ความผิดพลาดชนิดที่ 1 และ 2
ในวิชาสถิติ ความผิดพลาดชนิดที่ 1 คือการที่ผู้วิจัยสรุปผิดโดยปฏิเสธสมมติฐานว่างทั้งที่แท้แล้วเป็นจริง (บอกว่ามีความแตกต่างโดยที่ความแตกต่างไม่มีอยู่จริง) ส่วนความผิดพลาดชนิดที่ 2 คือการที่ผู้วิจัยไม่ได้ปฏิเสธสมมติฐานว่างที่ไม่เป็นจริง (บอกว่าไม่มีความแตกต่างโดยที่ความแตกต่างนั้นมีอยู่จริง)
นิยาม
แก้ทางสถิติศาสตร์ สมมติฐานว่าง (null hypothesis) หมายถึงข้อความที่ผู้วิจัยจะต้องพยายามปฏิเสธให้ได้ ส่วนใหญ่จะกำหนดให้เป็นสมมติฐานที่ระบุว่าปรากฎการณ์ที่ผู้วิจัยต้องการศึกษานั้นไม่มีผลหรือไม่มีความแตกต่าง ตัวอย่างเช่นข้อความว่า "อาหารนี้ไม่มีผลต่อน้ำหนักของผู้กิน" เป็นสมมติฐานว่างอย่างหนึ่ง ผู้วิจัยมักตั้งสมมติฐานว่างหนึ่งๆ ขึ้นมา ด้วยความตั้งใจที่จะหาหลักฐานมาปฏิเสธสมมติฐานว่างนั้นๆ ผ่านการเก็บข้อมูลหรือการทำการทดลองที่มีหลักฐานแสดงว่าปรากฎการณ์ที่สนใจนั้นๆ มีผลจริงหรือมีความแตกต่างจริง[1] บางครั้งอาจมีการกำหนดสมมติฐานทางเลือก (alternative hypothesis) ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ ซึ่งมีเนื้อความตรงกันข้ามกับสมมติฐานว่าง หรืออาจไม่มีก็ได้
ความผิดพลาดชนิดที่หนึ่ง (type I error) คือการปฏิเสธสมมติฐานว่างที่เป็นจริง มักหมายถึงการสรุปว่าผลนั้นๆ หรือความแตกต่างนั้นๆ มีอยู่จริง ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่มีอยู่ ตัวอย่างเช่นการตรวจโรคที่ให้ผลว่าผู้รับการตรวจเป็นโรค ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ไม่ได้เป็น หรือสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้นทั้งๆ ที่ไม่มีไฟไหม้อยู่จริง หรือการสรุปว่ายาที่ทดลองอยู่สามารถรักษาโรคได้ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วรักษาไม่ได้ เป็นต้น
ความผิดพลาดชนิดที่สอง (type II error) คือการไม่ปฏิเสธสมมติฐานว่างที่เป็นเท็จ
- ↑ Sheskin, David (2004). Handbook of Parametric and Nonparametric Statistical Procedures. CRC Press. p. 54. ISBN 1584884401.