กลอนหัวเดียว เป็นกลอนชาวบ้านเช่นเดียวกับกลอนสังขลิก ลักณะเด่นอยู่ที่การส่งสัมผัสท้ายบทเป็นเสียงเดียวกันทุกบาท จึงได้ชื่อว่า กลอนหัวเดียว[1] มักพบในบทเพลงกล่อมเด็กและบทเพลงปฏิพากย์ เช่น เพลงเรือ ลำตัด เพลงอีแซว เพลงฉ่อย เป็นต้น

ลักษณะบังคับ แก้

กลอนหัวเดียว บังคับบาทละ 2 วรรค จำนวนคำในวรรคมีตั้งแต่ 4 - 10 คำ ถ้าจำนวนคำในวรรคมากอาจเพิ่มสัมผัสกลางวรรคอีกแห่งหนึ่งเพื่อให้เป็นจังหวะเวลาร้อง บทหนึ่งแต่งกี่บาทก็ได้ไม่จำกัด

บังคับสัมผัส 2 แห่ง คือ สัมผัสระหว่างวรรคกับสัมผัสท้ายบาท สัมผัสท้ายบาทเป็นเสียงเดียวกันทุกบาทตลอดบท ถ้าส่งสัมผัสเสียง อา เรียกว่ากลอนลา ส่งสัมผัสเสียง อี เรียกว่ากลอนลี ส่งสัมผัสเสียง ไอ เรียกว่ากลอนไล

ตัวอย่าง แก้

ตัวอย่างกลอนหัวเดียวส่งสัมผัสด้วยกลอนไล จากเพลงฉ่อย ของเก่าในหลักภาษาไทย ของ พระยาอุปกิตศิลปสาร[2]

นี่ต้นขานางข้างเคียงไข่เน่า แก้วกรุ่มกันเกรากร่างไกร
ชมไม้เดือนหกฝนตกใบแตก เดือนแปดชมแปลกตาไป
ดูเขียวชอุ่มพืชพุ่มพฤกษา กิ่งก้านสาขาสูงใหญ่
ได้ชมต่างต่างต้นด้วยคามะกอก ชมผลชมดอกชมใบ
เกสรหอมหวลส่งสวนนาสิก ไม้เอ๋ยหอมอีกชื่นใจ
ฯลฯ

แม่แบบ:จบบทประพันธ์

อ้างอิง แก้

  1. สุภาพร มากแจ้ง. กวีนิพนธ์ไทย 1. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์, 2535.
  2. อุปกิตศิลปสาร, พระยา. คำประพันธ์บางเรื่อง. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภา, 2513.