ไฟล์:1.Phan-Tao 2014.jpg
ดูภาพที่มีความละเอียดสูงกว่า (665 × 1,000 พิกเซล, ขนาดไฟล์: 590 กิโลไบต์, ชนิดไมม์: image/jpeg)
รูปภาพหรือไฟล์เสียงนี้ ต้นฉบับอยู่ที่ คอมมอนส์ รายละเอียดด้านล่าง เป็นข้อความที่แสดงผลจาก ไฟล์ต้นฉบับในคอมมอนส์
|
ความย่อ
คำอธิบาย1.Phan-Tao 2014.jpg |
ไทย: จากประวัติวัดพันเตาในหนังสือ “ประชุมตำนานลานนาไทยเล่ม ๑” โดยสงวน โชติสุขรัตน์ กล่าวว่า “..............
จ.ศ. ๑๒๓๗ (พ.ศ. ๒๔๑๘) ปีกุน สัปตศก วันพุธเพ็ญเดือน ๘ เจ้าอินทวิไชยานนท์เจ้านครเชียงใหม่ฉลองวิหารวัดข่วงสิงห์เหนือเวียงเชียงใหม่ วันเสาร์เดือน ๑๐ ขึ้น ๘ ค่ำ ปก (ปก-ยกเสา) วิหารวัดพันเตากลางเวียงเชียงใหม่ที่เจ้าอินทวิไชยานนท์หื้อ (หื้อ – ให้) รื้อเอาทองคำ (หอคำ - วังหรือท้องพระโรงหน้าของเจ้านครเชียงใหม่เช่นเดียวกับ วังหรือท้องพระโรงของเจ้านายทางภาคกลาง) ของพระเจ้ามโหตรประเทศไปสร้าง ..... จ.ศ. ๑๒๔๘ (พ.ศ. ๒๔๒๙) ปีจอ อัฐศก วันอาทิตย์เพ็ญเดือน ๗ พระเจ้าชีวิตวิไชยานนท์ทำบุญฉลองวิหารวัดเจดีย์หลวงแห่งหนึ่ง ฉลองวิหารวัดพันเตากลางเวียงที่รื้อเอาหอคำของ พระเจ้าชีวิตมโหตรประเทศมาสร้างแห่งหนึ่งวิหารวัด สบขมิ้นแห่งหนึ่ง วิหารหอธรรมแห่งหนึ่ง สองแห่งนี้ศรัทธาเขาสร้างต่างหาก มาฉลองพร้อมกันเป็นคราวเดียวกัน” ประวัติวัดพันเตาเท่าที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้นเป็นการค้นคว้าจากเอกสาร แต่มีรายละเอียดปลีกย่อยบางประการที่น่าสนใจเกี่ยวกับตำนานของวัดพันเตานี้จากคำบอกเล่าของเจ้าคณะอำเภอ คือพระครูศรีปริยัติยานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดพันอ้น ต.พระสิงห์ อ.เมือง เชียงใหม่ ในขณะนั้น (พ.ศ. ๒๕๒๖) ได้เล่าถึงประวัติดั้งเดิมของวัดพันเตาว่ามีอายุเก่าแก่ร่วมสมัยกับวัดเจดีย์หลวง ซึ่งจากประวัติวัดเจดีย์หลวง ในรัชสมัยของพระเจ้าเมืองแก้วซึ่งทรงเป็นปนัดดา (เหลน) ของพระเจ้าติโลกราช ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๒๐๓๘ – ๒๐๖๘ ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดเจดีย์หลวงอย่างขนานใหญ่อีกครั้ง โปรดให้ช่างหล่อพระอัฏฐารสยืนสูง ๑๘ ศอก ไว้เป็น พระประธานประจำพระอาราม ท่านพระครูศรีปริยัติยานุ รักษ์ ยังได้เล่าเพิ่มเติมอีกว่าพระประธานของวิหารวัดพันเตา นี้สร้างขึ้นพร้อมกับวิหาร วัดพันเตาตั้งอยู่ใกล้สี่แยก กลางเวียง เชียงใหม่ ซึ่งมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวข้องกับ ประวัติศาสตร์และตำนานของเมืองเชียงใหม่เป็นอย่างมาก บริเวณสี่แยกกลางเวียงเชียงใหม่นี้แต่แรกสร้างเมือง เชียงใหม่ขึ้นนั้นไม่ได้กำหนดว่าให้บริเวณนี้เป็นศูนย์กลาง หรือมีการสร้างโบราณสถานสำคัญขึ้นเป็นหลักของเมืองแต่ อย่างใดแต่บังเอิญเป็นตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับศูนย์กลางของ เมืองพอดี สี่แยกกลางเวียงนี้มีประวัติความเป็นมาตาม ตำนานว่า “..........