เสรีนครจักรวรรดิ

(เปลี่ยนทางจาก เสรีนครของจักรพรรดิ)

เสรีนคร (เยอรมัน: freie Städt) และ นครจักรวรรดิ (เยอรมัน: Reichsstädt) หรือเรียกรวม ๆ ว่า เสรีนครจักรวรรดิ (เยอรมัน: Freie Reichsstadt) เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 15 หมายถึงนครที่ได้รับอำนาจปกครองตนเองบางส่วนจากจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และมีผู้แทนนครประจำอยู่ในสภาไรชส์ทาค เมืองประเภทนี้ได้รับสถานะพิเศษที่เรียกว่า ไรชส์อุนมิทเทิลบาร์ไคท์ (Reichsunmittelbarkeit) ขึ้นตรงต่อจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์โดยตรง แตกต่างจากเมืองหรือนครอื่นๆที่ขึ้นกับเจ้าหรือขุนนางท้องถิ่น

ที่ตั้งของเสรีนครจักรวรรดิในปีค.ศ. 1648
หนังสือตั้งเสรีนครลือเบ็ค ค.ศ. 1226

สำหรับความแตกต่างระหว่าง "เสรีนคร" กับ "นครจักรวรรดิ" เสรีนครคือนครที่เดิมปกครองโดยเจ้าชายมุขนายก แต่ต่อมาได้หลุดพ้นจากการปกครองของมุขนายกในช่วงกลางสมัยกลาง (High Middle Ages) เมืองเหล่านี้ก็ได้แก่ บาเซิล (ค.ศ. 1000) ว็อมส์ (ค.ศ. 1074) ไมนทซ์ (ค.ศ. 1244 เปลี่ยนฐานะ ค.ศ. 1462) เรเกินส์บวร์ค (ค.ศ. 1245) สทราซบูร์ (ค.ศ. 1272) โคโลญ (ค.ศ. 1288) และชไปเออร์[1] (ค.ศ. 1294)

แม้ว่ารายละเอียดทางกฎหมายของแต่ละรัฐเหล่านี้จะต่างกันไปแต่ตามแต่ละแห่ง แต่โดยสรุปแล้ว เสรีนครมีอภิสิทธิ์ดีกว่านครจักรวรรดิ ตัวอย่างเช่นในกรณีที่เกิดสงครามครูเสด เสรีนครรับผิดชอบแต่เพียงให้การสนับสนุนทางการทูตและยุทธปัจจัยแก่ส่วนราชการกลางจักรวรรดิ แต่นครจักรวรรดิต้องเสียภาษีให้แก่จักรพรรดิและต้องส่งกองทัพไปช่วยในการทัพด้วย

รายชื่อเสรีนครจักรวรรดิ

แก้

ด้านล่างนี้ประกอบด้วยรายชื่อเสรีนครจักรวรรดิ 50 แห่งที่เข้าร่วมประชุมสภาไรชส์ทาคในปีค.ศ. 1752 เรียงตามลำดับการใช้สิทธิ์ออกเสียงของม้านั่งแต่ละฝั่ง ในวงเล็บคืออัตราการสนับสนุนทรัพยากรแก่ส่วนราชการกลางจักรวรรดิในยามศึกสงคราม ยกตัวอย่างที่ระบุว่า "โคโลญ (30-322-600)" หมายความว่าโคโลญต้องสนับสนุนทหารม้า 30 นาย, ทหาราบ 322 นาย และเหรียญเงินกุลเดิน 600 เหรียญ[2]

ม้านั่งไรน์ (Rheinische Städtebank)

แก้

ม้านั่งชวาเบิน (Schwäbische Städtebank)

แก้
  1.   เรเกินส์บวร์ค (20-112-120)
  2. เอาคส์บวร์ค (25-150-500)
  3.   เนือร์นแบร์ค (40-250-600)
  4.   อูลม์ (29-150-600)
  5.   เอ็สสลิงเงินอัมเน็คคาร์ (10-67-235)
  6.   ร็อยท์ลิงเงิน (6-55-180)
  7.   เนิร์ดลิงเงิน (10-80-325)
  8.   โรเทินบวร์คอ็อพแดร์เทาเบอร์ (10-90-180)
  9.   ฮัลล์ (ปัจจุบันคือชเวบิชฮัลล์) (10-80-325)
  10.   ร็อททไวล์ (3-122-180)
  11.   อือเบอร์ลิงเงิน (10-78-325)
  12.   ไฮล์บร็อน (6-60-240)
  13.   กมึนท์ (ปัจจุบันคือชเวบิชกมึนท์) (5-45-150)
  14.   เม็มมิงเงิน (10-67-325)
  15.   ลินเดา (6-72-200)
  16.   ดินเคิลส์บืล (5-58-240)
  17.   บีเบอร์รัคอันแดร์ริส (6-55-180)
  18.   ราเวินส์บวร์ค (4-67-180)
  19.   ชไวน์ฟวร์ท (5-36-120)
  20.   เค็มพ์เทิน (3-36-120)
  21.   วินเดิสไฮม์ (4-36-180)
  22.   เคาฟ์บ็อยเริน (4-68-90)
  23.   ไวล์ (2-18-120)
  24.   วังเงินอิมอัลก็อย (3-18-110)
  25.   อิสนึอิมอัลก็อย (4-22-100)
  26.   ฟุลเลินดอร์ฟ (3-40-75)
  27.   อ็อฟเฟินบวร์ค (0-45-150)
  28.   ล็อยท์เคียร์ชอิมอัลก็อย (2-18-90)
  29.   วิมฟ์เฟิน (3-13-130)
  30.   ไวส์เซินบวร์คอิมนอร์ทเกา (4-18-50)
  31.   กิงเงิน (2-13-60)
  32.   เก็งเงินบัค (0-36-0)
  33.   เซ็ลอัมฮาร์เมิร์สบัค (0-22-0)
  34.   บุชฮอร์น (ปัจจุบันคือฟรีดริชส์ฮาเฟิน) (0-10-60)
  35.   อาเลิน (2-18-70)
  36.   บ็อพฟิงเงิน (1-9-50)

อ้างอิง

แก้
  1. CATHOLIC ENCYCLOPEDIA: Speyer
  2. G. Benecke, Society and Politics in Germany, 1500–1750, Routledge & Kegan Paul and University of Toronto Press, London, Toronto and Buffalo, 1974, Appendix II.

ดูเพิ่ม

แก้