิมมานูเอล ค้านท์ และ Alexander Gottlieb Baumgarten ที่ยึดมั่นในอุดมคติของ "ศิลปะบริสุทธิ์” [2] ซึ่งเป็นศิลปะที่ไม่ใช่ผลงานในเชิงประโยชน์ใช้สอยอย่างสถาปัตยกรรม

สมัยใหม่ แก้

 
Panopticon วาดโดย เจเรมี เบนธัม (Jeremy Bentham) ในปี 1791

ดังที่มิเชล ฟูโกต์ นักปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่ได้กล่าวไว้ สถาปัตยกรรมสามารถกำหนดชีวิตทางสังคมได้ ดังนั้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำความเข้าใจคุณค่าและวัฒนธรรมของบุคคล ในหนังสือ " Discipline and Punish " ฟูโกต์ได้วิเคราะห์วัฒนธรรมร่วมสมัยผ่านโครงการสถาปัตยกรรมของ Panopticon นักโทษเรือนจำคนใหม่โดยเฉพาะ เจเรมี เบนธัม ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการนี้้ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่โปร่งใสเป็นพิเศษสำหรับนักโทษ ซึ่งทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าโครงการนี้จะไม่บรรลุผล แต่ความคิดของเบนธัมกลับมีอิทธิพลต่ออุดมการณ์ของนักโทษเป็นอย่างมาก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการลงโทษทางสังคม ขณะเดียวกันประเด็นนี้ ฟูโกต์กลับบรรลุเป้าหมายอื่น นั่นคือ การใช้สถาปัตยกรรมเป็นเครื่องมือในการศึกษาวัฒนธรรมซึ่งแสดงให้เห็นถึงนัยยะของประเด็นปรัชญานี้ [ ต้องการอ้างอิง ] อย่างไรก็ตามปรัชญาสถาปัตยกรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาศิลปะจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีศิลปะแบบอาวองการ์ดซึ่งเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ด้านสุนทรียศาสตร์ ศิลปะที่ตั้งอยู่ในเงื่อนไขของการผลิตซ้ำของรูปภาพเชิงจักรกลส่งผลให้ต้องมองหาวิธีการใหม่ ๆ ในช่วงเวลาเดียวกันรูปแบบสถาปัตยกรรมของกลุ่มโครงสร้างนิยมและ กลุ่มประโยชน์ใช้สอยนิยม (Functionalism) พยายามหาวิธีที่จะพิสูจน์สุนทรียภาพทางวิศวกรรมแบบใหม่ทั้งหมด ในอีกแง่มุมหนึ่งสถาปัตยกรรมได้รับการพิจารณาว่ามีความแปลกแยกไปจากศิลปะรูปแบบอื่น ๆ (เป็นสัญญาณของความเชื่อมโยงกับความต้องการเชิงปฏิบัติของมนุษย์และสังคม) กลายเป็นข้อได้เปรียบซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบคุณค่าทางสุนทรียะแบบใหม่ ลัทธิบาศกนิยม (Cubism) และ ลัทธิอนาคตนิยม (Futurism) ได้กำหนดสุนทรียภาพที่เต็มไปด้วยรูปแบบของเครื่องจักร การสังหาร และความโหดเหี้ยม ซึ่งใกล้เคียงกับอุดมคติทางวิศวกรรมแบบเดียวกัน การสร้างสรรค์ทั้งหมดนี้เป็นมากกว่าสภาพแวดล้อมที่อำนวยความสะดวก ทำให้สถานะของสถาปัตยกรรมในศิลปะได้รับการยกระดับขึ้น รวมถึงความเข้าใจต่อศิลปะในตัวมันเอง[ต้องการอ้างอิง] [ ต้องการอ้างอิง ]

ปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่ แก้

 
ภาพถ่าย " Stuyvesant Town - Peter Cooper Village " อ้างอิงจาก Martin R. [3] มันเป็นงานสถาปัตยกรรมซึ่งอาจใช้เป็นหนึ่งในการแสดงออกครั้งแรกของลัทธิหลังสมัยใหม่