พระเจ้าเม็งรายครองเมืองเชีงใหม่ ต่อมา จนกระทั่ง พ.ศ. ๑๘๖๐ ทรงพระชนมายุได้ ๗๙ พรรษา วันหนึ่งเสด็จไปประพาสที่ตลาดกลางเวียงเกิดอัสนีบาต ตกต้องพระองค์สวรรคตในท่ามกลางเมืองนั้น (ที่ที่พระองค์ ต้องอัสนีบาตสวรรคตนั้นที่กลางเวียงเชียงใหม่ ถนนพระ สิงห์) ดังนั้นบริเวณสี่แยกกลางเวียงและอาณาเขตใกล้เคียง กันนี้จึงเป็นเขตที่ควรอนุรักษ์และส่งเสริมเพื่อเอกลักษณ์ทาง ศิลปวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างยิ่ง วิหารวัดพันเตา เดิมคือ หอคำของพระเจ้ามโหตรประเทศ (เจ้าครองนครเชียงใหม่องค์ที่ ๕) ที่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ (เจ้าครองนครเชียงใหม่องค์ที่ ๗) อุทิศถวายวัดให้สร้างเป็น วิหารเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๙ หอคำหลังนี้เป็นคุ้มหรือ ท้องพระโรงหน้าของพระเจ้าเชียงใหม่ เช่นเดียวกับวังหรือ ท้องพระโรงของเจ้านายทางภาคกลาง หอคำหรือวิหารหลัง นี้เป็นเรือนโบราณชั้นดีของภาคเหนือ ที่ยังคงรักษา เอกลักษณ์ของภาคเหนือไว้ได้มากที่สุดและค่อนข้างสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าจะได้รับการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ไปแล้ว แต่ก็มิได้เป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางสถาปัตยกรรมให้แตกต่างไปจากการสร้างครั้งแรกการบูรณะวิหารทำการบูรณะส่วนฐานและผนังด้านหลัง ซึ่งถูกฝนทำลายจนหลุดพังเสียหายประกอบกับเกิดน้ำท่วมเนื่องจากฝนตกหนักส่วนของผนังด้านหลังเสียหายมาก เศษไม้ที่หลุดหล่นลงมาจมน้ำ บางส่วนก็ถูกน้ำพัดไปจึงได้มีการซ่อมผนังด้านหลังโดยทำผนังคอนกรีตระหว่างช่วงเสาตรงกึ่งกลางผนังสำหรับฐานเดิมของวิหารที่เป็นเสาไม้ซึ่งมีการผุกร่อนมาก่อน ทางวัดได้ทำการเสริมฐานเสาเติมด้วยคอนกรีต และทำการก่ออิฐ โบกปูนเสริมระหว่างเสาจากบริเวณร่องตีนช้าง (ซึ่งหายไป) ลงมาจนถึงพื้นและทำพื้นซีเมนต์ปูกระเบื้องเคลือบ (ราว ๑๐ กว่าปีมาแล้ว ประมาณก่อน พ.ศ. ๒๕๑๘) ทำการซ่อมหลังคาและเปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคา โครงสร้างสถาปัตยกรรมของวิหารพันเตา ตัวอาคาร เนื่องจากสถาปัตยกรรมแบบเชียงแสนส่วนใหญ่ ใช้ไม้เป็นวัสดุหลักมีโครงสร้างแบบกรอบยึดมุมมาก เสาและฝาทุกส่วนเป็นไม้โดยเฉพาะฝามีแบบวิธีการสร้างพิเศษคล้ายกับฝาปะกนของฝาไม้สมัยอยุธยา แต่มีขนาดตัวไม้ที่แน่นหนามั่นคงกว่า คือ เป็นกรอบไม้ยึดยันรูปสี่เหลี่ยม อัดช่องภายในด้วยแผ่นไม้ลูกฟัก สัดส่วนใหญ่หนากว่า ฝาปะกน การทำฝาแบบทางเหนือนี้ ใช้ตัวไม้โครงเป็นช่องตารางยึดติดกับช่วงโครงสร้างก่อนแล้วจึงบรรจุแผ่นลูกฟักภายหลังฝาแบบนี้แข็งแรงและมั่นคงเพราะต้องทำหน้าที่เป็นตัวรับน้ำหนักของส่วนบนอาคารด้วย การทำฝาผนังของวิหารวัดพันเตาก็เป็นลักษณะนี้ โดยเฉพาะวิหารนี้ฝาผนังด้านข้างจะยาวตลอดเป็นแนวเดียวกัน