ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดอนัลด์ ทรัมป์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Heartusa (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Heartusa (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 22:
| signature_alt = Donald J Trump stylized autograph, in ink
}}
'''ดอนัลด์ จอห์น ทรัมป์''' ({{lang-en|Donald John Trump}}; เกิด 14 มิถุนายน ค.ศ. 1946) เป็นอดีต[[ประธานาธิบดีสหรัฐ]]คนที่ [[รายนามประธานาธิบดีสหรัฐ|45]] และยังเป็น[[นักธุรกิจ]], พิธีกรรายการโทรทัศน์<ref>{{Cite web|title=Donald Trump|url=https://www.biography.com/us-president/donald-trump|website=Biography|language=en-us}}</ref> และ[[นักแสดง]]รับเชิญใน[[ภาพยนตร์]]หลายเรื่อง และ เป็น[[ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร]]ของบริษัททรัมป์ออร์กาไนเซชัน ผู้พัฒนา[[อสังหาริมทรัพย์]]ใน[[สหรัฐ|สหรัฐอเมริกา]] ทรัมป์ยังเป็นผู้ก่อตั้งทรัมป์เอนเตอร์เทนเมนต์รีสอร์ตเตอร์เทนเมนต์[[สถานพักตากอากาศ|รีสอร์ต]] ที่มีกิจการ[[กาสิโน]]และ[[โรงแรม]]หลายแห่งทั่วโลก<ref>{{Cite web|title=The Trump Organization {{!}} Luxury Real Estate Portfolio|url=https://www.trump.com/|website=www.trump.com|language=en}}</ref> และด้วยการใช้ชีวิตที่หรูหรา<ref>https://edition.cnn.com/2021/04/07/politics/donald-trump-forbes-billionaires/index.html</ref>และการพูดจาที่โผงผางทำให้เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงและได้รับการจับตามองจากสื่อมากที่สุดคนหนึ่งในโลก<ref>{{Cite news|date=2021-03-01|title=Donald Trump's life story: From hotel developer to president|language=en-GB|work=BBC News|url=https://www.bbc.com/news/world-us-canada-35318432|access-date=2021-05-24}}</ref> อีกทั้งยังส่งผลให้เขาประสบความสำเร็จในรายการ[[เรียลลิตี้โชว์]]ทางช่อง[[เอ็นบีซี]] ภายใต้ชื่อ ''[[The Apprentice (US TV series)|The Apprentice]]'' (ที่ซึ่งเขารับตำแหน่งพิธีกรและผู้อำนวยการสร้างควบคู่กัน)
 
ทรัมป์เกิดและเติบโตใน[[นครนิวยอร์ก]] เขาเป็นบุตรคนที่ 4 ใน จำนวน 5 คนของ[[เฟรด ทรัมป์]] เศรษฐีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใน[[นครนิวยอร์ก]] เขาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากพ่อของเขาในเป้าหมายของอาชีพการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์<ref name="bio">{{cite web|title=Donald (John) Trump biography |work=biography.com |url=http://www.biography.com/search/article.do?id=9511238 |accessdate=2008-07-06 |archive-url=https://web.archive.org/web/20090108145719/http://www.biography.com/search/article.do?id=9511238 |archive-date=2009-01-08}}</ref> และเมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนธุรกิจวอร์ตันแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ในปี ค.ศ. 1963 ดอนัลด์ ทรัมป์ได้เข้าร่วมบริษัททรัมป์ออร์กาไนเซชันของผู้เป็นพ่อ เริ่มงานโดยการปรับปรุงโรงแรมคอมมอดอร์เป็นแกรนด์ไฮแอตต์กับครอบครัวพริตซ์เกอร์ เขายังคงดำเนินงานทรัมป์ทาวเวอร์ใน[[นครนิวยอร์ก|นิวยอร์ก]] และหลายโครงการที่พักอยู่อาศัย ต่อมาทรัมป์ยังขยับขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมการบิน<ref name="WashPost">{{cite web | work=[[The Washington Post]] | title=The Art of the Greater Fool: How the Shuttle Business Got Grounded | url=http://pqasb.pqarchiver.com/washingtonpost/access/74738263.html?dids=74738263:74738263&FMT=ABS&FMTS=ABS:FT&date=SEP+24%2C+1991&author=ALLAN+SLOAN&pub=The+Washington+Post&desc=The+Art+of+the+Greater+Fool%3A+How+the+Shuttle+Business+Got+Grounded&pqatl=google | accessdate=2008-05-22}}</ref> และธุรกิจ[[กาสิโน]]แอตแลนติกซิตี รวมถึงการซื้อทัชมาฮาลคะซีโน จากครอบครัวครอสบี แต่ก็ประสบกับภาวะล้มละลาย ข่าวส่วนมากในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 ของเขามักเกี่ยวกับด้านปัญหาการเงิน
 
ในปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 หลังจากฟื้นด้านธุรกิจและชื่อเสียง ในปี ค.ศ. 2001 เขาสร้างทรัมป์เวิลด์ทาวเวอร์สำเร็จ เป็นอาคารที่อยู่อาศัย 72 ชั้น อยู่ตรงข้าม[[สำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ]]<ref name="Emporis">{{cite web |publisher= [[Emporis]] | url=http://www.emporis.com/en/wm/bu/?id=100377 | title=Trump World Tower| accessdate=2008-05-22}}</ref> เขายังเริ่มสร้างทรัมป์เพลซ กลุ่มอาคารหลายหลังริม[[แม่น้ำฮัดสัน]] นอกจากนี้ทรัมป์ยังเป็นเจ้าของพื้นที่การค้าใน ทรัมป์อินเตอร์แนชชันแนลโฮเตลแอนด์ทาวเวอร์ อาคาร 44 ชั้น (โรงแรมและ[[อาคารชุด]]รวมกัน) ทรัมป์เป็นเจ้าของพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ใน[[แมนแฮตตัน]]หลายล้านตารางฟุต<ref>{{cite web |publisher= [[Forbes]] | url=http://www.forbes.com/2006/09/20/trump-wealth-biz_06rich400_0921trump.html| title=What is Trump Worth?| accessdate=2008-07-04|archiveurl=http://archive.is/7ibA|archivedate=2012-12-08}}</ref>จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลสำคัญทางด้านอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาและเป็นคนมีชื่อเสียงสำคัญกับสื่อมวลชน ทรัมป์ยังเป็นเจ้าของกิจการการประกวด[[นางงามจักรวาล]] และ ได้ยึดอาชีพทางธุรกิจรวมทั้งงานบันเทิงมาตลอดหลายสิบปีก่อนที่จะประกาศเจตนารมณ์ของตนเองอย่างชัดเจนต่อสาธารณะว่าเขาจะลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีใน ค.ศ. 2016
บรรทัด 30:
ทรัมป์ชนะ[[การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2559|การเลือกตั้งเป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016]] โดยชนะ[[ฮิลลารี คลินตัน]] คู่แข่งจาก[[พรรคเดโมแครต]] ด้วยวัย 70 ปี ทรัมป์เป็นบุคคลอายุมากที่สุด (ในขณะนั้น) และมีทรัพย์สินมากที่สุดที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นบุคคลแรกที่ไม่เคยรับราชการทหารหรือข้าราชการมาก่อน และเป็นบุคคลที่สี่ที่ได้รับเลือกตั้งโดยไม่ได้คะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งข้างมากทั่วประเทศ ทรัมป์กล่าวข้อความเท็จหรือชักจูงให้เข้าใจผิดหลายครั้งทั้งก่อนดำรงตำแหน่งและในตำแหน่ง ซึ่งมีผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงบันทึกไว้ และสื่ออธิบายปรากฏการณ์นี้อย่างกว้างขวางว่าไม่เคยมีมาก่อนในการเมืองสหรัฐ ความเห็นและการกระทำหลายอย่างของเขามีลักษณะแบบ[[คตินิยมเชื้อชาติ|นิยมเชื้อชาติ]]
 