สถาปัตยกรรมถือว่ามีบทบาทสำคัญมากขึ้นหลังจากเกิดปรากฎการณ์ของปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่ R. Martin กล่าวว่า "ัมันน่าประหลาดใจว่าปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่เชิงวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อการอ้างอิงถึงสถาปัตยกรรม" [3] นักวิชาการบางคนอ้างว่าปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่ทั้งหมดมาจากแนวปฏิบัติของสถาปัตยกรรมและการปฏิเสธ " รูปแบบทางศิลปะของปรัชญาสมัยใหม่ (นวศิลป์) " ซึ่งเป็นรูปแบบทางสถาปัตยกรรม และสถาปนิกได้บัญญัติศัพท์ในรูปแบบของปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่ ดังนั้น F. Jameson จึงเขียนว่า "มันอยู่ในขอบเขตของสถาปัตยกรรม อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงผลิตผลทางสุนทรียศาสตร์นั้นมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดและปัญหาทางทฤษฎีของพวกเขาได้รับการกล่าวขานและนำมาประกอบกันมากที่สุด (... ) ในความเป็นจริงมีการถกเถียงเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมว่าแนวคิดหลังสมัยใหม่ (... ) เริ่มปรากฏขึ้น " [4] ตามที่นักวิจัยได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า "Barthes and Eco ซึ่งใช้คำพูดของพวกเขาจากลัทธิรูปแบบนิยมแบบรัสเซีย (Russian Formalism) มองว่าการทำลายบรรทัดฐานดั้งเดิมเป็นเป้าหมายของสุนทรียศาสตร์ (sc., รหัสความงาม) ศิลปะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีลักษณะเฉพาะในการเป็นตัวบ่งชี้ความหมายของสิ่งต่าง ๆ ในการเล่นกับตัวตนที่ไม่มีที่สิ้นสุดตามแบบแผนเช่นเดียวกับภายในขอบเขตของมัน " [5] สิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเขียนหลังสมัยใหม่อย่าง โรล็อง บาร์ต (R. Bart) และ อุมแบร์โด เอโก เห็นว่าสถาปัตยกรรมเป็นแหล่งที่มาของนวัตกรรมที่ปฏิวัติวงการศิลปะ

 
ภาพถ่ายของคาสิโน "ลักซอร์" ซึ่งเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมของ "ลาสเวกัส" ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการประกาศของ โรเบิร์ตเวนตูรี ยุคหลังสมัยใหม่และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนายุคหลังสมัยใหม่ตามที่เอฟเจมสัน

เอฟ. เจมสัน (F. Jameson) เชื่อว่ามีความสัมพันธ์กันพิเศษระหว่างสถาปัตยกรรมอเมริกันกับปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่ โดยเขาคิดว่า การกำเนิดของสถาปัตยกรรมแห่งชาติเกิดขึ้นพร้อมกันกับการบัญญัติคำศัพท์หรือความเป็นจริงของปรัชญาหลังสมัยใหม่ [6] อย่างไรก็ตามนักวิจัยบางคนไม่เห็นด้วยกับ "ต้นกำเนิดทางสถาปัตยกรรม" ของปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่ของเขา Andreas Huyssen จึงเสนอว่ากรอบความคิดของปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่ได้รับการกำหนดไว้ในการเคลื่อนไหวบางอย่างของวรรณกรรม อย่างไรก็ตามนักวิจัยคนนี้ยังตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทพิเศษของสถาปัตยกรรมในการพัฒนาแนวคิดปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่ มาร์ตินอธิบายว่า "Huyssen ให้เครดิตกับสถาปัตยกรรมด้วยการช่วยเผยแพร่คำจำกัดความของปรัชญาหลังสมัยใหม่ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากวรรณกรรมไปสู่ขอบเขตทางด้านสุนทรียศาสตร์ที่ขยายออกไปในช่วงทศวรรษ 1970" [3] ลีโอตาร์ด (Lyotard) เชื่อว่าสถาปนิกหลังสมัยใหม่ไม่มีอะไรเหมือนกันกับแนวคิดของปรัชญาสกุลหลังสมัยใหม่อย่างแท้จริง และดังที่ Lyotard กล่าวไว้ในบทความ เรื่อง "Answering the Question: What Is Postmodernism?" (ตอบคำถาม: ปรัชญาหลังสมัยใหม่คืออะไร? ) ภายใต้ชื่อของปรัชญาหลังสมัยใหม่ สถาปนิกกำลังกำจัดโครงการ Bauhaus โดยการทิ้งหนูทดลองด้วยอ่างอาบน้ำแห่งลัทธิฟังก์ชันนิสม์" [7]