ไม่มีการย่อมุมซึ่งเป็นที่นิยมมากทางภาคเหนือ คือ การย่อมุมตรงมุขหน้าวิหารทั้งๆ ที่เป็นวิหารขนาดใหญ่มาก การสร้างวิหารนี้ช่างทางเหนือสามารถแก้ปัญหาที่ความรู้สึกหนักทึบของฝาผนังด้านข้างที่มีขนาดใหญ่มากๆ นี้ได้ โดยอาศัยการแบ่งพื้นที่ของผนังด้วยกรอบไม้ยึดยันรูปสี่เหลี่ยมดังที่กล่าวมาแล้ว พร้อมกันนั้นก็ใช้ประโยชน์จากฝาผนังแบบนี้ให้เป็นตัวช่วยรับน้ำหนักจากหลังคาที่มีขนาดใหญ่ตามขนาดวิหารส่วนประดับตัวอาคาร ประตู มีประตูทางเข้าทั้งหมด ๓ ทางคือ ประตูใหญ่ทางด้านหน้า ประตูด้านข้างทางด้านทิศเหนือ อยู่ค่อนมาทางประตูหน้า ทางทิศใต้อยู่ค่อนไปทางด้านหลัง ประตูที่สำคัญคือประตูด้านหน้าซึ่งประกอบด้วยซุ้มประตูไม้แกะสลักประดับกระจก เป็นรูปสัตว์ต่างๆ ได้แก่ นกยูง นาค ลิง หงส์ ประกอบลวดลายที่กรอบประตูส่วนบนเป็นโก่งคิ้วไม้แกะสลักลายดอกไม้ใบไม้ บานประตูเป็นไม้แผ่นเรียบ หน้าต่าง ทางด้านหน้าวิหาร หน้าต่างจะเป็นซุ้มไม้แกะสลักแบบทางเหนือที่หน้าบันของซุ้มหน้าต่างแกะสลักลวดลายใบไม้ดอกไม้อยู่ระหว่างซุ้ม ๒ ชั้น และภายในซุ้มชั้นในสลักเป็นรูปสัตว์คล้ายสุนัขเหมือนกับตัวสัตว์ที่อยู่ใต้นกยูงในซุ้มประตูใหญ่ เข้าใจว่าจะหมายถึงปีที่สร้างวิหาร คือ ปีจอ (การสลักรูปสัตว์ตามปีที่สร้างนี้นิยมทำกันในภาคเหนือ) สำหรับหน้าต่างด้านอื่นๆ เป็นหน้าต่าง ๒ ชั้น ชั้นนอกเป็นหน้าต่างลูกมะหวด ชั้นในเป็นหน้าต่างไม้แผ่นเรียบมีอกเลาที่ตกแต่งด้วยลายสลัก ทวย เป็นไม้แกะสลักลายนก ๓ ตัวแบบเชียงใหม่ พวกลายเมฆไหล แกะสลักเป็นรูปตัวครุฑ ๓ หัว เครื่องบน เนื่องจากวิหารวัดพันเตามีขนาดใหญ่ (ประมาณ ๒๘-๑๗ เมตร) ตัววิหารแบ่งเป็น ๗ ห้อง(แปดช่วงเสา) แต่ผนังยาวตลอดแนวเดียวกัน หลังคาจึงได้มีการลดชั้นเพื่อแก้ปัญหาความรู้สึกที่กดทับ ซึ่งจะเกิดขึ้นถ้าทำหลังคาตลอดเพียงชั้นเดียว การลดชั้นหลังคา ลดลง ๒ ชั้น ตรงระหว่าง ๓ ห้องริมสุด ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เครื่องประดับหลังคาคล้ายกับทั่วไปคือ มีช่อฟ้า รวยระกา หางหงส์ ที่เป็นเครื่องไม้แกะสลักประดับกระจก (หลุดไปเกือบหมดแล้ว) ที่สันหลังคาประดับด้วยหงส์โลหะสีเงิน โครงสร้างภายในหลังคาวิหาร มีชื่อรองรับตุ๊กตาและชื่อลอยทำแบบลูกฟักของจั่วทางด้านหน้า เพียงแต่ไม่กรุไม้ลูกฟักเท่านั้น โครงหลังคาและกรุหน้าจั่วเช่นนี้ถือว่าเป็นมงคลทางภาคกลาง เรียกว่า “แบบภควัม” โครงสร้างภายในของวิหารจะเห็นความประณีตบรรจงของการเข้าไม้ มีการลดคิ้วเส้นบัวของลูกฟักและลดคิ้วของขื่อและเต้าอย่างสวยงาม บางแห่งจะพบฝีมือการแกะสลักไม้งดงามมาก เช่น ขื่อ อกเลาหน้าต่างเป็นต้น ขอขอบพระคุณที่มาของข้อมูล ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และ ศูนย์วัฒนธรรม สถาบันราชภัฏจังหวัดเชียงใหม่. 2535. วัดสำคัญของนคร เชียงใหม่. เล่ม 1. เชียงใหม่ : ส ทรัพย์การพิมพ์.
