วงประโคม
วงประโคมคือวงดนตรีที่ใช้ประกอบงานพระราชพิธีและแสดงถึงพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ ตลอดจนถึงขุนนางข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ฮินดู ว่า พระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เมื่อเสียชีวิตไป จะกลับสู่สรวงสวรรค์ จึงต้องมีการประโคมเพื่อส่งดวงวิญญานกลับสู่สรวงสวรรค์
ประเภทของวงประโคม
แก้แต่เดิมวงประโคมมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกันคือวงสังข์แตรวงปี่ไฉนกลองชนะและวงกลองสี่ปี่หนึ่ง(ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว) โดยวงสังข์แตรมีเครื่องดนตรีดังนี้
- สังข์ 1 ขอน
- แตรงอน 2 คัน
- แตรฝรั่ง 4 ใบ
วงปี่ไฉนกลองชนะมีเครื่องดนตรีดังนี้
- ปี่ไฉน 1 เลา
- กลองสองหน้า 1 ใบ
- กลองชนะ(ตามแต่พระอิสริยยศ)
ต่อมา นับตั้งแต่งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จึงได้มีการนำวงปี่พาทย์นางหงส์ร่วมประโคมด้วย[1]
การประโคมย่ำยาม
แก้การประโคมย่ำยามนั้นเริ่มด้วยวงแตรสังข์และวงปี่ไฉนกลองชนะเป็นวงประโคมลำดับที่ 1 โดยจะทำหน้าที่สลับกันบรรเลง และวงปี่พาทย์นางหงส์เป็นวงประโคมลำดับที่ 2
การประโคมย่ำยามนั้นจะประโคมทุกๆ 3 ชั่วโมงดังนี้[2]
- ยามที่ 1 เวลา 06.00 น.
- ยามที่ 2 เวลา 09.00 น.
- ยามที่ 3 เวลา 12.00 น.
- ยามที่ 4 เวลา 15.00 น.
- ยามที่ 5 เวลา 18.00 น.
- ยามที่ 6 เวลา 21.00 น.
- ยามที่ 7 เวลา 24.00 น.
การประโคมมี อยู่หลายประเภท ตามชั้นยศ-พระราชอิสริสยศ-พระบรมราชอิสริยยศ ดังต่อไปนี้
1.ถ้าผู้ตาย ได้รับพระราชทาน หีบทองทึบ , โกศโถ และ โกศแปดเหลี่ยม เครื่องประโคมจะประกอบด้วย ปี่ไฉน , กลองชนะ , เปิง (ตีจังหวะ สามไม้หนีสี่ไม้ไล่)
2. ถ้าผู้ตายได้รับพระราชทาน โกศไม้สิบสอง , โกศราชวงศ์ , โกศมณฑป , โกศกุดั่น - พระโกศทองใหญ่ เครื่องประโคมจะประกอบด้วย สังข์(ผู้ตายต้องเป็นพระราชวงศ์ตั้งแต่หม่อมเจ้าขึ้นไป) , แตรงอน , แตรฝรั่ง , ปี่ไฉน , กลองชนะ , เปิง (ตีจังหวะ ติ๊งเปิง)
*ในพระราชพิธีประโคมย่ำยาม พระบรมศพของ พระมหากษัตริย์ จะเพิ่ม "มโหระทึก" เข้าไปด้วย ซึ่งสงวนไว้สำหรับพระมหากษัตริย์ เท่านั้น *
อ้างอิง
แก้- ↑ "การบรรเลงดนตรีไทยในงานพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-27. สืบค้นเมื่อ 2010-09-05.
- ↑ "การบรรเลงดนตรีไทยในงานพระศพ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-07-19. สืบค้นเมื่อ 2010-09-05.