แนวนโยบายของทรัมป์เน้นการเจราความสัมพันธ์สหรัฐ–[[ประเทศจีน|จีน]]และ[[ความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ|ความตกลงการค้าเสรี]]ใหม่ เช่น [[ความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ|นาฟตา]]และ[[ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก]] การบังคับใช้กฎหมายการเข้าเมืองอย่างแข็งขัน การสร้างกำแพงใหม่ตามชายแดนสหรัฐ–[[ประเทศเม็กซิโก|เม็กซิโก]] [[จุดยืนทางการเมืองของดอนัลด์ ทรัมป์|จุดยืนอื่นของเขา]]ได้แก่การมุ่งอิสระทางพลังงานขณะที่ค้านข้อบังคับ[[การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ]]อื่น เช่น แผนพลังงานสะอาดและ[[ความตกลงปารีส]] ปฏิรูปกิจการทหารผ่านศึก แทนที่[[รัฐบัญญัติการบริบาลที่เสียได้]] (Affordable Care Act) การเลิกมาตรฐานการศึกษาคอมมอนคอร์ (Common Core) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การลดความยุ่งยากของประมวลรัษฎากร (ประมวลกฎหมายภาษี) ขณะที่ลด[[ภาษี]]แก่บุคคลธรรมดาและ[[นิติบุคคล]] และกำหนดภาษีนำเข้าต่อบริษัทที่จ้างงานนอกประเทศทำให้เกิด[[สงครามการค้าจีน–สหรัฐ|สงครามการค้ากับประเทศจีน]] ทรัมป์ส่งเสริมแนวนโยบายต่างประเทศที่ไม่แทรกแซงเสียส่วนใหญ่ ขณะที่เพิ่มรายจ่ายทางทหาร "การตรวจสอบภูมิหลังเต็มที่" ของคนเข้าเมืองมุสลิมเพื่อป้องกันการก่อการร้าย[[ศาสนาอิสลาม|อิสลาม]]ในประเทศ รับรองเยรูซาเล็ม[[เยรูซาเลม]]เป็นเมืองหลวงของ[[ประเทศอิสราเอล|อิสราเอล]] และถอนทหารสหรัฐออกจากภาคเหนือของ[[ประเทศซีเรีย|ซีเรีย]] เขาพบกับ[[คิม จ็อง-อึน]] ผู้นำเกาหลีเหนือสามครั้ง แต่การเจรจาเรื่องลด[[อาวุธนิวเคลียร์]]ล้มเหลว นักวิชาการและนักวิจารณ์อธิบายจุดยืนของทรัมป์ว่าเป็น[[ประชานิยม]] [[ลัทธิคุ้มครอง]]และ[[ชาตินิยม]]
 
ภายหลังทรัมป์ปลดเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการ[[เอฟบีไอ]]ใน ค.ศ. 2017 [[กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ|กระทรวงยุติธรรม]]แต่งตั้งรอเบิร์ต มอลเลอร์เป็นที่ปรึกษาพิเศษในการสืบสวนเรื่องการประสานงานหรือความเชื่อมโยงระหว่างการรณรงค์ทรัมป์และรัฐบาลรัสเซียเกี่ยวกับ[[การแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐของรัสเซีย พ.ศ. 2559]] และประเด็นที่เกี่ยวข้อง ผลการสอบสวนระบุว่าทรัมป์และคณะรณรงค์หาเสียงของเขาต้อนรับและส่งเสริมการแทรกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งนั้น แต่ไม่พบหลักฐานเพียงพอตั้งข้อหาสมคบคิดหรือร่วมมือกับ[[ประเทศรัสเซีย|รัสเซีย]] มอลเลอร์ยังสอบสวนทรัมป์ฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งรายงานของเขาสรุปโดยไม่ได้ฟ้องคดีอาญาอุกฉกรรจ์หรือว่าเขาพ้นจากความรับผิดในข้อหานั้น หลังทรัมป์ร้องขอให้ยูเครนสอบสวน[[โจ ไบเดน]] คู่แข่งทางการเมืองของเขา สภาผู้แทนราษฎรดำเนินกระบวนพิจารณาและลงมติให้ถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 ฐานละเมิดอำนาจและขัดขวางรัฐสภา แต่วุฒิสภาลงคะแนนเสียงว่าทรัมป์ไม่มีความผิดทั้งสองข้อหาในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020
บรรทัด 37:
 
== ประวัติและชีวิตช่วงต้น ==
ทรัมป์เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1946 ที[[ควีนส์]], [[รัฐนิวยอร์ก]] เขาเป็นบุตรคนที่สี่จากทั้งหมดจำนวนห้าคน พ่อของทรัมป์ชื่อ เฟเดอริก คริส ''เฟรด'' ทรัมป์ (1905 -1999) และแม่ แมรี่ แอนนี่ ทรัมป์ (1912 - 2000)<ref>{{cite news|url=http://abcnews.go.com/US/page?id=13248168 |title=Donald Trump Birth Certificate |author=New York City Department of Health |date=June 14, 1946 |publisher=[[ABC News]] |format=PDF |archiveurl=https://web.archive.org/web/20160512232306/http://abcnews.go.com/US/page?id=13248168 |archivedate=May 12, 2016 |deadurl=no |accessdate=November 26, 2016 |df=mdy }}</ref><ref>{{cite news |url=http://www.foxnews.com/projects/pdf/20110328125536753.pdf |title=Certificate of Birth: Donald John Trump |author=Jamaica Hospital |date=June 14, 1946 |publisher=[[Fox News Channel]] |format=PDF |archiveurl=https://web.archive.org/web/20110409070650/http://www.foxnews.com/projects/pdf/20110328125536753.pdf |archivedate=April 9, 2011 |deadurl=no |accessdate=May 31, 2016}}</ref> ทรัมป์ยังมีพี่น้องทางสายเลือด แมรี แอนนี , เฟรด จูเนียร์ , แอลิซาเบธ และ โรเบิร์ต เฟรด จูเนียร์ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตเสียชีวิตปี 1981 จากแอลกอฮอลล์ ซึ่งทรัมป์กล่าวว่านั้นเป็นสาเหตุทำให้เลิกแอลกฮอลล์รวมทั้ง[[แอลกอฮอล์|แอลกอฮอลล์]]รวมทั้ง[[บุหรี่]]ด้วย<ref>{{cite news |last=Horowitz |first=Jason |date=January 2, 2016 |title=For Donald Trump, Lessons From a Brother's Suffering |url=http://www.nytimes.com/2016/01/03/us/politics/for-donald-trump-lessons-from-a-brothers-suffering.html |newspaper=[[The New York Times]] |access-date=July 24, 2016}}</ref> ทรัมป์ไม่ชอบการจับมือ หรือ Shake hand เมื่อสถานการณ์บังคับให้ต้องมีการจับมือ ทรัมป์จะใช้เทคนิคในการดึงเอาตัวของฝ่ายตรงข้ามให้เข้ามาใกล้กับตัวเขา
 
=== บรรพบุรุษ ===
ทรัมป์มีบิดาที่มีเชื้อสาย[[ประเทศเยอรมนี|เยอรมัน]] และมารดาเชื้อสาย[[ประเทศสกอตแลนด์|สก็อตแลนด์]] แม่ของทรัมป์และรวมทั้งปู่ย่าตายายเกิดใน[[ทวีปยุโรป|ยุโรป]] ปู่ยาตายายของทรัมป์เป็นผู้อพยพมายัง คาลล์ชตัดท์ , เยอรมนี และพ่อของทรัมป์ที่เป็นนักอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์ก เกิดใน [[ควีนส์]]<ref name=dad>{{cite news|last=Blair|first=Gwenda|date=August 24, 2015|title=The Man Who Made Trump Who He Is|url=http://www.politico.com/magazine/story/2015/08/the-man-who-made-trump-who-he-is-121647|newspaper=Politico|accessdate=July 24, 2016}}</ref><ref>{{cite news|date=August 9, 2000|title=Mary MacLeod Trump Philanthropist, 88|url=http://www.nytimes.com/2000/08/09/nyregion/mary-macleod-trump-philanthropist-88.html|newspaper=[[The New York Times]]|type=Obituary|accessdate=May 12, 2016}}</ref> ส่วนแม่ของทรัมป์อพยพเข้านิวยอร์กในวันเกิดของเธอ จากหมู่บ้าน Tong เกาะเลวิส [[สก็อตแลนด์]] <ref name=Pilon>{{cite news|title=Donald Trump's Immigrant Mother|first=Mary|last=Pilon|date=June 24, 2016|work=[[The New Yorker]]|url=http://www.newyorker.com/news/news-desk/donald-trumps-immigrant-mother}}</ref> เฟรดและแมรี่พบกันในนิวยอร์กทั้งคู่ตกลงแต่งงานกันในปี 1936 และอพยพครอบครัวไปยังเมืองควีนส์<ref name=Pilon/><ref>{{cite news|title=The Ancestral German Home of the Trumps|first=Sally|last=McGrane|date=April 29, 2016|work=[[The New Yorker]]|url=http://www.newyorker.com/culture/culture-desk/the-ancestral-german-home-of-the-trumps}}</ref>
 
