ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ภาษีเงินได้นิติบุคคล (อังกฤษ: corporate tax) คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากรายได้หรือกำไรของนิติบุคคล โดยทั่วไปภาษีประเภทนี้จะถูกเรียกเก็บในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาษีจากรายได้กำไรสุทธิของบริษัท หรือการเรียกเก็บจากรายได้รวมในบางกรณี ภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นส่วนหนึ่งของระบบภาษีที่รัฐบาลของหลายประเทศทั่วโลกนำมาใช้ในการจัดเก็บรายได้
ประเภทของภาษีเงินได้นิติบุคคล
แก้ภาษีเงินได้นิติบุคคลแบ่งออกเป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับเขตอำนาจการจัดเก็บและกฎหมายของแต่ละประเทศ โดยทั่วไปแล้วจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักคือ
- ภาษีจากกำไร – เก็บจากกำไรสุทธิหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายดำเนินการ ดอกเบี้ย และภาษีอื่น ๆ
- ภาษีจากรายได้รวม – บางประเทศอาจเก็บภาษีจากรายได้รวมก่อนหักค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งอาจมีการลดหย่อนภาษีบางประการในกรณีที่มีการลงทุนที่ส่งเสริมเศรษฐกิจ
กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
แก้กฎหมายที่ควบคุมการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยบางประเทศอาจมีอัตราภาษีแบบก้าวหน้า สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้สูง ในขณะที่บางประเทศอาจใช้ระบบอัตราภาษีคงที่ นอกจากนี้ ยังมีข้อตกลงระหว่างประเทศที่ช่วยลดการเก็บภาษีซ้ำซ้อนหรือข้อตกลงการยกเว้นภาษีสำหรับรายได้จากต่างประเทศ[1]
ในประเทศไทย ภาษีเงินได้นิติบุคคล เรียกเก็บจากรายได้หรือกำไรสุทธิของนิติบุคคลตามกฎหมาย โดยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยได้ระบุรายละเอียดในประมวลรัษฎากร นิติบุคคลที่มีหน้าที่จ่ายภาษีได้แก่ บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด และองค์กรอื่น ๆ ที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย
อัตราภาษีในแต่ละประเทศ
แก้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลในแต่ละประเทศแตกต่างกัน โดยประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ เช่น ไอร์แลนด์ และ สิงคโปร์ มักจะดึงดูดการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติ ขณะที่บางประเทศเช่น ฝรั่งเศส และ สหรัฐอเมริกา อาจมีอัตราภาษีสูงกว่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการคลังของแต่ละประเทศ[2]
อัตราภาษีแบบพิเศษ
แก้ในบางประเทศ อาจมีอัตราภาษีพิเศษสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ เช่น อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมโทรคมนาคม หรืออุตสาหกรรมการธนาคาร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีรายได้สูงและมีกำไรเป็นจำนวนมาก รัฐบาลบางแห่งอาจกำหนดอัตราภาษีที่สูงขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมเหล่านี้เพื่อสร้างรายได้ให้แก่รัฐ
ภาษีระหว่างประเทศ
แก้การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในระหว่างประเทศนั้นเป็นหัวข้อที่ซับซ้อน เนื่องจากบริษัทข้ามชาติมักจะมีรายได้จากหลายประเทศ ซึ่งทำให้การกำหนดสถานที่เก็บภาษีเป็นเรื่องท้าทาย บางประเทศมีกฎหมายภาษีที่ช่วยป้องกันไม่ให้บริษัทข้ามชาติลดภาษีด้วยการย้ายรายได้ไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำ ปัญหานี้นำไปสู่การเจรจาระหว่างประเทศเพื่อสร้างกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น ข้อตกลงระหว่างประเทศเรื่องการเก็บภาษี และ ฐานภาษีเดียวกัน
การลดหย่อนภาษีและสิทธิพิเศษทางภาษี
แก้หลายประเทศมีมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับบริษัทที่มีการลงทุนในโครงการที่สำคัญ เช่น การวิจัยและพัฒนา (R&D) หรือการส่งเสริมการจ้างงาน บริษัทที่มีส่วนร่วมในโครงการเหล่านี้อาจได้รับการลดหย่อนภาษีหรือสิทธิพิเศษทางภาษีเพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ
ภาษีนิติบุคคลในประเทศไทย
แก้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
แก้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยแบ่งออกเป็นหลายประเภทขึ้นอยู่กับประเภทของนิติบุคคลและรายได้ที่ได้รับ โดยอัตราภาษีทั่วไปสำหรับบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยคือ 20% ของกำไรสุทธิ อย่างไรก็ตาม มีอัตราภาษีที่ต่ำกว่าสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยอัตราภาษีสำหรับ SMEs ที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 300,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี และรายได้สุทธิที่เกินกว่านี้จะถูกเก็บภาษีตามอัตราขั้นบันได[3]
การลดหย่อนภาษี
แก้รัฐบาลไทยมีนโยบายลดหย่อนภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาทางเศรษฐกิจในบางพื้นที่และบางอุตสาหกรรม เช่น เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี นอกจากนี้ บริษัทที่มีการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) หรือการจ้างงานบุคลากรผู้เชี่ยวชาญอาจได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี[4]
การจัดเก็บภาษีระหว่างประเทศ
แก้ในประเทศไทยมีข้อตกลงเรื่องการป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อน (Double Taxation Agreement: DTA) กับหลายประเทศ เพื่อช่วยลดปัญหาภาระภาษีที่นิติบุคคลต้องจ่ายในหลายประเทศสำหรับรายได้เดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการควบคุมการโอนกำไรข้ามประเทศ (Transfer Pricing) เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีผ่านการย้ายรายได้ไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