โรงพยาบาลลาดพร้าว

โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร

บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) (ย่อ LPH) เป็นบริษัทที่ดําเนินธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน โดยใช้ชื่อว่า "โรงพยาบาลลาดพร้าว" รวมถึงธุรกิจอื่น ได้แก่ธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ ธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ ทดสอบ และวิจัยด้านอาหาร ผลิตผลการเกษตร และยา ธุรกิจสนับสนุนการให้บริการทางการแพทย์และการพัฒนาธุรกิจ และธุรกิจให้บริการห้องปฏิบัติการ วิเคราะห์ และตรวจวิจัยทางการแพทย์[1]

โรงพยาบาลลาดพร้าว
แผนที่
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง2699 ถนนลาดพร้าว 95–97 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310, ประเทศไทย
หน่วยงาน
ประเภทโรงพยาบาลเอกชน
บริการสุขภาพ
แผนกฉุกเฉินมี
จำนวนเตียง206 เตียง
ประวัติ
เปิดให้บริการ14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536
ลิงก์
เว็บไซต์ladpraohospital.com/th/

โรงพยาบาลลาดพร้าวก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2533 ได้เริ่มการระดมทุนกับกลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มแพทย์มาร่วมทุน หุ้นส่วนเยอะ มีผู้ถือหุ้นเกือบ 300 คน หลังจากได้ทุนก็เริ่มก่อสร้างโรงพยาบาลใช้เวลาประมาณ 2 ปี โดยในปลาย พ.ศ. 2535 เริ่มเปิดให้บริการจริงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 โดยเชิญอานันท์ ปันยารชุน มาเป็นประธานในพิธีเปิด[2] เมื่อ พ.ศ. 2539 บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว 2 จำกัด (LP2) ด้วยทุนจดทะเบียน 50.00 ล้านบาท[3]

บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) ได้จดทะเบียน เป็นบริษัทมหาชน เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โรงพยาบาลลาดพร้าวมีจำนวนเตียงตามการจดทะเบียน 206 เตียง บริการด้านการรักษาโรคทั่วไปและศูนย์รวมแพทย์เฉพาะทาง บริการผู้ป่วยนอกมีศูนย์และบริการคลีนิกบริการจำนวน 18 ศูนย์ และบริการผู้ป่วยภายใน[4]

บริษัทย่อย แก้

จากข้อมูลในรายการข้อมูลประจำปี 2563 ระบุดังนี้

อ้างอิง แก้

  1. "บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน)". stockradars.
  2. "ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) : LPH "รพ.เพื่อชุมชน-เติบโตอย่างมั่นคง"". efinancethai.
  3. "เติบโตแกร่งด้วยโรงพยาบาลเครือข่ายและศูนย์ Excellent Center" (PDF). KGI.
  4. "แบบฟอร์ม 56-1 โรงพยาบาลลาดพร้าว". ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-09-04. สืบค้นเมื่อ 2022-09-04.
  5. "LPH ทุ่ม 1 พันลบ.ขยายลงทุนเพิ่มศักยภาพการรักษาดันรายได้ปี 65 โต 15-20%". สำนักข่าวอินโฟเควสท์.