จอห์น เค ทรัมป์ ลุงของทรัมป์ เป็นอาจารย์ใน[[สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์]]ระหว่างปี ค.ศ. 1936 ถึง ค.ศ. 1973 ลุงของทรัมป์มีส่วนคิดค้นเรดาร์ให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] และคิดค้นเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อช่วยผู้ป่วย[[มะเร็ง|โรคมะเร็ง]] ในปี 1943 [[สำนักงานสอบสวนกลาง]]มีคำสั่งให้จอห์น ทรัมป์ ตรวจสอบกระดาษและอุปกรณ์ของ[[นิโคลา เทสลา]] เมื่อครั้งที่นิโคลาเสียชีวิตในห้องของเขาที่โรงแรมนิวยอร์กเกอร์ (New Yorker Hotel)<ref>{{cite news|last=Davidson|first=Amy |date=April 8, 2016 |title=Donald Trump's Nuclear Uncle|url=http://www.newyorker.com/news/amy-davidson/donald-trumps-nuclear-uncle|newspaper=[[The New Yorker]]|accessdate=July 24, 2016}}</ref> เฟดริก ทรัมป์ ปู่ของทรัมป์ เปิดร้านอาหารใน[[ซีแอตเทิล]]และครอนไลค์ ([[ประเทศแคนาดา|แคนาดา]])<ref>{{cite news|title=Donald Trump's grandfather ran Canadian brothel during gold rush|url=http://www.cbc.ca/news/canada/trump-canada-yukon-1.3235254|publisher=[[CBC News]]|accessdate=December 10, 2015|date=September 19, 2015}}</ref>ครอบครัวทรัมป์แรกเริ่มนับถือนิกาย[[ลูเทอแรน]] แต่พ่อแม่ของทรัมป์นับถือนิกาย[[คริสตจักรปฏิรูป]]<ref>Blair, Gwenda (2001). ''The Trumps: Three Generations of Builders and a Presidential Candidate'' (1st ed.). Simon & Schuster. pp. 28–29, 453; ISBN 9780743210799.</ref> ครอบครัวทรัมป์แรกเริ่มสะกดชื่อสกุลว่า ''Drumpf'' แต่ถูกเปลี่ยนเป็น ''Trumps'' ในช่วง[[สงครามสามสิบปี]] ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17<ref name="blair">{{cite book|last=Blair|first=Gwenda|title=The Trumps: Three Generations That Built an Empire|publisher=Simon & Schuster|location=New York|date=2001|page=26|isbn=978-0-7432-1079-9}}</ref> ทรัมป์กล่าวเขารู้สึกภูมิใจสำหรับการมีเชื้อสายจากเยอรมัน และเคยเป็นผู้นำขบวนพาเหรดออเคสต้าปี[[ออร์เคสตรา]]ปี 1999 German-American Steuben Parade นครนิวยอร์ก<ref>{{cite news|url=http://www.cnn.com/2015/08/24/politics/donald-trump-immigrant-wives|title=Donald Trump's Immigrant Wives|date=August 24, 2015|accessdate=September 3, 2015|first=Chris|last=Frates|publisher=CNN}}</ref>
 
=== การศึกษา ===
[[ไฟล์:Donald Trump NYMA.jpg|thumbnail|ดอนัลด์ ทรัมป์ ขณะกำลังเข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยนิวยอร์ก ช่วงฤดูใบไม้ผลิ 1964]]
ทรัมป์จบการศึกษาโรงเรียน The Kew-Forest School ในวัย 13 เขาสมัครโรงเรียนนายร้อยนิวยอร์ก<ref>{{cite news|last1=Strauss|first1=Valerie|title=Yes, Donald Trump really went to an Ivy League school|url=https://www.washingtonpost.com/news/answer-sheet/wp/2015/07/17/yes-donald-trump-really-went-to-an-ivy-league-school|accessdate=February 27, 2016|newspaper=The Washington Post|date=July 17, 2015}}</ref> ที่คอร์นวอลล์ รัฐนิวยอร์ก ทรัมป์ศึกษาที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดัมใน[[เดอะบร็องซ์]] เป็นเวลาสองปี หลังจากนั้นในเดือนสิงหาคม 1964 ทรัมป์ย้ายไปศึกษาที่[[มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย]]ใน[[ฟิลาเดลเฟีย]] ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่สอนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เป็นแห่งแรก ๆ ในสหรัฐอเมริกา<ref name="Blair2005">{{cite book|first=Gwenda|last=Blair|title=Donald Trump: Master Apprentice|url=https://books.google.com/books?id=AiFeQZhakXQC&pg=PA16|year=2005|publisher=Simon and Schuster|isbn=978-0-7432-7510-1|pages=16–}}</ref><ref name="auto">{{cite news|first=Matt|last=Viser|title=Even in college, Donald Trump was brash|date=August 28, 2015 |website=[[Boston Globe]]|url=https://www.bostonglobe.com/news/nation/2015/08/28/donald-trump-was-bombastic-even-wharton-business-school/3FO0j1uS5X6S8156yH3YhL/story.html}}</ref> ขณะนั้น เขาทำงานในบริษัทของครอบครัว Elizabeth Trump & Son โดยชื่อบริษัทตั้งจากชื่อย่าของทรัมป์ เขาจบการศึกษาจาก[[ฟิลาเดลเฟีย]]ในพฤษภาคม 1968 ปริญญา[[วิทยาศาสตรบัณฑิตศาสตรบัณฑิต]]ด้านเศรษฐกิจ<ref name="auto" /><ref>{{cite web|title=The Best Known Brand Name in Real Estate|date=Spring 2007|website=[[The Wharton School]] |url=https://www.wharton.upenn.edu/wp-content/uploads/125anniversaryissue/trump.html}}</ref><ref>{{cite web|url=http://www.archives.upenn.edu/primdocs/upg/upg7/upg7_1968.pdf|title=Two Hundred and Twelfth Commencement for the Conferring of Degrees|publisher=University of Pennsylvania|date=May 20, 1968|archiveurl=https://web.archive.org/web/20160719213709/http://www.archives.upenn.edu/primdocs/upg/upg7/upg7_1968.pdf|archivedate=July 19, 2016|deadurl=y}}</ref> ทรัมป์ไม่ได้เกณฑ์ทหารในช่วง[[สงครามเวียดนาม]]<ref name="defer">{{cite news |url=http://www.cbsnews.com/news/donald-trump-avoided-vietnam-with-deferments-records-show|title=Donald Trump avoided Vietnam with deferments, records show|date=April 29, 2011|publisher=[[CBS News]]|author=Montopoli, Brian|accessdate=July 17, 2015}}</ref> เขาได้รับการผ่อนผัน[[การเกณฑ์ทหาร|เกณท์ทหาร]] 4 ครั้ง<ref>{{Cite news|url=http://www.latimes.com/politics/la-na-pol-donald-trump-military-20160803-snap-htmlstory.html|title=How deferments protected Donald Trump from serving in Vietnam|last=Lee|first=Kurtis|date=August 4, 2016|newspaper=Los Angeles Times|issn=0458-3035|accessdate=August 4, 2016}}</ref> ในปี 1966 เขาได้รับการตรวจสอบทางการแพทย์ซึ่งมีความสำคัญที่จะทำให้เขาสามารถบรรจุเป็นทหารเกณฑ์ ปี 1968 ได้รับการตัดสินโดยคณะกรรมการท้องถิ่นซึ่งมีมติให้ผ่อนผัน ในตุลาคม 1968<ref name="Whitlock21July">{{cite news|url=https://www.washingtonpost.com/world/national-security/questions-linger-about-trumps-draft-deferments-during-vietnam-war/2015/07/21/257677bc-2fdd-11e5-8353-1215475949f4_story.html|title=Questions linger about Trump's draft deferments during Vietnam War|last=Whitlock|first=Craig|date=July 21, 2015|work=[[The Washington Post]]}}</ref> ในบทสัมภาษณ์ชีวประวัติของทรัมป์ ปี 2015 เขาให้เหตุผลว่าที่เขาได้ใบผ่อนผันจากแพทย์เนื่องจากเขามีอาการปวดส้นเท้า<ref name="Whitlock21July">{{cite news|url=https://www.washingtonpost.com/world/national-security/questions-linger-about-trumps-draft-deferments-during-vietnam-war/2015/07/21/257677bc-2fdd-11e5-8353-1215475949f4_story.html|title=Questions linger about Trump's draft deferments during Vietnam War|last=Whitlock|first=Craig|date=July 21, 2015|work=[[The Washington Post]]}}</ref>.<ref>{{cite web|url=https://www.nytimes.com/2015/09/09/us/politics/donald-trump-likens-his-schooling-to-military-service-in-book.html|title=Donald Trump Likens His Schooling to Military Service in Book|first=Michael|last=Barbaro|date=September 8, 2015|publisher=|via=NYTimes.com}}</ref>
 