จุดเด่นของปรัชญาสถาปัตยกรรมสังเกตได้จากโรเบิร์ต เวนทูรี (Robert Venturi) ผู้ซึ่งเป็นสถาปนิกที่เขียนหนังสือซึ่งทำให้มีบทบาทไม่น้อยในการพัฒนาแนวคิดปรัชญาหลังสมัยใหม่มากกว่าการทดลองรูปแบบของสถาปัตยกรรม R. Venturi เป็นคนแรกที่ดึงดูดความสนใจของสถาปนิกสู่ศิลปะแบบป๊อปอาร์ต เขาปฏิเสธสถาปัตยกรรมแบบสมัยใหม่ Venturi ได้กำหนดระบบทางวัฒนธรรมแบบใหม่ขึ้น โดย Venturi ได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นระหว่างรูปแบบทางสถาปัตยกรรมกับอารยธรรม [8]

วิตเกนสไตน์กับปรัชญาสถาปัตยกรรม แก้

 
ภาพถ่ายบ้านของ วิทเกนสไตน์ (Wittgenstein)

บ้านของวิทเกนไตน์ ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญที่สุดของความสัมพันธ์ระหว่างปรัชญาและสถาปัตยกรรม บ้านหลังนี้สร้างขึ้นโดย ลุทวิก วิทเกนสไตน์ (Ludwig Wittgenstein) ผู้ซึ่งเป็นนักปรัชญาชื่อดังชาวออสเตรีย ซึ่งเป็นหัวข้อของการวิจัยอย่างละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางโวหาร บุคลิกภาพของวิทเกนสไตน์และปรัชญาของเขา [9] [10] [11] [12]

อ้างอิง แก้

 

  1. Hendrix, John Shannon (1999). "Neoplatonic Philosophy and Roman Baroque Architecture". The European Studies Journal. University of Northern Iowa. 16 (1): 31–60.
  2. Harries K. (Winter 1987). "Philosophy and the Task of Architecture". Journal of Architectural Education. 40 (2): 29. doi:10.2307/1424928.
  3. 3.0 3.1 3.2 Martin R. "Architecture's Image Problem. Have We Ever Been Postmodern." Grey Room, No. 22 (Winter, 2006), p. 7.
  4. Jameson F. Postmodernism, or, The Cultural Logic of Late Capitalism. 2003. p. 2.
  5. Donougho M. The Language of Architecture // Journal of Aesthetic Education, Vol. 21, No. 3 (Autumn, 1987), p. 65.
  6. Jameson F. Postmodernism, or, The Cultural Logic of Late Capitalism. 2003. p. 97.
  7. Lyotard J.-F. Answering the Question: What Is Postmodernism? // Lyotard J.-F. The Posmodern Condition: A Report on Knowledge. 1984. p. 71.
  8. Martin R. Architecture's Image Problem. Have We Ever Been Postmodern // Grey Room, No. 22 (Winter, 2006), pp. 9-11.
  9. Himmelfarb G. "Jeremy Bentham’s Haunted House." Victorian Minds. (Knopf, 1968).
  10. Tilghman B.R. "Ludwig Wittgenstein, Architect." Journal of Aesthetics and Art Criticism. Vol. 53 (Fall)., Wijdeveld P. Ludwig Wittgenstein, Architect. (MIT Press, 1994).
  11. Wilson S.J. "The Play of Use and the Use of Play: an Interpretation of Wittgenstein’s Comments on Architecture." Architectural Review. 180.1073 (July 1986).
  12. Macarthur, David (2014). "Working on Oneself in Philosophy and Architecture: A Perfectionist Reading of the Wittgenstein House". Architectural Theory Review. 19 (2): 124–140. doi:10.1080/13264826.2014.951869.]

