ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การรบที่เมืองรุมเมืองคัง"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 16:
| combatant4 =
| commander1 = [[มังสามเกียด]]<br>[[สิริสุธรรมราชาแห่งเมาะตะมะ|พระสังขทัต]]<br>[[พระนเรศวร]]<br>[[นรธาเมงสอ|นรธามังช่อ]]
| commander2 =
| commander3 =
| commander4 =
บรรทัด 28:
}}
'''การรบที่เมืองรุมเมืองคัง''' เป็นผลมาจากการสวรรคตของ[[พระเจ้าบุเรงนอง]] พระมหากษัตริย์พม่า ทำให้เมืองรุมเมืองคังกระด้างกระเดื่องต่อพม่า พม่าต้องการปราบปรามเพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่ประเทศราชอื่น ๆ [[พระเจ้านันทบุเรง]] ทรงจัดให้เจ้านายพม่าและ[[พระนเรศวร]]เข้าตีเมืองรุมเมืองคังคนละวัน เจ้านายพม่าทั้ง
== การรบ ==
กองทัพพระมหาอุปราชา ทำการเข้าตีวันแรกในตอนกลางคืนก็ถูกฝ่ายข้าศึกผลักก้อนศิลาลงมาทับผู้คนล้มตายเป็นอันมาก มิอาจจะเข้าตีต่อไปได้ ในที่สุดต้องถอยทัพกลับลงมายังค่ายเชิงเขา▼
พ.ศ. 2124 ([[พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)]] คลาดเคลื่อนเป็น พ.ศ. 2110) เมื่อพระเจ้าบุเรงนองสวรรคต พระเจ้านันทบุเรงขึ้นครองราชย์แทน เจ้าเมืองรุมเมืองคังได้กระด้างกระเดื่องแข็งเมืองต่อหงสาวดี พระเจ้านันทบุเรงจึงโปรดฯ ให้จัดทัพ[[มังกยอชวา|พระมหาอุปราชา]] ทัพ[[สิริสุธรรมราชาแห่งเมาะตะมะ|พระสังขทัต]] ทัพพระเจ้าเชียงใหม่[[นรธาเมงสอ|นรธามังช่อ]] และทัพพระนเรศวร ไปปราบเมืองรุมเมืองคัง เมื่อเสด็จไปถึงเมืองรุมเมืองคัง ทั้ง 4 พระองค์ปรึกษาว่ามีไพร่พลมากนัก จะสับสนวุ่นวายได้ พระนเรศวรจึงเสด็จไปเมืองแขวง[[อัตตะปือ|อัตตะปือ]]
กองทัพพระสังขทัต ทำการเข้าตีวันที่สอง เกิดการรบพุ่งกันเป็นสามารถ แต่ฝ่ายข้าศึกอยู่บนที่สูง ชัยภูมิมั่นได้ผลักก้อนศิลาลงมาถูกรี้พลพระสังขทัตล้มตายเป็นอันมาก จะขึ้นหักเอามิได้ ก็ต้องถอยทัพกลับลงมาเช่นกัน▼
▲วันจันทร์ เดือน 5 ขึ้น 5 ค่ำ กองทัพพระมหาอุปราชา
▲วันอังคาร เดือน 5 ขึ้น 6 ค่ำ กองทัพพระ
วันพุธ เดือน 5 ขึ้น 7 ค่ำ กองทัพพระเจ้าเชียงใหม่[[นรธาเมงสอ|นรธามังช่อ]] ทำการเข้าตีวันที่สาม ไม่สามารถเข้าตีได้ ต้องถอยทัพกลับมา
วันพฤหัสบดี เดือน 5 ขึ้น 8 ค่ำ กองทัพพระนเรศวรกลับมาจากเมืองอัตตะปือ ได้ให้ระดมยิงปืนนกสับต้องข้าศึกที่ผลักก้อนศิลาล้มตายจำนวนมาก ผลักศิลาลงมาไม่ได้ พลทหารปีนขึ้นไปรบฆ่าข้าศึกตายจำนวนมาก สามารถจับตัวเจ้าเมืองรุมเมืองคังมาถวายพระเจ้าหงสาวดีได้<ref>พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. ISBN 978-616-7146-08-9</ref>
[[พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ฉบับตัวเขียน]] และ[[พระราชพงศาวดาร ฉบับหมอบรัดเล]]กล่าวต่างไปว่า พระนเรศวรให้พลปืนปีนขึ้นเขาแซงทั้ง 2 ข้าง แล้วให้ทหารอยู่บริเวณตีนเขาห่างๆ ทำการโห่ร้อง ชาวเมืองรุมเมืองคังผลักกลิ้งก้อนศิลาลงมาไม่โดน พลปืนที่ปีนขึ้นมาก็ระดมยิงใส่ชาวเมืองรุมเมืองคังตายเป็นจำนวนมาก ได้เมืองรุมเมืองคังเวลาเช้าสามโมงจับตัวเจ้าเมืองรุมเมืองคังมาถวายพระเจ้าหงสาวดีได้ พระเจ้านันทบุเรงพระราชทานพานทองคำใส่ภูษา 1 องค์ หนักห้าชั่งจำหลักเปนรูปเทวดาแก่พระนเรศวร และไม่ได้กล่าวถึงเรื่องพระนเรศวรเสด็จไปเมืองอัตตะปือกับเรื่องกองทัพพระเจ้าเชียงใหม่ที่มารบเมืองรุมเมืองคัง<ref>ศานติ ภักดีคำ. พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ฉบับตัวเขียน. พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ตรวจสอบชำระจากเอกสารตัวเขียน. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง, 2558. 558 หน้า. หน้า (35)-(50). ISBN 978-616-92351-0-1 [จัดพิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศลในการพระราชทานเพลิงศพพระธรรมปัญญาบดี (ถาวร ติสฺสานุกโร ป.ธ.๔)]</ref><ref>https://vajirayana.org/พระราชพงษาวดารกรุงเก่า-ฉบับหมอบรัดเล/๖</ref>
