ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดิว่านลี่"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 34:
== เหตุการณ์ในรัชสมัย ==
[[ไฟล์:Golden Crown Replica of King Wanli.jpg|200px|left|thumb|มงกุฎทองคำของจักรพรรดิว่านลี่]]
เมื่อพระราชบิดาสวรรคตลงในปี ค.ศ. 1572 (พ.ศ. 2115) องค์ชายจูอี้จุน ขณะนั้นพระชนม์เพียง 9 พรรษา เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น [[จักรพรรดิว่านลี่]] อำนาจทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่[[ จักรพรรดินีเสี่ยวติง พระพันปีหลวง|ไทเฮาเสี่ยวติง]] ซึ่งเป็นพระราชมารดาของพระองค์ ซึ่งได้ให้มหาอำมาตย์[[จาง จวีเจิ้ง]]เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และขันทีฝงเฝิงเป่าขึ้นเป็นมหาขันที โดยให้ทั้งสองถือเป็นพระอาจารย์ของจักรพรรดิว่านลี่
 
ขณะที่ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงว่านลี่เป็นเด็กเฉลียวฉลาดและเป็นที่เชื่อฟังพระเสาวนีย์ของ[[ จักรพรรดินีเสี่ยวติง พระพันปีหลวง|พระพันปีหลวง ]]
และเป็นศิษย์ที่ดีของพระอาจารย์ ด้วยการชี้นำของจางจวีเจิ้ง ทำให้แผ่นดินมีความมั่นคงอย่างมาก เงินในท้องพระคลังมีมากมายมหาศาล แต่เมื่อพระองค์ว่านลี่ทรงเจริญพระชันษาขึ้น ทรงเริ่มมีการเบื่อหน่ายในราชการแผ่นดิน ทำพระองค์เสเพล สรรหาแต่ความรื่นเริง จนถึงขนาดที่เกือบจะถูก[[จักรพรรดินีเสี่ยวติง พระพันปีหลวง|สมเด็จพระพันปีหลวง]]ถอดจากราชบัลลังก์ แต่ได้จางจวีเจิ่งและเฝิงเป่าช่วยทูล[[จักรพรรดินีเสี่ยวติง พระพันปีหลวง|พระพันปีหลวง]]จนคลายพิโรธ ตั้งแต่นั้นจักรพรรดิว่านลี่จึงเริ่มไม่พอใจแก่จางจวีเจิ้งและเฝิงเป่า เนื่องจากว่านลี่รู้สึกว่าทั้งสองมีอำนาจเหนือพระองค์ ขันทีจางจิงประจำพระองค์ จึงยั่วยุพระองค์ให้โค่นกลุ่มอำนาจของจางจวีเจิ้ง ในช่วงเวลาที่จางจวีเจิ้งป่วยหนัก ทรงรับสั่งให้หมอหลวงไปดูอาการ แต่ด้วยให้ยาผิดชนิด ทำให้ทรุดหนักลงจนอสัญกรรมในที่สุด ในปีที่ 10 ของรัชกาล
ทรงพิโรธถึงกับจะถอดจักรพรรดิว่านลี่ออกจากฮ่องเต้ แต่ด้วยจางจวีเจิ่งและฝงเป่าช่วยทูลแก่[[จักรพรรดินีเสี่ยวติง พระพันปีหลวง|สมเด็จพระพันปีหลวง]] จึงทรงคลายพิโรธลง ตั้งแต่นั้นจักรพรรดิว่านลี่จึงเริ่มมีความไม่พอใจแก่จางจวีเจิ้ง และฝงเป่า ที่พระองค์รู้สึกเหมือนว่ามีอำนาจเหนือพระองค์ ขันทีประจำพระองค์จางจิงได้ยั่วยุพระองค์ให้โค่นกลุ่มอำนาจของจางจวีเจิ้งจนพระองค์ทรงเชื่อ ในช่วงเวลาที่จางจวีเจิ้งป่วยหนัก ได้มีรับสั่งให้หมอหลวงไปดูอาการ แต่ด้วยให้ยาผิดชนิด ทำให้ทรุดหนักลงจนอสัญกรรมในที่สุด ในปีที่ 10 ของรัชกาล
 
เนื่องด้วยแม้ว่าจางจวีเจิ้งจะถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว แต่ยังมีมหาขันทีฝงเฝิงเป่าที่เป็นขันทีของ[[จักรพรรดินีเสี่ยวติง พระพันปีหลวง|สมเด็จพระพันปีหลวง]] กุมอำนาจฝ่ายในอยู่ และมีอิทธิพลล้นฟ้า ด้วยการคงอยู่ของฝงเป่า ฝงเป่าทำให้ยังเป็นที่กังวลพระราชหฤทัย เมื่อสบโอกาส จึงให้จางจิงและมหาอำมาตย์คนใหม่ออกอุบายขอทหารตามหัวเมืองเข้ามาในปักกิ่ง เนื่องจากแม่ทัพในปักกิ่งล้วนรับพระบัญชาของคำสั่งจาก[[จักรพรรดินีเสี่ยวติง พระพันปีหลวง|สมเด็จพระพันปีหลวง]] และฝงเป่าเฝิงเป่า ในตองกลางคืน ทหารจากหัวเมืองได้เข้าล้อมจวนของมหาขันที มีพระราชโองการให้ปลดมหาขันทีฝงเป่าเฝิงเป่า และให้ย้ายไปดูแลพระราชวังเก่าที่[[นานกิง]]แทน ในการนี้ให้จางจิงขึ้นเป็นมหาขันทีแทนฝงเป่าเฝิงเป่า เมื่อสิ้นเสี้ยนหนาม จึงได้รับสั่งให้ประหารคนในตระกูลจางจวีเจิ้งทั้งหมด ด้วยเหตุช่วงเวลาที่รุ่งเรืองในรัชสมัยของพระองค์จึงสิ้นสุดลง และเริ่มเข้าสู่ยุคเสื่อมของราชวงศ์หมิงสู่การเสื่อมสลาย
ในรัชกาลของพระองค์ได้มี[[บาทหลวง]]คณะ[[เยซูอิต]]เข้ามาที่[[ต้าหมิง]] เพื่อเผยแผ่ศาสนา ในรัชกาลของพระองค์ ตรงกับรัชกาล[[พระเจ้าซอนโจ]] กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่ง[[ราชวงศ์โชซอน]] ได้ส่งทูตเข้ามาขอกำลังทหารไปช่วยรบกับ[[ญี่ปุ่น]]