ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 35:
กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ที่ 1 ทรงพยายามอย่างมากที่จะให้พระเชษฐาองค์ใหญ่คือ [[พระเจ้าอีริคที่ 4 แห่งเดนมาร์ก|พระเจ้าอีริคที่ 4 ผู้รีดไถเงิน]] ได้รับ[[การประกาศเป็นนักบุญ]] และทรงปล่อยให้การปลงพระชนม์กษัตริย์อีริค เป็นแผนการของ[[พระเจ้าอเบลแห่งเดนมาร์ก]] พระเชษฐาองค์รองผู้ล่วงลับ หากสมเด็จพระสันตะปาปาทรงยอมรับการเป็นนักบุญนี้ ก็จะเป็นการยอมรับผลพวงของคดีการฆาตกรรม ที่จะทำให้ตัดทายาทของกษัตริย์อเบลออกจากสายการสืบราชบัลลังก์ และจะเป็นการสร้างหลักประกันการสืบราชบัลลังก์ของพระราชโอรสในกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ นั่นหมายความว่า พระโอรสวัยเยาว์ของกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์จะสามารถรับตำแหน่งประมุขแห่งเดนมาร์กแทนพระโอรสของอดีตกษัตริย์อเบลซึ่งมีสิทธิ์ในบัลลังก์มากกว่า ส่วนอดีตกษัตริย์อีริคที่ 4 ก็มีเพียงแต่พระราชธิดา การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิม
 
กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ทรงใช้เวลาเกือบทั้งรัชกาลในการต่อสู้กับศัตรูมากมาย พระองค์ทรงให้พระโอรสของอดีตกษัตริย์อเบลคือ [[เจ้าชายวัลเดมาร์ที่ 3 ดยุกแห่งชเลสวิก|เจ้าชายวัลเดมาร์ อเบลเซน]] สืบตำแหน่ง[[ดยุกแห่งชเลสวิก]] เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง แต่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องของการวางอุบายและการทรยศหักหลัง ทางใต้ของคาบสมุทรจัตแลนด์ได้แก่ [[ดัชชีชเลสวิช]]และ[[ฮ็อลชไตน์]]เป็นอิสระต่ออำนาจพระมหากษัตริย์มาเป็นเวลานาน กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจคือ [[อาร์กบิชอปแห่งลุนด์]]คนใหม่ คือ [[จาค็อบ เออลันด์เซน]] ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชสกุลสายกษัตริย์อเบล และได้รับการสนับสนุนจาก[[เม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์|สมเด็จพระพันปีหลวงเม็ชทิลท์]] พระมเหสีในอดีตกษัตริย์อเบล เออลันด์เซนอ้างสิทธิ์ที่เขาควรได้รับบ่อยครั้งจนขัดแย้งกับกษัตริย์ กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ทรงยืนยันว่าศาสนจักรต้องจ่ายภาษีเหมือนเจ้าของที่ดินรายอื่นๆ บิชอปจาค็อบปฏิเสธและเรื่องราวเลยเถิดไปถึงการสั่งห้าม[[ชาวนา]]ที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่ทรัพย์สินของโบสถ์เข้ารับราชการทหารในกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ เออลันด์เซนอาจจะเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในราชอาณาจักร และยืนยันหนักแน่นว่ารัฐบาลฆราวาสไม่มีอำนาจควบคุมหรือยึดทรัพย์สินของคริสตจักร หรือควบคุมบุคลากรทางศาสนา เขาได้ประกาศ[[การตัดขาดจากศาสนา|ปัพพาชนียกรรม]]พระมหากษัตริย์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาจะไม่ยอมจำนนต่อเจตจำนงของพระมหากษัตริย์
 