|
||
วันที่ | |||
แหล่งที่มา | งานของตัว | ||
ผู้สร้างสรรค์ | Roopyai Art |
การอนุญาตใช้สิทธิ
- คุณสามารถ:
- ที่จะแบ่งปัน – ที่จะทำสำเนา แจกจ่าย และส่งงานดังกล่าวต่อไป
- ที่จะเรียบเรียงใหม่ – ที่จะดัดแปลงงานดังกล่าว
- ภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้:
- แสดงที่มา – คุณต้องให้เกียรติเจ้าของงานอย่างเหมาะสม โดยเพิ่มลิงก์ไปยังสัญญาอนุญาต และระบุหากมีการเปลี่ยนแปลง คุณอาจทำเช่นนี้ได้ในรูปแบบใดก็ได้ตามควร แต่ต้องไม่ใช่ในลักษณะที่แนะว่าผู้ให้อนุญาตสนับสนุนคุณหรือการใช้งานของคุณ
- อนุญาตแบบเดียวกัน – หากคุณดัดแปลง เปลี่ยนรูป หรือต่อเติมงานนี้ คุณต้องใช้สัญญาอนุญาตแบบเดียวกันหรือแบบที่เหมือนกับสัญญาอนุญาตที่ใช้กับงานนี้เท่านั้น
ภาพถ่ายนี้อัปโหลดมาโดยเป็นส่วนหนึ่งของการประกวดภาพถ่าย Wiki Loves Monuments 2014.
Afrikaans ∙ Alemannisch ∙ azərbaycanca ∙ Bahasa Indonesia ∙ Bahasa Melayu ∙ Bikol Central ∙ bosanski ∙ brezhoneg ∙ català ∙ čeština ∙ Cymraeg ∙ dansk ∙ davvisámegiella ∙ Deutsch ∙ eesti ∙ English ∙ español ∙ Esperanto ∙ euskara ∙ français ∙ Frysk ∙ Gaeilge ∙ galego ∙ hrvatski ∙ Ido ∙ italiano ∙ latviešu ∙ Lëtzebuergesch ∙ Malagasy ∙ magyar ∙ Malti ∙ Nederlands ∙ norsk ∙ norsk nynorsk ∙ norsk bokmål ∙ polski ∙ português ∙ português do Brasil ∙ română ∙ shqip ∙ sicilianu ∙ slovenčina ∙ slovenščina ∙ suomi ∙ svenska ∙ Tagalog ∙ Türkçe ∙ Yorùbá ∙ Zazaki ∙ Ελληνικά ∙ беларуская ∙ беларуская (тарашкевіца) ∙ български ∙ кыргызча ∙ македонски ∙ русский ∙ српски / srpski ∙ українська ∙ ქართული ∙ հայերեն ∙ नेपाली ∙ हिन्दी ∙ বাংলা ∙ മലയാളം ∙ ไทย ∙ 한국어 ∙ +/− |
ไอเทมที่แสดงอยู่ในไฟล์นี้
ประกอบด้วย
บางค่าที่ไม่มีไอเทมวิกิสนเทศ
27 กันยายน 2014
Nikon D700 อังกฤษ
exposure time อังกฤษ
8 วินาที
f-number อังกฤษ
11
focal length อังกฤษ
20 มิลลิเมตร
ISO speed อังกฤษ
200
media type อังกฤษ
image/jpeg
checksum อังกฤษ
04029e5f52f8574d11f10bcf9d379ecb119bbd51
data size อังกฤษ
604,222 ไบต์
1,000 พิกเซล
665 พิกเซล
ประวัติไฟล์
คลิกวันที่/เวลาเพื่อดูไฟล์ที่ปรากฏในขณะนั้น
วันที่/เวลา | รูปย่อ | ขนาด | ผู้ใช้ | ความเห็น | |
---|---|---|---|---|---|
ปัจจุบัน | 23:33, 27 กันยายน 2557 | 665 × 1,000 (590 กิโลไบต์) | Roopyai Art | User created page with UploadWizard |
หน้าที่มีภาพนี้
หน้าต่อไปนี้ โยงมาที่ภาพนี้:
ข้อมูลเกี่ยวกับภาพ