=== สุขภาพ ===
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์และบุหรี่รวมทั้ง[[สารเสพติด|สิ่งเสพติด]]ทุกประเภท เขามีพฤติกรรมการนอนหลับพักผ่อนที่น้อยมากในแต่ละวัน โดยเฉลี่ยเขาจะ[[การหลับ|นอน]]เพียง 4-5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น<ref>https://www.sleepadvisor.org/donald-trump-sleep/</ref> โดยให้เหตุผลว่าการนอนมากเกินไปทำให้เสียเวลาและโอกาสในการทำเรื่องสำคัญในชีวิตและเขาไม่ค่อย[[การออกกำลังกาย|ออกกำลังกาย]]เท่าไรนักเนื่องจากคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
 
== ครอบครัวและชีวิตสมรส ==
[[ไฟล์:Donald Trump and Melania Trump at Liberty Ball Inauguration 2017.jpg|thumb|left|ดอนัลด์ ทรัมป์ และ เมลาเนีย ทรัมป์ ในงานเลี้ยงฉลองภายหลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปี 2020|335x335px]]
 ดอนัลด์ ทรัมป์ ได้สมรสกับ Ivana Zelníčková นางแบบสาวชาวเช็ก ในปี ค.ศ 1977<ref>https://www.townandcountrymag.com/trump-family-news/</ref> ทั้งสองมีบุตรด้วยกันทั้งหมด 3 คน ได้แก่ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์, [[อิวานกา ทรัมป์|อิวานก้า ทรัมป์]], และ อีริค ทรัมป์ ซึ่งต่อมาลูกทั้ง 3 คนก็ได้มรดกจากผู้เป็นพ่อ ด้วยตำแหน่งรองประธานบริษัท Trump Organization ที่ทรัมป์เป็นประธานบริหารมาอย่างยาวนาน ทรัมป์และอิวาน่าหย่าขาดจากกันในปี 1990 และ ต่อมาในปี 1993 ทรัมป์ได้สมรสครั้งที่สองกับ มาร์ล่า เมเปิ้ล และมีบุตรด้วยกัน 1 คนคือ ทิฟฟานี่ ซึ่งตั้งชื่อตามร้านเพชรชื่อดังอย่าง Tiffany & Company ก่อนที่ทั้งสองจะแยกกันอยู่ในปี 1997 และหย่าขาดกันในปี 1999
 
  โดนัลด์ ทรัมป์ พบกับ เมลาเนีย คานอส (Melania Knauss) นางแบบสาวชาว[[ประเทศสโลวีเนีย|สโลเวเนีย]] และทำการหมั้นกันในปี 2004 ก่อนจะเข้าพิธีสมรสในปี 2005 ก่อนที่เมลาเนียจะได้รับสัญชาติอเมริกันในปี 2006 และในเดือนมีนาคมปีเดียวกันนั้นเอง เมลาเนีย ทรัมป์ ก็ได้คลอดบุตรชายนามว่า บาร์รอน ทรัมป์<ref>{{Cite web|title=Donald J. Trump|url=https://www.whitehouse.gov/about-the-white-house/presidents/donald-j-trump/|website=The White House|language=en-US}}</ref> ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งมาจากนามปากกาของดอนัลด์ ทรัมป์ โดยมักปรากฏภาพภรรยาและลูกๆของเขาในการหาเสียงของทรัมป์ในช่วงการเลือกตั้งอยู่เสมอ และ เมลาเนีย ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง[[สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐ|สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา]]อย่างเป็นทางการ ณ วันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2017<ref>https://www.businessinsider.com/trump-family-history-from-immigrants-to-americas-first-family-2020-6</ref>
 
== การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี ==
[[ไฟล์:Donald Trump by Gage Skidmore 5.jpg|thumb|ดอนัลด์ ทรัมป์ ขณะหาเสียง ณ มลรัฐแอริโซน่าในเดือนมีนาคม 2016]]
แม้โพลแทบทุกสำนักต่างรายงานตรงกันว่า ทรัมป์มีแนวโน้มสูงที่จะพ่ายแพ้การเลือกตั้ง โดยโพลต่างระบุว่าตั้งแต่เริ่มต้นการหาเสียงช่วงต้นปีจนกระทั่งถึงการเสร็จสิ้นการดีเบตทั้งสามครั้งกับ [[ฮิลลารี คลินตัน]] คู่แข่งจาก[[พรรคเดโมแครต (สหรัฐ)|พรรคเดโมแครต]] ทรัมป์มีคะแนนตามหลังนางคลินตัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์สามารถชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Make America Great Again" ได้สำเร็จ<ref>{{Cite web|title=2016 presidential election results|url=https://edition.cnn.com/election/2016/results/president|website=edition.cnn.com|language=en}}</ref> ส่งผลให้ในวัย 70 ปี ทรัมป์เป็นบุคคลอายุมากที่สุด (ในขณะนั้น) และมี[[ทรัพย์สิน]]มากที่สุดที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นบุคคลแรกที่ไม่เคยรับราชการทหารหรือข้าราชการมาก่อน และเป็นบุคคลที่สี่ที่ได้รับเลือกตั้งโดยไม่ได้คะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งข้างมากทั่วประเทศ เขาได้รับคะแนนเสียง 63 ล้านเสียง<ref>{{Cite news|date=2016-11-09|title=US election 2016 result: Trump beats Clinton to take White House|language=en-GB|work=BBC News|url=https://www.bbc.com/news/election-us-2016-37920175|access-date=2021-05-24}}</ref> และ เป็นหนึ่งในประธานาธิบดีไม่กี่ท่านของสหรัฐที่พ่ายแพ้คะแนน Popular โหวตแต่สามารถเอาชนะด้วย Electoral vote (ด้วยคะแนน 304 - 227) และ ชนะการเลือกตั้งได้ โดย [[ไมก์ เพนซ์|ไมค์ เพนซ์]] ผู้สมัครชิงตำแหน่งรอง ปธน.สหรัฐฯ ก็ได้ก้าวขึ้นรับตำแหน่ง[[รองประธานาธิบดีสหรัฐ|รองประธานาธิบดี]]อย่างเป็นทางการ ในส่วนของการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภานั้น [[พรรครีริพับลิกัน (สหรัฐ)|พรรคริพับลีกัน]] ชนะได้เสียงข้างมากในวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 47 เสียง ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น ผลปรากฏว่า พรรครีริพับลีกัน สามารถครองเสียงข้างมากในสภาด้วยคะแนนเสียง 232 ต่อ 175 เสียง
 
