เลอบรอน เรย์มอน เจมส์ ซีเนียร์ (อังกฤษ: LeBron Raymone James Sr.; /ləˈbrɒn/; เกิด 30 ธันวาคม 1984) เป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลมืออาชีพ เล่นให้กับทีมลอสแอนเจลิสเลเกอส์ในเอ็นบีเอ เจมส์ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาเอ็นบีเอที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์[1] และมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับไมเคิล จอร์แดนในฐานะนักบาสเก็ตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล[2] ในลีกเอ็นบีเอ เจมส์เคยเล่นให้กับคลีฟแลนด์แควาเลียส์, ไมแอมีฮีต และในปัจจุบันเล่นให้กับลอสแอนเจลิสเลเกอส์ เจมส์เป็นผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอที่สามารถชนะเอ็นบีเอแชมเปียนชิพให้กับแฟรนไชส์ทั้งสามในไฟนอลส์[3] เขามีประวัติเข้าแข่งขันในเอ็นบีเอไฟนอลส์ 10 ครั้ง ในจำนวนนี้ใแปดครั้งติดต่อกันในฐานะผู้เล่นของฮีตกับแควาเลียส์ ตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2018 ความสำเร็จในวงการของเขามีทั้งเอ็นบีเอแชมเปียนชิปส์, รางวัลเอ็มวีพีของเอ็นบีเอ 4 ครั้ง, รางวัลเอ็มวีพีไฟนอลส์ 4 ครั้ง และ เหรียญทองโอลิมปิกส์สองเหรียญ

เลอบรอน เจมส์
เจมส์เล่นให้กับลอสแอนเจลิสเลเกอส์ เมื่อปี 2018
No. 23 – ลอสแอนเจลิสเลเกอส์
ตำแหน่งสมอลล์ฟอร์เวิร์ด / พอยต์การ์ด
ลีกเอ็นบีเอ
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด (1984-12-30) 30 ธันวาคม ค.ศ. 1984 (39 ปี)
สัญชาติอเมริกัน
ส่วนสูงที่ระบุ6 ft 8 in (2.03 m)
น้ำหนักที่ระบุ250 lb (113 kg)
ข้อมูลอาชีพ
ไฮสกูลเซนต์วินเซนต์-เซนต์แมรี
(แอครอน, โอไฮโอ)
การดราฟต์เอ็นบีเอ2003 / รอบ: 1 / เลือก: 1st โอเวอร์ออล
เลือกโดยคลีฟแลนด์แควาเลียส์
การเล่นอาชีพ2003–ปัจจุบัน
ประวัติอาชีพ
20032010คลีฟแลนด์แควาเลียส์
20102014ไมอามีฮีต
20142018คลีฟแลนด์แควาเลียส์
2018–ปัจจุบันลอสแอนเจลิสเลเกอส์
ไฮไลต์อาชีพและรางวัล
สถิติที่ Basketball-Reference.com

เจมส์เริ่มต้นเล่นบาสเก็ตบอลในทีมของโรงเรียนมัธยมเซนต์วินเซนต์-เซนต์แมรีในบ้านเกิดของเขาที่แอครอน รัฐโอไฮโอ ที่ซึ่งสื่อระดับชาติมักเรียกขานเขาว่าเป็นอนาคตซูเปอร์สตาร์ของเอ็นบีเอ ต่อมาเขาได้รับเลือกเข้าทีมคลีฟแลนด์ในฐานะเพรพทูโพรในปี 2003 ในซีซัน 2003–04 เจมส์ได้รับรางวัลรูกี้แห่งปีของเอ็นบีเอ และจากนั้นไม่นานเขาก็ไต่เต้าขึ้นเป็นผู้เล่นระดับต้น ๆ ของทีม และได้รางวัลเอ็มวีพีของเอ็นบีเอในปี 2009 กับ 2010 หลังเขาไม่สามารถชิงชัยให้กับคลีฟแลนด์ได้ เขาจึงออกจากทีมในปี 2010 และเซ็นสัญญาฟรีเอเจนต์กับไมแอมี การย้ายทีมนี้ของเขาได้รับการเผยแพร่โดยอีเอ็สพีเอ็นเป็นโปรแกรมทางโทรทัศน์ชื่อ เดอะดีซิชั่น และเป็นหนึ่งในการตัดสินใจย้ายทีมแบบฟรีเอเจนต์ที่เป็นที่ถกเถียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬา

เจมส์ชนะการแข่งขันเอ็นบีเอแชมเปียนชิปส์สองครั้งแรกขณะเล่นให้กับฮีตในปี 2012 และ 2013 หลังซีซันที่สี่ที่เขาเล่นให้กับฮีตในปี 2014 เจมส์สิ้นสุดสัญญาและเซ็นสัญญาใหม่กับแควาเลียส์อีกครั้ง ในปี 2016 เขานำพาให้แควาเลียส์ชนะแชมเปียนชิปส์เหนือโกลเดนสเตทวอริเออส์ ในเอ็นบีเอไฟนอลส์หลังคัมแบ็กได้จากการแพ้ที่ 35683153–1 แต้ม และสร้างชื่อเสียงต่อแฟรนไชส์รวมถึงยุติตำนานความทุลักทุเลของคลีฟแลนด์มาตลอด 52 ปี ในปี 2018 เจมส์สิ้นสุดสัญญากับแควาเลียส์และเซ็นสัญญาใหม่กับเลเกอส์ที่ซึ่งเขาชนะแชมเปียนชิปส์ปี 2020

นอกเหนือจากในวงการกีฬา เจมส์เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีทรัพย์สินสูงและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ใจบุญผ่านองค์กรสาธารณประโยชน์ของเขส มูลนิธิตระกูลเลอบรอน เจมส์ (LeBron James Family Foundation), สร้างโรงเรียนหนึ่งแห่ง, ที่อยู่อาศัย และศูนย์ชุมชนในบ้านเกิดของเขาที่เมืองแอครอน รัฐโอไฮโอ[4]

อ้างอิง

แก้
  1. McCullum, Jack (February 8, 2016). "SI's 50 greatest players in NBA history". Sports Illustrated. สืบค้นเมื่อ October 14, 2018.
  2. Various reliable sources have commented on James often being considered the greatest basketball player of all-time and therefore whether or not he has surpassed Jordan as the greatest; see, for example:
  3. Staff, From NBA com. "LeBron James makes history, wins Finals MVP with 3 different franchises". NBA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ October 12, 2020.
  4. Gregory, Sean (December 15, 2020). "Exclusive: LeBron James to Open New Community Hub in Akron". Time. สืบค้นเมื่อ May 19, 2021.

อ่านเพิ่ม

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้