เนสกาแฟ

แบรนด์กาแฟของบริษัทเนสเล่

เนสกาแฟ (ฝรั่งเศส: Nescafé) เป็นตราสินค้ากาแฟที่ผลิตโดยเนสท์เล่ มาในหลายรูปแบบ ชื่อตราสินค้ามาจากคำว่า "เนสท์เล่" ควบกับคำว่า "กาแฟ" เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1938[3]

เนสกาแฟ
โลโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014[1][2]
ชนิดสินค้ากาแฟ
เจ้าของปัจจุบันเนสท์เล่
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เริ่มจำหน่าย1 เมษายน 1938; 87 ปีก่อน (1938-04-01)
ตลาดทั่วโลก

ประวัติ[4]

แก้

ในปี ค.ศ. 1929 หลุยส์ ดัปล์ ประธานบริษัทเนสท์เล่ในขณะนั้น ได้รับการขอร้องจากธนาคารฝรั่งเศสและอิตาลีสำหรับอเมริกาใต้ที่เขาเคยทำงานว่า ธนาคารมีเมล็ดกาแฟที่ไม่สามารถจำหน่ายได้เหลืออยู่เป็นจำนวนมากภายในโกดังที่ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทตก ค.ศ. 1929 ทำให้ราคาเมล็ดกาแฟในตลาดโลกตกต่ำลง ธนาคารจึงสอบถามมายังเนสท์เล่ว่ามีวิธีการแปลงสต็อกเมล็ดกาแฟทั้งหมดดังกล่าวเป็นก้อนกาแฟที่ชงได้เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคหรือไม่ หลุยส์จึงติดต่อมัคส์ มอร์เกินทาเลอร์ นักเคมี ให้เข้ามาวิจัยวิธีการข้างต้น สามปีถัดมามอร์เกินทาเลอร์และทีมนักวิจัยค้นพบว่ากาเฟโอแล (café au lait) ซึ่งเป็นกาแฟผสมกับนมและน้ำตาล แล้วทำให้กลายเป็นผงนั้นช่วยเก็บรสชาติของกาแฟได้นานขึ้น แต่ผงกาแฟดังกล่าวยังละลายได้ยาก ส่วนนมและน้ำตาลก็ทำให้เกิดปัญหาใหม่ ๆ ในการผลิต

กำเนิดเนสกาแฟ

แก้

อย่างไรก็ตาม มอร์เกินทาเลอร์พบว่ารสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟจะคงอยู่ในกาแฟที่ผสมนมข้นหวานได้ดีกว่ากาแฟที่ผสมนมธรรมดา และยังพบอีกว่ากาแฟจะเก็บได้นานขึ้นในอุณหภูมิและแรงดันที่สูง เขาจึงสรุปว่าความลับในการเก็บรักษากลิ่นหอมของกาแฟเอาไว้ คือ การผลิตกาแฟที่สามารถละลายได้โดยที่ยังคงสภาพของคาร์โบไฮเดรตได้มากพอ การค้นพบนี้เป็นสิ่งใหม่และสวนทางกับความเชื่อทางวิชาการในขณะนั้้น ปีต่อมาเขาใช้เทคนิคเฉพาะในการผลิตผงกาแฟดังกล่าว และเสนอต่อกรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของเนสท์เล่เพื่อผลิตตัวอย่างกาแฟสำเร็จรูปที่สามารถละลายได้ ในที่สุดเนสท์เล่จึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในชื่อ เนสกาแฟ เมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1938 ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และจัดตั้งสายการผลิตขนาดใหญ่สำหรับสกัดและอบแห้งเมล็ดกาแฟ เพื่อผลิตเนสกาแฟขึ้นที่โรงงานในเมืองออร์บ หลังจากนั้น เนสกาแฟ จึงเปิดตัวในสหราชอาณาจักรในอีกสองเดือนถัดมา และในสหรัฐอเมริกาในปีถัดมา จนกระทั่งในสิ้นปี ค.ศ. 1940 เนสกาแฟมีวางจำหน่ายใน 30 ประเทศทั่วโลก

ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

แก้

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีสัดส่วนผู้บริโภคเนสกาแฟเฉพาะในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริการวมกันมากกว่า 3 ใน 4 ของการบริโภคเนสกาแฟทั่วโลก แนะเนื่องจากการเก็บรักษาที่สามารถทำได้ยาวนานกว่ากาแฟสด ทำให้เนสกาแฟได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยอดขายก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว นอกจากนี้ ยังมีการผลิตเนสกาแฟเป็นจำนวนมากเพื่อใช้เป็นเสบียงให้กับทหารสหรัฐอเมริกาในระหว่างการสู้รบ เนสท์เล่จึงก่อตั้งโรงงานผลิตเนสกาแฟสองแห่งขึ้นในสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1943 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น