อ่านเพิ่มเติม แก้

วรรณกรรม แก้

  • Brodsky-Lacour C. Lines of Thought: Discourse, Architectonics, and the Origin of Modern Philosophy. (Durham: Duke University Press, 1996).
  • Capon D.S. Architectural Theory: The Vitruvian Fallacy. (New York: Wiley, 1999).
  • Donougho M. "The Language of Architecture." Journal of Aesthetic Education, Vol. 21, No. 3 (Autumn, 1987), pp. 53–67.
  • Fisher S. "Analytic Philosophy of Architecture: A Course".
  • Fisher S. "Philosophy of Architecture", Edward N. Zalta (ed.), Stanford Encyclopedia of Philosophy (Fall 2015 Edition).
  • Goldblatt D. "The Frequency of Architectural Acts: Diversity and Quantity in Architecture." Journal of Aesthetics and Art Criticism. Vol. 46.
  • Graham G. "Art and Architecture." British Journal of Aesthetics. Vol. 29 (1989).
  • Guyer P. "Kant and the Philosophy of Architecture." The Journal of Aesthetics and Art Criticism. Special Issue: the Aesthetics of Architecture. Vol. 69. pp. 7–19.
  • Haldane J.J. "Aesthetic Naturalism and the Decline of Architecture." International Journal of Moral and Social Studies. Vol. 2-3 (1987, 1988).
  • Harries K. Philosophy and the Task of Architecture // Journal of Architectural Education, Vol. 40, No. 2, (Winter,1987), pp. 29–30.
  • Hershberger R.G. Architecture and Meaning // Journal of Aesthetic Education, Vol. 4, No. 4, Special Issue: The Environment and the Aesthetic Quality of Life (Oct., 1970), pp. 37–55.
  • Kunze D. Architecture as Reading. Virtuality, Secrecy, Monstrosity // Journal of Architectural Education (1984), Vol. 41, No. 4 (Summer, 1988), pp. 28–37.
  • Leddy T. "Kant's Aesthetics: Tattoos, Architecture, and Gender-Bending".
  • Macarthur, D. “Pragmatism as a Philosophy of Architecture.” Footprint: Delft Architecture Theory Journal. Special Issue: Analytic Philosophy and Architecture. Issue 20 (2017): 105–120.
  • Martin R. Architecture's Image Problem. Have We Ever Been Postmodern // Grey Room, No. 22 (Winter, 2006), pp. 6–29.
  • Masiero R., Ugo V. Epistemological Remarks on Architecture // Epistemologia. Vol. 14 (1991).
  • O'Hear A. Historicism and Architectural Knowledge // Philosophy. Vol. 68 (1993).
  • Porphyrios D. Selected Aspects of Architecture and Philosophy in 18th Century Theory // International Architect 1 4 (1981).
  • Rykwert J. The First Modems: the Architects of the Eighteenth Century (Cambridge: MIT Press, 1980).
  • Scruton, Roger The Aesthetics of Architecture, Princeton University Press; First Edition (1979)
  • Smith Chr. Architecture in the Culture of Early Humanism: Ethics, Aesthetics, and Eloquence, 1400-1470 (New York: Oxford University Press, 1992).
  • Suppes P. Rules of Proportion in Architecture // Midwest Studies in Philosophy. Vol. 16 (1991).
  • Weiss A.S. Mirrors of Infinity: The French Formal Garden and 17th Century Metaphysics (Princeton: Princeton Architectural Press, 1995).
  • Whyte W. How Do Buildings Mean. Some Issues of Interpretation in the History of Architecture // History and Theory, Vol. 45, No. 2 (May 2006), pp. 153–177.
  • Winters E. Technological Progress and Architectural Response // British Journal of Aesthetics. Vol. 31 (1991).
  • Wood R.E. Architecture: The Confluence of Art, Technology, Politics, and Nature // American Catholic Philosophical Quarterly. Vol. 70 (1996).

การวิเคราะห์เชิงปรัชญาเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของวิตเกนสไตน์ แก้

  • Himmelfarb G. "Jeremy Bentham's Haunted House." Victorian Minds. (Knopf, 1968).
  • Macarthur, D. “Working on Oneself in Philosophy and Architecture: A Perfectionist Reading of the Wittgenstein House.” Architectural Theory Review, vol. 19, no. 2 (2014): 124–140.
  • Tilghman B.R. "Ludwig Wittgenstein, Architect." Journal of Aesthetics and Art Criticism. Vol. 53 (Fall).
  • Wijdeveld P. Ludwig Wittgenstein, Architect. (MIT Press, 1994).
  • Wilson S.J. "The Play of Use and the Use of Play: an Interpretation of Wittgenstein's Comments on Architecture." Architectural Review. 180.1073 (July 1986).

เชื่อมโยงภายนอก แก้