==เรื่องพระสังขทัต==
ในพงศาวดารไทยในตอนศึกเมืองรุมเมืองคัง ได้กล่าวถึงกองทัพของพระสังขทัตที่ยกมาตีเมืองรุมเมืองคัง ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงว่าเป็นใครมาจากไหน [[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ]]ทรงสันนิษฐานว่าคือโอรสพระเจ้านันทบุเรงที่ได้เป็นพระเจ้าแปร ต่อมาทรงเปลี่ยนสันนิษฐานเป็น[[นะฉิ่นเหน่าง์]]ในพระนิพนธ์หนังสือ[[ไทยรบพม่า]] และในหนังสือพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำให้เชื่อกันว่าพระสังขทัตคือนะฉิ่นเหน่าง์ แต่จากพงศาวดารเกตุมดีตองอูราชวงศ์ (Ketumadi Toungoo Yazawin ကေတုမတီ တောင်ငူ ရာဇဝင်) ระบุว่านะฉิ่นเหน่าง์มีอายุได้ 13 ปีในสงครามยุทธหัตถี<ref>Sein Lwin Lay, Kahtika U (2006). Mintaya Shwe Hti and Bayinnaung: Ketumadi Taungoo Yazawin (in Burmese) (2nd printing ed.). Yangon: Yan Aung Sarpay.</ref> เมื่อเทียบกับช่วงเวลาในศึกเมืองรุมเมืองคัง นะฉิ่นเหน่าง์จะมีอายุประมาณ 2-3 ปี ทำให้พระสังขทัตไม่น่าจะเป็นคนเดียวกันกับนะฉิ่นเหน่าง์
ปัจจุบันมีการสันนิษฐานว่าพระสังขทัตควรเป็น[[สิริสุธรรมราชาแห่งเมาะตะมะ|พระเจ้าเมาะตะมะสิริสุธรรมราชา]] พระราชโอรสของ[[พระเจ้าบุเรงนอง]]กับ[[พระนางราชเทวีแห่งหงสาวดี|พระนางราชเทวี]] ซึ่งมีพระนามเดิมว่า'''สังฆทัตถ''' (သင်္ဃဒတ္ထ) หรือ '''สังฆาทัตถ''' (သင်္ဃာ ဒတ္ထ)<ref> Royal Historical Commission of Burma (1829–1832). Hmannan Yazawin (in Burmese). 1–3 (2003 ed.). Yangon: Ministry of Information, Myanmar.</ref> อันมีความใกล้เคียงกับชื่อพระสังขทัตในพงศาวดารไทยมาก
==ในหลักฐานพม่าและจีน==
ศึกเมืองรุมเมืองคังปรากฏเฉพาะในพงศาวดารฝ่ายไทย ไม่ปรากฏในพงศาวดารพม่า ในพงศาวดารพม่ามีเหตุการณ์ที่คล้ายกันคือ ในพ.ศ. 2125 เจ้าฟ้าไทใหญ่เมืองจันตา (ปัจจุบันอยูในเขตใต้คงและเป่าซาน มณฑลยูนนาน) และเมืองสองสบ (ปัจจุบันอยู่ใกล้กับเมืองก๋อง รัฐกะชีน) ไม่ยอมส่งบรรณาการให้พม่า หนีไปตั้งหลักที่เมืองจันตา (盏达) ในเขตใต้คง [[มณฑลยูนนาน]] พระเจ้านันทบุเรงจึงให้[[ตะ
==เมืองรุมเมืองคัง==
ปัจจุบันยังไม่ทราบว่าเมืองรุมเมืองคังอยู่ที่ไหน [[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ]]และ[[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์]] ทรงสันนิษฐานว่าเมืองรุมเมืองคังอาจเป็นเมืองเดียวกับเมืองก๋อง (မိုးကောင်း) ใน[[รัฐกะชีน]] ซึ่งยังไม่ปรากฏหลักฐาน เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ตามหลักฐานพม่าและจีนแล้ว เมืองรุมเมืองคังอาจจะเป็นเมืองในกลุ่มหัวเมืองไทใหญ่ในยูนนานก็เป็นได้
ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) กล่าวว่าสมเด็จพระนเรศวรทรง "เสด็จไปเถิงเมืองล้านช้างแล้วเสด็จไปเถิงอัตปือแดนเมืองจาม"<ref>พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. ISBN 978-616-7146-08-9</ref> ปล่อยให้กองทัพที่เหลือตีเมืองรุมเมืองคัง เมื่อสมเด็จพระนเรศวรเสด็จกลับมาจึงยกทัพไปเมืองรุมเมืองคัง จึงสันนิษฐานว่าเมืองรุมเมืองคังอาจจะเป็นเมืองใน[[ลาว]]ก็เป็นได้ == อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
{{กรุงศรีอยุธยา}}
|