ภาพนี้มีข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกล้องดิจิตอลหรือสแกนเนอร์ที่สามารถเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้รวมกับภาพได้ ถ้าภาพนี้ถูกปรับปรุงแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงจากเดิม ข้อมูลบางอย่างจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนภาพที่ถูกปรับปรุงแก้ไขนั้น
ชื่อภาพ |
|
---|---|
ผู้ผลิตกล้อง | NIKON CORPORATION |
รุ่นของกล้อง | NIKON D700 |
ผู้ถ่าย | PANUPONG ROOPYAI |
ผู้ทรงลิขสิทธิ์ |
|
เวลาเปิดหน้ากล้อง | 8/1 วินาที (8) |
ค่าเอฟ | f/11 |
อัตราความเร็ว ISO | 200 |
เวลาที่บันทึกภาพ | 18:31, 27 กันยายน 2557 |
ความยาวโฟกัสเลนส์ | 20 มม. |
ชื่อเรื่องสั้น |
|
ความกว้าง | 2,832 พิกเซล |
ความสูง | 4,256 พิกเซล |
บิตต่อคอมโพเนนต์ |
|
รูปแบบการบีบอัด | ไม่ได้บีบอัด |
พิกเซลคอมโพซิชัน | RGB |
การจัดวางภาพ | ปกติ |
จำนวนคอมโพเนนต์ | 3 |
ความละเอียดแนวนอน | 300 dpi |
ความละเอียดแนวตั้ง | 300 dpi |
การจัดเรียงข้อมูล | รูปแบบชังกี |
ซอฟต์แวร์ที่ใช้ | Adobe Photoshop CS6 (Macintosh) |
แก้ไขภาพล่าสุด | 23:25, 27 กันยายน 2557 |
ไวต์พอยต์โครมาติก |
|
โครมาติกของไพรมาริตี |
|
สัมประสิทธิเมทริกซ์การเปลียนแปลงของสเปซสี |
|
คู่จุดสีขาวและดำสำหรับอ้างอิง |
|
โปรแกรมเอกซ์โพเชอร์ | ตั้งค่าเอง |
รุ่นเอกซิฟ (Exif) | 2.3 |
เวลาที่แปลงเป็นดิจิทัล | 18:31, 27 กันยายน 2557 |
ความเร็วชัตเตอร์ | −3 |
ค่ารูรับแสง (A) | 6.918863 |
การชดเชยแสง | 0 |
รูรับแสงกว้างสุด | 3 APEX (f/2.83) |
โหมดการวัดแสง | เซนเตอร์ |
แสง | อากาศปกติ |
แฟลช | ไม่ใช้แฟลช |
เสี้ยววินาที วันที่ เวลา | 67 |
เสี้ยววินาที วันที่ เวลาต้นฉบับ | 67 |
เสี้ยววินาที วันที่ เวลาที่ดิจิไทซ์ | 67 |
รุ่นแฟลชพิกซ์ที่รองรับ | 1 |
สเปซสี | ไม่ได้ปรับเทียบ |
วิถีการวัด | เซนเซอร์จุดเดียว |
ต้นฉบับไฟล์ | กล้องถ่ายภาพนิ่งดิจิทัล |
ชนิดซีน | ภาพถ่ายโดยตรง |
การประมวลภาพ | โพลเซสส์ปกติ |
โหมดเอกซ์โพเชอร์ | เอกซ์โพเชอร์ตั้งค่าเอง |
ไวต์บาลานซ์ | ไวต์บาลานซ์ตั้งค่าเอง |
ดิจิทัลซูม | 1 |
ระยะโฟกัสในฟิล์ม 35 มม. | 20 มม. |
ชนิดซีนแคปเจอร์ | ปกติ |
ซีนคอนโทรล | ไม่มี |
ความเปรีบบต่าง | ปกติ |
ความอิ่มสี | ปกติ |
ความคม | ฮาร์ด |
ระยะห่างวัตถุ | ไม่ทราบ |
วันที่แก้ไขข้อมูลเมตาล่าสุด | 06:25, 28 กันยายน 2557 |
ID เฉพาะของเอกสารต้นฉบับ | xmp.did:0180117407206811822AB514656415DB |
สถานะลิขสิทธิ์ | มีลิขสิทธิ์ |
คำสำคัญ |
|