หลังจากเกิดการรุกราน[[ฮัลลันด์]]โดย[[พระเจ้าโฮกุนที่ 4 แห่งนอร์เวย์]] ในปีค.ศ. 1256 กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ได้ประนีประนอมกับกษัตริย์[[นอร์เวย์]]และ[[สวีเดน]] หลังจากเคยได้รับการยั่วยุจากอดีตกษัตริย์อเบล มีการจลาจลลุกฮือต่อต้านกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ในปีเดียวกัน และเกิดการลุกฮืออีกครั้งในปีค.ศ. 1258 อันเป็นผลมาจากนโยบายภาษีทรัพย์สินใหม่ของกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ อาร์กบิชอปจาค็อบปฏิเสธที่จะรับรอง เจ้าชายอีริค พระราชโอรสของกษัตริย์ ในฐานะผู้มีสิทธิโดยชอบธรรมของราชอาณาจักรเดนมาร์กในปีค.ศ. 1257 และเขาได้ข่มขู่ที่จะคว่ำบาตรบิชอปคนหนึ่งคนใดที่ประกอบพิธีเจิมให้เจ้าชายเป็นพระมหากษัตริย์ สิ่งนี้เป็นฟางเส้นสุดท้าย พระองค์ทรงมีพระบรมราชโองการให้น้องชายของเออลันด์เซนเองทำการจับกุมอาร์กบิชอปผู้สร้างปัญหานี้ กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ได้ทำลายอำนาจและความหยิ่งผยองของอาร์กบิชอปด้วยการบังคับให้เขาสวมชุดฆราวาสและสวมหมวกคนโง่โดยมีหางของสุนัขจิ้งจอกติดอยู่ พระองค์ทรงสั่งให้แห่อาร์กบิชอปไปทั่วประเทศไปยังฮาเก็นสกอฟ ใกล้เมือง[[เอสเซนส์, เดนมาร์ก|เอสเซนส์]] ที่ซึ่งเขาถูกล่ามโซ่ และจับเข้าคุก เออลันด์เซนเคยมีคำสั่งในสภาศาสนจักรเมือง[[ไวเล]]ว่า ถ้าเขาถูกจับกุมให้เหล่าบิชอปประกาศต่อต้านทั่วประเทศ แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำตาม [[เปเดอ แบง]] [[บิชอปแห่งรอสคิลด์]] หลบหนีไปยัง[[รือเกิน]]และเขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้[[ยาโรมาร์ที่ 2 เจ้าชายแห่งรือเกิน]]ยกกองทัพบุก[[เกาะเชลลันด์]]<ref>[[Arild Huitfeldt|Huitfeldt, Arild]]. Danmark's Riges Krønike</ref>
 
กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์พยายามที่จะให้อดีตกษัตริย์อีริคที่ 4 พระเชษฐาได้รับการประกาศเป็นนักบุญให้จงได้ แต่เมื่อไม่มีการสนับสนุนจากอาร์กบิชอปจาค็อบ ความพยายามของพระองค์ก็ไร้ผล เมื่อดยุกวัลเดมาร์ พระนัดดาและเป็นพระโอรสในอดีตกษัตริย์อเบลสิ้นพระชนม์โดยไร้ทายาท กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ทรงพยายามกีดกันไม่ให้พระอนุชาของดยุกวัลเดมาร์คือ [[เจ้าชายอีริคที่ 1 ดยุกแห่งชเลสวิก|เจ้าชายอีริค อเบลเซน]] สืบตำแหน่งดยุกต่อ สมเด็จพระพันปีหลวงเม็ชทิลท์ พระมเหสีในอดีตกษัตริย์อเบลทรงปลุกระดมให้เหล่าเคานท์ในเยอรมนีตอนเหนือก่อกบฏ เพื่อปกป้องตำแหน่งให้พระโอรส ในความสับสนวุ่นวายนี้ กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ที่ 1 ทรงหลบหนีไปยังจัตแลนด์ตอนใต้และประทับอยู่กับ[[บิชอปแห่งรีเบ]]
 
กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ที่ 1 เสด็จสวรรคตโดยไม่มีผู้ใดคาดคิด ขณะทรงประกอบ[[พิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์]] ตามหลักฐานร่วมสมัยบันทึกว่า กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ที่ 1 สวรรคตหลังจากทรงดื่มไวน์ที่มีพิษจากพิธีรับอาหารจากพระเจ้า ที่ถือโดยเจ้าอาวาสอาร์นฟาสท์แห่ง[[อารามรืด]] เพื่อเป็นการแก้แค้นที่พระองค์ปฏิบัติไม่ดีต่ออาร์กบิชอปเออลันด์เซนและการกดขี่ศาสนจักรโดยพระมหากษัตริย์ การคว่ำบาตรกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ไม่มีผลอะไร และพระบรมศพได้ถูกฝังที่แท่นบูชาใหญ่ของ[[มหาวิหารรีเบ]]ทันทีหลังจากพระองค์สวรรคตในวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1259 พระองค์อาจสวรรคตด้วยสาเหตุธรรมชาติ แต่พันธมิตรของพระองค์ให้สมัญญานามว่า "ไคร์ซ-ออฟเฟอร์" (''Krist-offer''; "ผู้สละชีพของพระคริสต์") พระราชโอรสของพระองค์ได้สืบราชบัลลังก์ต่อเป็น [[พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก]]