ภาษีอากรในประเทศเยอรมนี
ภาษีในประเทศเยอรมนี การเรียกเก็บภาษีก่อให้เกิดรายได้ที่สามารถควบคุมงบประมาณของชาติ ทรัพยากรการคลังจะเพิ่มขึ้นจากภาษีที่ถูกใช้จากงานในกองทุนของรัฐบาล แต่กระทรวงการคลังไม่เพียงแต่รับผิดชอบภาษีที่แตกต่างกันและจัดการกับปัญหา หลักในนโยบายภาษี ร่วมกับประเทศสมาชิกอื่นๆในยุโรป กระทรวงทำงานเพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกันระหว่างระบบภาษีที่แตกต่างกันและ ค่าใช้จ่ายทางการเงิน
การจัดเก็บภาษีในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นั้นจะแบ่งการจัดเก็บเป็น 3 ระดับ คือ การจัดเก็บภาษีส่วนรัฐบาลกลาง การจัดเก็บภาษีส่วนมลรัฐและการจัดเก็บภาษีส่วนท้องถิ่น ตามรูปแบบการปกครองของรัฐ โดยจะมีการจัดเก็บภาษีที่แตกต่างกัน ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งรัฐ ที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 106[1] ดังนี้
- 1. รายได้และรายรับจากภาษีอากรต่อไปนี้ที่ให้เป็นของสหพันธ์
- ภาษีศุลกากร
- ภาษีสรรพสามิตที่ไม่เป็นของมลรัฐตามวรรค 2
- ภาษีการโอนกรรมสิทธิ์
- ภาษีการขนส่ง
- ภาษีที่เก็บจากทรัพย์สินแต่ไม่ประจำ ภาษีที่เก็บเพื่อให้เกิดความเสมอภาคในการเสียภาษี
- ภาษีช่วยเบอร์ลินยามฉุกเฉิน
- ภาษีเสริมจากภาษีเงินได้และภาษีเงินได้นิติบุคคล
2. รายได้จากภาษีต่อไปนี้ให้เป็นของมลรัฐ
- ภาษีทรัพย์สิน
- ภาษีมรดก
- ภาษีรถยนต์
- ภาษีที่ไม่เป็นของสหพันธ์ตามวรรค 2
- ภาษีเบียร์
- อากรพนัน
นอก จากรายได้จากการแบ่งสรรภาษีอากรดังกล่าวแล้ว มลรัฐที่มีรายได้จากภาษีอากรน้อยจะได้รับเงินอุดหนุนจากมลรัฐที่มีความมั่ง คงทางการเงินมากกว่า โดยวิธีการแบ่งเบาภาระให้เสมอภาคกันตามนัยที่เรียกกันว่า แนวขวาง และได้รับจากสหพันธ์โดยวิธีการแบ่งเบาภาระให้เสมอภาคกัน ตามที่เรียกว่า แนวตั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจเจริญขึ้นภาษีที่เก็บได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งใน 6 เดือนของปี ค.ศ. 2013 จัดเก็บภาษีทั้งหมดมากกว่า 5.3 ล้านยูโร โดยแบ่งเป็น
- รายได้ของสหพันธ์ 1.3 ล้านยูโร
- รายได้ของมลรัฐ 2.4 ล้านยูโร
- รายได้ของท้องถิ่น 1.1 ล้านยูโร
อ้างอิง
แก้- ↑ รัฐ ธรรมนูญสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน แปลจาก The Basic Law of the Federal Republic of Germany (revised edition : 31 December 1961) by German Information Center