ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
คุณากฤด (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Oong (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 45:
เมื่อมีพระชนมายุได้ประมาณ ๑๗ พรรษา จากหลักฐานที่ปรากฏพระองค์ทรงเป็นเจ้านายชั้น "ลูกหลวง" พระองค์ที่สอง<ref>พระองค์แรก คือ พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าทักษิณชานราธิราชบุตรี</ref>ที่ได้ถวายตัวเป็นพระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และภายหลังพระองค์เจ้าสุขุมาลฯทรงมีพระประสูติกาล[[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร|สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร]]ในปี ๒๔๒๐ ซึ่งทรงเป็นเจ้าฟ้าชั้นเอก (ชั้นทูลกระหม่อม) พระองค์แรกที่มีพระชนม์<ref>เพราะสมเด็จเจ้าฟ้าชาย พระราชกุมารซึ่งประสูติแต่พระองค์เจ้าทักษิณชาฯในปี ๒๔๑๕ นั้นสิ้นพระชนม์แต่แรกประสูติ พระองค์เจ้าทักษิณชาฯพระชนนีทรงได้รับความกระทบกระเทือนพระทัยอย่างใหญ่หลวงจนเสียพระสติวิปลาสไป</ref> พระองค์จึงได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาเป็น '''พระนางเธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี''' ทรงรับพระราชทานเครื่องอิสริยยศราชูปโภคลงยาราชาวดี นับว่าเป็นพระมเหสีพระองค์แรกที่มีการเฉลิมพระนามและพระอิสริยยศอย่างเป็นทางการในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
หลังจากพระองค์มีพระประสูติกาล [[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต|สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต]] พระองค์ทรงได้รับการเลื่อนพระยศเป็น "'''พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี'''" โดยมีพระบรมราชโองการให้แปลพระนามาภิไธยเป็นภาษาอังกฤษว่า "Her Royal Highness the Princess Consort" (หรือบางครั้งทรงใช้ Her Royal Highness Phra Nang Chao Phra Raj Dhevi) และทรงดำรงฐานันดรศักดิ์นี้จนสิ้นรัชกาลโดยพระองค์มีพระฐานะเป็นพระมเหสีลำดับสาม รองจากสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี(อันที่จริงรองจากตำแหน่งสมเด็จพระบรมราชเทวี ยังมีสมเด็จพระอัครราชเทวี และพระวรราชเทวี อยู่อีกสองตำแหน่งก่อนจะถึงพระราชเทวี ดังนั้นจริงๆแล้วต้องทรงเป็นพระมเหสีลำดับห้า แต่ทว่าขณะนั้น ทั้งตำแหน่งสมเด็จพระอัครราชเทวีและพระวรราชเทวีนั้น ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง หลังจากที่พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระอัครราชเทวี และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถตามลำดับแล้วนั้น ทั้งสองตำแหน่งเลยว่างอยู่ ดังนั้นพระราชเทวีจึงทรงอยู่ในพระฐานะพระมเหสีลำดับสามในขณะนั้น และจนตลอดรัชกาลที่๕)ปล.ที่บอกว่าทั้งสองตำแหน่งนั้นยังเป็นตำแหน่งที่มีอยู่ เพียงแต่ว่างอยู่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเท่านั้นเพราะว่า ในรัชกาลที่๖ ก็ได้ทรงโปรดเกล้าฯสถาปนากุลสตรีท่านหนึ่งขึ้นเป็นพระมเหสีชั้นพระวรราชเทวี และในรัชกาลที่๗ก็ทรงเลื่อนพระอิสริยยศพระนางเจ้าฯพระราชเทวีในรัชกาลที่๕ ขึ้นเป็นสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯ พระอัครราชเทวีในรัชกาลนั้นด้วย ซึ่งเป็นการยืนยันถึงการมีอยู่ของพระมเหสีทั้งสองตำแหน่งได้เป็นอย่างดี
 
=== พระปิตุจฉาในรัชกาลที่ ๖ และ ๗ ===