== นโยบายขณะดำรงตำแหน่ง ==
 
=== 100 วันแรก ===
ดอนัลด์ ทรัมป์ ประกาศถอนสหรัฐออกจาก ''TPP (ข้อตกลงการค้าในภาคพื้นแปซิฟิก)'' ซึ่งปัจจุบันมีประเทศสมาชิกอยู่ด้วยกันทั้งหมด 12 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 40 ของเศรษฐกิจโลกทั้งหมด โดยทรัมป์ต้องการให้สหรัฐเป็นมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่จำเป็นต้องอิงกับใครในการพัฒนาเศรษฐกิจ<ref>{{Cite news|date=2017-01-24|title=Trump executive order pulls out of TPP trade deal|language=en-GB|work=BBC News|url=https://www.bbc.com/news/world-us-canada-38721056|access-date=2021-05-24}}</ref> และ ให้คำมั่นจะสร้างงานให้ชาวอเมริกันอย่างมั่นคงอีกครั้ง เขายืนยันว่าตัวเลขประชาชนผู้ตกงานตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาในสหรัฐจะต้องลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในรัฐบาลของเขา โดยมีหลักการเพียงอย่างเดียวคือทำเพื่ออเมริกาให้กลับมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง ทรัมป์และทีมงานจะปรับแก้กฎหมายและสร้างงานให้แก่อเมริกันชนอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น[[อุตสาหกรรม]]การผลิต[[เหล็ก]], [[รถยนต์]] ไปจนถึงยารักษาโรค เป็นต้น ทรัมป์ต้องการให้เกิดกระบวนการผลิตและ[[นวัตกรรม]]ใหม่ๆขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงานที่มากขึ้นแก่[[ชาวอเมริกัน|คนอเมริกัน]] นอกจากนี้ทรัมป์ยังได้เพิ่มงบประมาณทางการทหารมากขึ้นถึง 10% จากรัฐบาลของ[[บารัก โอบามา|โอบามา]]<ref>https://edition.cnn.com/specials/politics/100-days-donald-trump</ref> ต่อมาเมื่อ วันที่ 3 เมษายน 2017 นายฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว ประกาศว่า ประธานาธิบดี ทรัมป์ จะบริจาคเงินเดือนทั้งหมดในช่วงไตรมาสแรก กว่า $78,333.32 ให้กับหน่วยงาน[[อุทยานแห่งชาติ]]เพื่อพัฒนาในฐานะที่เป็นแหล่ง[[การท่องเที่ยว|ท่องเที่ยว]]ระดับโลก ในด้านการต่างประเทศในช่วง 3 เดือนแรกของการดำรงตำแหน่ง ทรัมป์ออกมาเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่ง[[สหประชาชาติ]]ต้องกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือที่แข็งกร้าวมากขึ้น ภายหลังจากเกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และ[[ขีปนาวุธ]] รวมทั้งทำการออกคำสั่งยิงจรวดโจมตีฐานทัพอากาศ Shayrat ในเมืองฮอม ของ[[ประเทศซีเรีย|ซีเรีย]] เพื่อตอบโต้การใช้[[การสงครามเคมี|อาวุธเคมี]]โจมตีเขตพลเรือน
 
=== เศรษฐกิจและสังคม ===
ทรัมป์ประกาศอย่างชัดเจนต่อสาธารณธชนก่อนการเลือกตั้งว่า เขาจะเข้ามาปฏิรูปนโยบายด้านต่างๆที่ [[บารัก โอบามา|บารัค โอบามา]] ได้ทำไว้ และแสดงเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศภายใต้คอนเซ็ปต์ "Make America Great Again" ซึ่งเป็นนโยบายที่ [[โรนัลด์ เรแกน]] อดีตประธานาธิบดีคนที่ 40 เคยใช้หาเสียง<ref>{{Cite web|title=Reagan: 'Making America great' the first time — United States Studies Centre|url=https://www.ussc.edu.au/events/reagan-making-america-great-the-first-time|website=www.ussc.edu.au}}</ref> ตลอดระยะเวลา 4 ปีในการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ เขาให้ความสำคัญกับนโยบายด้านเศรษฐกิจมาก โดยมีการปรับภาษีให้เท่าเทียมกัน และ มีการลดหย่อนภาษีลงอย่างทั่วถึง โดยรวมถึงการลดค่าใช่จ่ายในการเลี้ยงบุตรและค่ารักษาพยาลบาลทั่วไปอีกด้วย ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อลดจำนวนคนว่างงานลงให้มากที่สุด นอกจากนี้ทรัมป์ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นประธานาธิบดีที่ให้ความใส่ใจกับยโยบายด้านการควบคุมผู้อพยพเข้าประเทศมากที่สุดท่านหนึ่ง เขาให้ความเข้มงวดเรื่องนี้มากเนื่องจากต้องการผลักดันกฎหมายแรงงานให้ชาวอเมริกันสิทธิ์มากกว่าชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ ซึ่งจุดนี้จะเป็นการรับประกันเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวอเมริกันได้ รวมถึงการประกันรายได้การมีงานที่ดีรองรับโดยคำถึงถึงสิทธิ์ของคนอเมริกันก่อนเป็นอันดับแรก และ เขาได้มีการเพิ่มมาตรการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดมากเพื่อป้องกันการก่อการร้าย โดยมีเป้าหมายหลักคือการลดจำนวนผู้อพยพจากพรมแดน[[ประเทศเม็กซิโก|เม็กซิโก]]และแถบ[[ลาตินอเมริกา|ละตินอเมริกา]]ลงให้มากที่สุด<ref>{{Cite web|last=U.S|first=Full Bio Follow Linkedin Kimberly Amadeo is an expert on|last2=Economies|first2=World|last3=investing|last4=Analysis|first4=With Over 20 Years of Experience in Economic|last5=Amadeo|first5=business strategy She is the President of the economic website World Money Watch Read The Balance's editorial policies Kimberly|title=The Impact of Donald Trump's Immigration Policies|url=https://www.thebalance.com/donald-trump-immigration-impact-on-economy-4151107|website=The Balance|language=en}}</ref> เขาและภรรยามีการลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหลายครั้งในหลายรัฐทั่วประเทศ และ แสดงจุดยืนในการเสริมสร้างความมั่นใจของประชาชนต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
 
[[ไฟล์:President Trump and the First Lady in El Paso, Texas (48485174852).jpg|thumb|ประธานาธิบดีทรัมป์พร้อมด้วยสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งภริยา และ วุฒิสมาชิก จอห์น คอร์นีย์ ขณะไปเยี่ยมผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงที่ เอล ปาโช่ ในปี 2019 ]]
ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการบังคับใช้กฎหมายการควบคุม[[อาวุธปืน]]โดยทั่วไป<ref>https://www.bbc.com/news/av/world-us-canada-41479161</ref> แม้ว่ามุมมองของเขาจะเปลี่ยนไปบ้างหลังจากเกิดเหตุกราดยิงกันหลายครั้งในระหว่างดำรงตำแหน่ง<ref>https://www.factcheck.org/2019/08/trumps-mixed-record-on-gun-control/</ref> ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะเสนอกฎหมายเพื่อลดความรุนแรงในการใช้ปืน แต่ต่อมาได้ถูกยกเลิกในเดือนพฤศจิกายนปี 2019 ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้แสดงจุดยืนต่อต้านการใช้[[กัญชา]]โดยเพิกถอนนโยบายของโอบามาในยุคที่ให้ความคุ้มครองสำหรับรัฐทีอนุญาตให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย โดยกำหนดโทษถึงประหารชีวิต ทรัมป์อนุมัติการให้มี[[โทษประหารชีวิต|การประหารชีวิต]]โดยรัฐบาลกลางครั้งแรกในรอบหลายปี ภายใต้การบริหารประเทศของทรัมป์รัฐบาลกลางประหารชีวิต[[นักโทษ]]เด็ดขาดรวม 13 ราย มากที่สุดในรอบ 56 ปี ในปี 2017 ทรัมป์กล่าวว่าเขาสนับสนุนการใช้วิธีการทรมานด้วยการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเป็นสิ่งที่พึงกระทำได้ตามกฎหมาย แต่ภายหลังนโยบายดังกล่าวได้ถูกคัดค้านโดย [[เจมส์ แมตทิส]] [[รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ|รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม]]
 
