กลอนสังขลิก จัดเป็นกลอนชาวบ้านประเภทเพลงเด็ก โดยส่วนใหญ่เป็นบทร้องเล่น ลักษณะเด่นอยู่ที่การส่งสัมผัสไม่เหมือนกับกลอนสุภาพ [1]

ลักษณะบังคับ แก้

กลอนสังขลิกบังคับสัมผัส 2 แห่ง ได้แก่ สัมผัสระหว่างวรรคแรกกับวรรคหลังในบาทเดียวกันแห่งหนึ่ง และสัมผัสท้ายบาทแรกกับท้ายวรรคแรกของบาทต่อไปอีกแห่งหนึ่ง เกี่ยวเนื่องกันไปเรื่อยๆ จนตลอดบท

จำนวนคำในวรรคมีตั้งแต่วรรคละ 3 คำ ถึงวรรคละ 5 คำ กำหนดบาทละ 2 วรรค บทหนึ่งจะมีกี่บาทก็ได้

ตัวอย่าง แก้

จากบทร้องเล่นของเด็กไทยสมัยเก่า ในประชุมลำนำ ของ หลวงธรรมาภิมณฑ์

เด็กหัวปลาก
เด็กหัวปลาก อยากข้าวเหนียว
นอนคนเดียว เหนี่ยวไขว่คว้า
นอนกะป้า ทำโล้เล้
นอนกะเจ๊ เจ๊วุ่นวาย
นอนกะควาย ควายขวิดปุ ฯ
โยเอยโยช้า
โยเอยโยช้า ทำนาหนองปล้อง
แม่ควายมีท้อง ออกลูกเป็นพันธ์
ขนมทอดมัน สองอันสิบเบี้ย
ไปซื้อไก่เตี้ย ทำขวัญต้นโพธิ์
ขะโมยลักโถ ลักโอท่านไป
เขาจับตัวได้ ที่เมืองดู้ดี้
น่าแข้งเป็นฝี จมูกเป็นไฝ
เขาตีด้วยไม้ กลัวหรือไม่กลัว
ไม้ขมับบับหัว กลัวแล้วกลัวแล้วฯ

หลวงธรรมาภิมณฑ์[2] ได้ประดิษฐ์แบบของกลอนสังขลิกไว้ 8 ชนิด ตามจำนวนคำในวรรค ตั้งแต่กลอน 2 ถึงกลอน 9 แต่ไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

อ้างอิง แก้

  1. สุภาพร มากแจ้ง. กวีนิพนธ์ไทย 1. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์, 2535.
  2. ธรรมาภิมณฑ์, หลวง. ประชุมลำนำ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี, 2514.