เหตุการณ์สำคัญ

แก้

ในปี ค.ศ. 1952 โรงงานผลิตเนสกาแฟในแซ็ง-เมเนต์ ประเทศฝรั่งเศส สร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้น โดยผลิตกาแฟที่ไม่ต้องเติมคาร์โบไฮเดรตเพิ่ม จากนั้นในยุค 60 มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เนสกาแฟในทวีปยุโรปและประเทศญี่ปุ่น โดยใช้แก้วเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อช่วยรักษาความสดใหม่ของกาแฟ ต่อมาในปี ค.ศ. 1965 ได้มีการเปิดตัวกาแฟสำเร็จรูปแบบใหม่ในชื่อ เนสกาแฟ โกลด์ เบลนด์ (Nescafé Gold Blend) กาแฟสำเร็จรูปแบบใหม่ซึ่งใช้กระบวนการผลิตรูปแบบ การแช่แห้ง (Freeze Dried) หลังจากนั้นเนสกาแฟยังสร้างสรรค์กาแฟสำเร็จรูปที่หลากหลายมากขึ้น เช่น เนสกาแฟ ดีแคฟฟินเนต (Nescafé Decaffeinated), เนสกาแฟ โกลด์ เอสเปรสโซ (Nescafé Gold Espresso), เนสกาแฟ แฟรบเป (Nescafé Frappé), เนสกาแฟ คาปูชิโน (Nescafé Cappuccino) และ เนสกาแฟพร้อมดื่ม (Nescafé Ready-to-Drink) นอกจากนี้ในยุค 90 นักวิจัยของเนสท์เล่ยังพัฒนาระบบทำฟองในตัวเพื่อให้คุณภาพของฟองนมดีขึ้น และใช้ระบบนี้ในการผลิตเนสกาแฟ คาปูชิโน ในปัจจุบัน

เครื่องชงกาแฟ

แก้

ต่อมาเนสกาแฟได้เปิดตัวเครื่องชงกาแฟ เนสกาแฟ ดอลเช กุสโต (Nescafé Dolce Gusto) ขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศเยอรมนี และสหราชอาณาจักรในปี ค.ศ. 2006 และประเทศสเปนในปีถัดมา โดยเครื่องนี้สามารถชงได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น ประกอบด้วยแคปซูล เนสกาแฟ, เนสที และ เนสควิก มีทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่ เมโลดี, เซอร์โคโล, พิคโคโล, ฟอนทานา และ ครีเอทีวา สองปีถัดมามีการพัฒนา เนสกาแฟ บาริสตา (Nescafé Barista) ขึ้นเพื่อวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นเครื่องชงกาแฟผงที่ใช้ภายในครัวเรือนครั้งละถ้วย

ประเทศไทย

แก้

เนสกาแฟนำเข้ามาในประเทศไทยจากการที่ ประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชาวไทย ประธานกิตติมศักดิ์ของบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการของบริษัท พีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด ที่มีความสนใจธุรกิจด้านกาแฟ ได้จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (อังกฤษ: Quality Coffee Products Co., Ltd.; QCP) ขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2532 โดยมีตระกูลมหากิจศิริและกลุ่มเนสท์เล่แบ่งกันถือหุ้นฝ่ายละ 50% และดำเนินการผลิตเนสกาแฟให้เนสท์เล่นำไปวางจำหน่ายต่อตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 โดยเนสกาแฟได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นจำนวนมาก ทำให้ในเวลาต่อมาประยุทธได้รับฉายาว่า "เจ้าพ่อเนสกาแฟ" ต่อมาประยุทธได้มอบหมายให้เฉลิมชัย มหากิจศิริ เข้าไปบริหาร QCP แทน[5]

กรณีพิพาท

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. "Nescafe logo and symbol, meaning, history, PNG". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 November 2020.
  2. "Nescafe Logo The most famous brands and company logos in the world". 26 November 2020. สืบค้นเมื่อ 10 December 2020.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  3. "Coffee History (Nescafé History section)". Nescafé. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 August 2011. สืบค้นเมื่อ 31 July 2011.
  4. "ฉลองครบรอบ 75 ปี เนสกาแฟแบรนด์กาแฟสำเร็จรูปของเนสท์เล่" (Press release). เนสท์เล่. 28 มีนาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 19 เมษายน 2025.
  5. "รู้จักผู้ผลิต Nescafe 34 ปี ธุรกิจร่วมทุน 'เนสท์เล่-มหากิจศิริ'". ประชาชาติธุรกิจ. 10 เมษายน 2025. สืบค้นเมื่อ 19 เมษายน 2025.