=== ประกันสุขภาพและการศึกษา ===
บรรทัด 79:
 
[[ไฟล์:Kim and Trump shaking hands at the red carpet during the DPRK–USA Singapore Summit.jpg|thumb|left|ดอนัล ทรัมป์ และ คิม จอง อึน ขณะพบกันในการประชุมครั้งแรก ณ โรงแรมคาเปลลา เกาะเซนโตซา สาธารณรัฐสิงคโปร์ วันที่ 12 มิ.ย. 2018]]
ใน ค.ศ. 2017 เมื่อการพัฒนา[[อาวุธนิวเคลียร์]]ของเกาหลีเหนือซึ่งถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยังคงมีแนวโน้มที่จะรุนแรงอย่างต่อเนื่องนั้น ทรัมป์ได้ยกระดับคำสั่งเตือนว่าเกาหลีเหนือจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่กำลังปฏิบัติและเท่ากับเป็นการประกาศตัวเป็นศัตรูต่อเมริกาและชาวโลก ในปลายปี 2017 ทรัมป์ประกาศว่าเขาต้องการให้เกาหลีเหนือ<ref>https://www.pbs.org/newshour/show/trumps-legacy-on-foreign-policy-and-the-challenges-facing-biden</ref> "เลิกใช้นิวเคลียร์โดยสมบูรณ์" และมีส่วนร่วมในการติดต่อกับผู้นำคิมจองอึนเพื่อยุติแผนการดังกล่าว ในห้วงเวลาแห่งความตึงเครียดนี้ทรัมป์และคิมได้แลกเปลี่ยนจดหมายกันอย่างน้อย 27 ฉบับซึ่งทั้งสองคนอธิบายถึงมิตรภาพส่วนตัวที่อบอุ่นและมีแนวโน้มทีจะดีขึ้น โดยคิมได้ยื่นข้อเสนอที่จะพบกับทรัมป์จำนวน 3 ครั้ง<ref>{{Cite web|title=Trump-Kim Summit|url=https://apnews.com/hub/trump-kim-summit|website=AP NEWS}}</ref> ได้แก่: ที่[[ประเทศสิงคโปร์|สิงคโปร์]]ในปี 2018 ใน[[ฮานอย]]ในปี 2019 และในเขตปลอดทหารเกาหลีภายในในปี 2019 โดยทรัมป์ได้กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ได้พบกับผู้นำเกาหลีเหนือและได้เหยียบแผ่นดินเกาหลีเหนือ<ref>{{Cite web|title=Trump meets Kim Jong Un, steps into North Korea|url=https://www.nbcnews.com/politics/donald-trump/trump-kim-jong-un-meet-dmz-n1025041|website=NBC News|language=en}}</ref> ทรัมป์ยังยกเลิก[[การคว่ำบาตร]]บางส่วนที่สหรัฐฯมีต่อเกาหลีเหนือในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตามเกาหลีเหนือมิได้มีการยุติโครงการพัฒนานิวเคลียร์แต่อย่างใด และการเจรจาในเดือนตุลาคม 2019 ก็ล้มเหลวลงในที่สุดหลังจากที่คิมยืนยันว่าเกาหลีเหนือจะไม่ยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์
 
[[ไฟล์:President Trump at the G20 (48144047611).jpg|thumb|ทรัมป์และปูตินในการการประชุมสุดยอด G20 ที่เมืองโอซาก้า ปี 2019]]
ในขณะที่ความสัมพันธ์กับรัสเซียไม่รุนแรงและตึงเครียดเท่าเกาหลีเหนือ ทรัมป์มักกล่าวชื่นชมและไม่ค่อยวิพากษ์วิจารณ์[[ประธานาธิบดีรัสเซีย]] [[วลาดีมีร์ ปูติน|วลาดิเมียร์ ปูติน]] เท่าใดนัก<ref>https://www.bbc.com/news/world-us-canada-48797485</ref> แต่ก็มีการต่อต้านการกระทำบางอย่างของรัฐบาลรัสเซียในบางเหตุการณ์ โดยฝ่ายบริหารของทรัมป์ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯที่บังคับใช้กับรัสเซียหลังจากการผนวก[[ไครเมีย]]ในปี 2014 และ ทรัมป์ยังสนับสนุนให้รัสเซียกลับเข้าสู่การเป็นสมาชิก สู่ ​​[[กลุ่ม 7|G7]]<ref>{{Cite news|date=2020-06-02|title=G7 leaders reject Russia's return after Trump summit invite|language=en-GB|work=BBC News|url=https://www.bbc.com/news/world-us-canada-52885178|access-date=2021-05-24}}</ref> และ ภายหลังจากที่เขาได้พบกับปูตินในการประชุมสุดยอดผู้นำที่[[เฮลซิงกิ]]เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2018 ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์สมาชิกพรรคการเมืองทั้งทางฝั่งริพับลิกันและเดโมแครตในการปฏิเสธการแทรกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 แทนที่จะยอมรับการพิสูจน์เหตุการณ์ดังกล่าวของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯว่ารัสเซียได้ทำการแทรกแซงการเลือกตั้งดังกล่าวจริง
 
=== การรับมือกับไวรัสโคโรนา ===
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 [[ไวรัสโคโรนา]] COVID-19 ได้ระบาดขึ้นใน[[อู่ฮั่น|หวู่ฮั่น]][[ประเทศจีน]]และแพร่กระจายไปทั่วโลกภายในไม่กี่สัปดาห์<ref>{{Cite web|last=Editors|first=History com|title=First confirmed case of COVID-19 found in U.S.|url=https://www.history.com/this-day-in-history/first-confirmed-case-of-coronavirus-found-in-us-washington-state|website=HISTORY|language=en}}</ref> มีรายงานผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับการยืนยันในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 20 มกราคม ปี 2020<ref>{{Cite news|last=Taylor|first=Derrick Bryson|date=2021-03-17|title=A Timeline of the Coronavirus Pandemic|language=en-US|work=The New York Times|url=https://www.nytimes.com/article/coronavirus-timeline.html|access-date=2021-05-24|issn=0362-4331}}</ref> การระบาดของโรคนี้ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโดย Alex Azar [[กระทรวงสาธารณสุข ศึกษาธิการ และสวัสดิการสหรัฐ|รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข]]และการบริการมนุษย์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2020 ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 ทรัมป์กล่าวต่อสาธารณชนว่าการระบาดในสหรัฐอเมริกานั้นร้ายแรงน้อยกว่า[[ไข้หวัดใหญ่]]และอยู่ภายใต้การควบคุม ขอให้ประชาชนมั่นใจเนื่องจากไวรัสนี้จะสิ้นสุดลงในไม่ช้า<ref>{{Cite web|last=Peters|first=Cameron|date=2020-06-08|title=A detailed timeline of all the ways Trump failed to respond to the coronavirus|url=https://www.vox.com/2020/6/8/21242003/trump-failed-coronavirus-response|website=Vox|language=en}}</ref> ในขณะเดียวกันเขากลับกล่าวยอมรับสิ่งที่ตรงกันข้ามออกมาในการสนทนาส่วนตัวกับ บ็อบ วู้ดวาร์ด ในเดือนมีนาคมปี 2020 โดยทรัมป์บอกกับวู้ดวาร์ดเป็นการส่วนตัวว่าเขาจำเป็นต้องให้สัมภาษณ์ในเชิงบวกเพื่อไม่ให้ประชาชนชาวอเมริกันเกิดความตื่นตระหนก ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา การจัดส่ง[[วัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019|วัคซีน]]โควิด-19 ของไฟเซอร์และ BioNTech ล็อตแรกได้เดินทางถึงสหรัฐอเมริกา โดยคนงานจากโรงงาน[[ไฟเซอร์]]เร่งจัดเตรียมวัคซีนให้พร้อมส่งไปยังทั้ง 50 รัฐทั่วประเทศ โดยการจัดซื้อวัคซีนเพื่อระงับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนานี้ถือเป็นผลงานใหญ่โครงการสุดท้ายที่ทรัมป์ได้ฝากไว้แก่ประชาชนก่อนจะส่งมอบอำนาจต่อให้รัฐบาลของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนใหม่
 
เครดิต: ศ.ดร. ประภัสสร์ เทพชาตรี นายกสมาคมอเมริกาศึกษาในประเทศไทย (American Studies Association in Thailand - ASAT), องค์กรวีโอเอ ภาคภาษาไทย
บรรทัด 91:
== การก้าวลงจากตำแหน่ง ==
[[ไฟล์:ElectoralCollege2020 with results.svg|thumb|upright=1.3|ผลการเลือกตั้งทั่วประเทศอย่างเป็นทางการในปี 2020 ซึ่งทรัมป์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไบเดนไปด้วยคะแนน Electoral Vote 232 - 306 ]]
ดอนัลด์ ทรัมป์ ประสบกับความยากลำบากในการหาเสียงและซื้อใจประชาชนใน[[การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2563|การเลือกตั้ง]]สมัยที่สองเป็นอย่างมาก โพลทุกสำนักต่างรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่าเขามีคะแนนตามหลัง โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต มากถึง 10 จุด และ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเท่าไรคะแนนความนิยมของเขาก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและความรุนแรงจากการประท้วงในประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อดีตเจ้าหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญในทำเนียบขาวและในคณะรัฐมนตรีต่างทยอยออกมาพูดถึงทรัมป์ในแง่ลบอย่างมาก ในขณะที่สมาชิกพรรคแทบทุกคนต่างถอดใจว่าเขาจะแพ้การเลือกตั้งอย่างแน่นอน
 
ทรัมป์พ่ายแพ้การเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปี 2020 ส่งผลให้เขาเป็น 1 ใน 6 ประธานาธิบดีสหรัฐที่ไม่สามารถเอาชนะการเลือกตั้งได้เป็นสมัยที่สอง (และถือเป็นคนแรกในรอบ 28 ปีต่อจาก จอร์ช เอช.ดับเบิลยู.บุช)<ref>{{Cite web|title=George H. W. Bush|url=https://www.whitehouse.gov/about-the-white-house/presidents/george-h-w-bush/|website=The White House|language=en-US}}</ref> แม้เขาจะสามารถรักษาฐานเสียงของตนเองไว้ได้ในหลาย[[รัฐของสหรัฐ|มลรัฐ]]<ref>{{Cite web|title=2020 presidential election results|url=https://www.cnn.com/election/2020/results/president|website=www.cnn.com|language=en}}</ref> (โดยเฉพาะรัฐแถบตอนกลางและทางเหนือของประเทศที่ประชากรมีแนวคิด[[อนุรักษนิยม|อนุรักษ์นิยม]]) แต่ก็เสียคะแนนให้แก่ไบเดนในหลายมลรัฐทางภาคตะวันตกและตะวันออกเช่นกัน<ref>https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-politics/trump-lost-2020-election-coronanvirus-pandemic-b1796315.html</ref> โดยจากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่างให้ความเห็นว่า ทรัมป์ล้มเหลวในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา<ref>{{Cite web|last=Westenfeld|first=Adrienne|date=2020-11-16|title=Barack Obama Broke Down Every Way Donald Trump Failed to Handle COVID-19|url=https://www.esquire.com/entertainment/books/a34686511/barack-obama-coronavirus-response-donald-trump/|website=Esquire|language=en-US}}</ref> และ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในด้านสิทธิมนุษยชนและการต่อต้าน[[คตินิยมเชื้อชาติ|การเหยียดผิว]]จาก[[การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์|กรณีการเสียชีวิตของ "จอร์จ ฟลอยด์]]"<ref>{{Cite news|date=2020-07-16|title=George Floyd: What happened in the final moments of his life|language=en-GB|work=BBC News|url=https://www.bbc.com/news/world-us-canada-52861726|access-date=2021-05-24}}</ref> รวมทั้งการประกาศ[[สงครามการค้าจีน–สหรัฐ|สงครามการค้า]] การตั้งกำแพงภาษี กับจีนและคู่ค้าอีกหลายประเทศได้ส่งผลให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจลามไปทั้งโลก<ref>https://claremontreviewofbooks.com/why-trump-lost/</ref> ในขณะที่ประชาชนกว่า 74 ล้านเสียง ที่ยังคงเชื่อมั่นและเทคะแนนให้เขาเนื่องมาจากความมั่นใจในนโยบายทางเศรษฐกิจและการปราบปรามผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย รวมทั้งการแก้ปัญหาภาวะการว่างงานในประเทศ โดย[[รัฐจอร์เจีย]]ได้ประกาศนับคะแนนใหม่ด้วยมือหลังจากผลโหวตสุดท้ายไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์อยู่เพียง 14,000 คะแนน แต่เมื่อมีการนับคะแนนใหม่อย่างเป็นทางการก็ได้รับการยืนยันว่าไบเดนเอาชนะทรัมป์ไปได้ โดยในช่วงแรกของการนับคะแนนรวมทั่วประเทศทรัมป์มีคะแนนนำห่างไบเดนในหลายมลรัฐพอสมควร แต่เมื่อมีการนับบัตรเลือกตั้งทาง[[ไปรษณีย์]] คะแนนของไบเดนก็ตีตื้นขึ้นมาและสามารถเอาชนะไปได้ในหลายมลรัฐ (การเลือกตั้งครั้งนี้เปิดให้มีการลงคะแนนล่วงหน้าทางไปรษณีย์เนื่องจากสถานการณ์โควิด)<ref>{{Cite web|title=2020 presidential election results|url=https://www.cnn.com/election/2020/results/president|website=www.cnn.com|language=en}}</ref>
 
นอกจากนี้ไบเดนยังถือเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ที่ได้รับคะแนนโหวต (Popular Vote) สูงที่สุดในประวัติศาสตร์มากถึง 81 ล้านเสียงอีกด้วย<ref>https://www.nbcnews.com/think/opinion/trump-lost-2020-election-biden-could-he-win-2024-ncna1247805</ref> ทรัมป์ได้ลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ<ref>https://www.bbc.com/news/55730719</ref> เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2021 โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์และปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพิธีสาบานตนของไบเดน และ กมลา แฮร์ริส ปัจจุบันเขาพำนักอยู่ที่ พาล์มบีช (Palm Beach) [[รัฐฟลอริดา]] และ มีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ที่จะลงสมัครเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2024<ref>https://www.usatoday.com/story/news/politics/2021/04/19/donald-trump-again-teases-another-presidential-run-2024/7295093002/</ref><ref>https://www.axios.com/franklin-graham-trump-2024-president-054ab9ca-f55e-4588-baa0-b564cefa0592.html</ref>
 
== โซเชียลมีเดีย ==
ทรัมป์ถือเป็นหนึ่งในบุคคลระดับโลกที่มีชื่อเสียงในด้านการใช้[[สื่อสังคม|โซเชียล มีเดีย]]<ref>https://www.theverge.com/2021/5/4/22419850/donald-trump-social-media-platform-ban-twitter-facebook</ref> โดยเขามีผู้ติดตามจำนวนมากนับตั้งแต่สมัครบัญชี[[ทวิตเตอร์]]ใน ค.ศ. 2009 และ มีจำนวนผู้ติดตามสูงถึง 90 ล้านคนทั่วโลก โดยตลอดระยะเวลา 12 ปี เขาทำการโพสต์ในทวิตเตอร์ไปถึง 57,000 ครั้ง โดยเป็นการโพสต์ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่ง 25,000 ครั้ง<ref>https://www.bbc.com/news/technology-57018148</ref> เขายังชื่นชอบการติดต่อสื่อสารผ่าน [[เฟซบุ๊ก]] โดยมักใช้เป็นพื้นที่ส่วนตัวในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โจมตีคู่แข่งทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่ก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง เช่น บารัก โอบามา และ โจ ไบเดน รวมถึง [[แนนซี เพโลซี]] ประธาน[[สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา]] ผู้ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรัมป์มาตลอดตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่งในช่วงแรก<ref>https://www.bbc.com/news/av/world-us-canada-48386303</ref> บัญชีเฟซบุ๊กของทรัมป์ถูกแบนอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม ปี 2021<ref>https://www.nytimes.com/2021/05/05/technology/facebook-trump-ban-upheld.html</ref>
 
== ความสัมพันธ์กับสื่อ ==
[[ไฟล์:President Trump's First 100 Days- 45 (33573172373).jpg|thumb|ทรัมป์ขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อ ณ ทำเนียบขาวในปี 2017]]
ทรัมป์มีชื่อเสียงในด้านการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมาตลอดหลายปี โดยเฉพาะเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2016 เขามีความสัมพันธ์ในแง่ที่เรียกว่า "ทั้งรักทั้งเกลียด" (Love - Hate relationship) กับสื่อต่างๆทั้งในและต่างประเทศ<ref>https://www.pressgazette.co.uk/trump-vs-media-freedom-of-press-distrust/</ref> เขามักเรียกสื่อที่เขียนข่าวโจมตีเขาในแง่ลบว่าเป็นสื่อจอมลวงโลก (fake news media) และ กล่าวว่าสื่อเหล่านี้เป็นศัตรูต่อประชาชนรวมทั้งประเทศชาติ ในฐานะประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยต่อสาธารณะชนอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการเพิกถอนหนังสือรับรองของนักข่าวที่เขามองว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงไม่สร้างสรรค์<ref>https://www.rutgers.edu/news/how-trump-shaped-media</ref> ทีมกฎหมายของเขาทำการเพิกถอนบัตรประจำตัวของผู้สื่อข่าวประจำ[[ทำเนียบขาว]] 2 คน ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการกระทำดังกล่าว หลายต่อหลายครั้งที่ทรัมป์ถูกโจมตีว่ามักใช้วาจาข่มขู่ผู้สื่อข่าวหลายครั้ง ในช่วงต้นปี 2020 ทีมแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ฟ้องร้องหนังสือพิมพ์เดอะ[[เดอะนิวยอร์กไทมส์|นิวยอร์กไทมส์]] [[เดอะวอชิงตันโพสต์]] และ [[ซีเอ็นเอ็น]]ในข้อหาหมิ่นประมาท ก่อนที่คดีดังกล่าวจะถูกยกฟ้องเนื่องจากศาลเห็นว่าสื่อดังกล่าวไม่มีเจตนาในการดูหมิ่นทรัมป์
 
== วงการมวยปล้ำ ==
ในปี ค.ศ. 2013 [[ดับเบิลยูดับเบิลยูอี]] ได้บรรจุชื่อทรัมป์เข้าสู่[[หอเกียรติยศดับเบิลยูดับเบิลยูอี]]ประจำปี ค.ศ. 2013 ในหมวด Celebrity ([[ผู้มีชื่อเสียง]]ที่ได้รับการจดจำในการมีบทบาทและ / หรือมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับ WWE)<ref>{{cite web |url=http://www.wwe.com/classics/wwe-hall-of-fame/donald-trump-announced-for-wwe-hall-of-fame-26090724 |title=Donald Trump announced for WWE Hall of Fame |first=Ryan |last=Murphy |publisher=[[WWE]]}}</ref> โดยเฉพาะในศึก [[เรสเซิลเมเนีย|WrestleMania]] ครั้งที่ 23 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2007 ซึ่งทรัมป์ได้เป็นแขกรับเชิญในรายการ ณ เวลานั้น ทรัมป์ยังมีสถานะเป็นพิธีกรทีวีและนักธุรกิจซึ่งการมาขึ้นสังเวียนครั้งนั้น เขาได้รับบทบาทเป็นหุ้นส่วนของสมาคม WWE ก่อนจะแตกคอกับ วินซ์ แม็คมาน ประธานบริหาร ทำให้ทั้งคู่มาเผชิญหน้ากันในศึก WrestleMania โดยต่างฝ่ายต่างถือหางนักมวยปล้ำฝั่งละ 1 คน ซึ่ง ทรัมป์ อยู่ฝั่งของ [[บ็อบบี แลชลีย์|บ็อบบี้ แลชลีย์]] ส่วน แม็คมาน เลือก [[อูมาก้ากา]] พร้อมกับมีเดิมพันว่านักมวยปล้ำของใครแพ้ ฝั่งนั้นจะต้องโกนหัวต่อหน้าผู้ชมเต็มสนาม ไฟต์ดังกล่าว นักมวยปล้ำทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือด ขณะที่ ทรัมป์ และ แม็คมาน ก็มีการออกอาวุธใส่กันพอหอมปากหอมคอ ส่วนผลการต่อสู้ปรากฏว่า บ็อบบี้ แลชลีย์ เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะได้สำเร็จ ทำให้ ทรัมป์ และ นักมวยปล้ำคู่ใจจัดการจับแม็คมานโกนหัวกันสดๆบนเวที
 
== ทรัพย์สิน ==
บรรทัด 111:
 
[[ไฟล์:New York City Mai 2009 PD 045.JPG|thumb|ทรัมป์ทาวเวอร์ ตึกระฟ้าหรูหราย่านแมนแฮตตันในนิวยอร์กถือเป็นกิจการหลักที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ ดอนัลด์ ทรัมป์ ]]
อย่างไรก็ตามจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทรัมป์ เปิดเผยว่า อาณาจักรธุรกิจของตนเองได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการล็อกดาวน์เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมีผลต่อรายได้ โดยรายได้จากโรงแรมในเครือของทรัมป์ ทั้งใน[[วอชิงตัน ดี.ซี.|วอชิงตัน]]และ[[ลาสเวกัส]]ลดลงกว่าครึ่ง รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกีฬา[[กอล์ฟ]] จนทำให้รายได้โดยรวมของเขาลดลงจนเหลืออยู่ที่ประมาณ 273-308 ล้านดอลลาร์ ในการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินครั้งสุดท้ายในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ นายทรัมป์ได้ลงรายละเอียดความเสียหายที่เกิดจากโควิด-19 ในตอนที่ธุรกิจท่องเที่ยวมากมายได้รับผลกระทบเนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยว โดยสมัยที่เป็นผู้นำสหรัฐ ทรัมป์ได้ต่อต้านนโยบายที่จะชะลอการแพร่ระบาดผ่านการใส่[[หน้ากากอนามัย]]และยืนยันว่าสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้อย่างปลอดภัย ข้อมูลการเงินที่ครอบคลุมตลอดทั้งปี 2020 จนถึง 20 วันแรกของปี 2021 ชี้ให้เห็นว่า รายได้จากโรงแรมทรัมป์ใน[[วอชิงตัน ดี.ซี.|วอชิงตัน]] ลดลงเหลือ 15.1 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 40.5 ล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อนหน้า<ref>{{Cite web|title=The Trump Organization {{!}} Luxury Real Estate Portfolio|url=https://www.trump.com/|website=www.trump.com|language=en}}</ref> ขณะที่สาขา[[ลาสเวกัส]] ยอดขายที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมลดลงเหลือ 9.2 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 23.3 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า นอกจากนี้ กอล์ฟรีสอร์ตที่เมือง[[ไมแอมี]] ซึ่งเป็นธุรกิจสำคัญอีกแห่งของทรัมป์ ก็มีรายได้ลดลงเหลือ 44 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 77 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ขณะที่สนามกอล์ฟของทรัมป์ ทั้งใน[[ประเทศอังกฤษ|อังกฤษ]]และ[[ประเทศไอร์แลนด์|ไอร์แลนด์]]ก็มีรายได้ลดลงประมาณ 2 ใน 3 ของที่เคยทำได้ในปีก่อนหน้า โดย ข้อมูลจากการจัดอันดับมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Billionaires Index) พบว่า ทรัพย์สินของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลดลงราว 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 21,525 ล้านบาท เหลือ 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 70,725 ล้านบาท หลังก้าวลงจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐ<ref name="bio">{{cite web|title=Donald (John) Trump biography |work=biography.com |url=http://www.biography.com/search/article.do?id=9511238 |accessdate=2008-07-06 |archive-url=https://web.archive.org/web/20090108145719/http://www.biography.com/search/article.do?id=9511238 |archive-date=2009-01-08}}</ref>
 
ที่มา: นิตยสารโพสต์ทูเดย์