ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผู้ใช้:Aj.nattap/การจัดการเรียนรู้"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 262:
<h3><span lang=TH>1.4 ลักษณะของการจัดการเรียนรู้ที่ดี </span></h3>
107%
<span lang="TH">12-13)</span><ref><span lang="TH" style="line-height:
107%">มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยลงกรณ์</span><span lang="TH"> ในพระบรมราชูปถัมภ์ (2557</span>: <span lang="TH">12-13)</span></ref><span lang="TH">มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (2557:
12-13) ได้กล่าวถึงการจัดการเรียนรู้นั้นจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีกระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน
มีจุดประสงค์ในการจัดการเรียนรู้และ<br>
การจัดการเรียนรู้จะประสบผลสำเร็จได้ดี ผู้สอนต้องมีทั้งความรู้และเทคนิคการจัดการเรียนรู้
ซึ่งมีลักษณะการจัดการเรียนรู้ที่ดี ดังนี้</span
<p class=MsoNormal style='margin-left:54.0pt'><span lang=TH>1.
เส้น 341 ⟶ 343:
และฝึกให้ผู้เรียนรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
อีกทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีการวางแผนงานร่วมกับผู้สอน</span></p>
<p class=MsoNormal style='text-indent:54.0pt'> </p>
เส้น 354 ⟶ 348:
<h3><span lang=TH>1.5 องค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้และกระบวนการเรียนรู้</span></h3>
วิวรรธมงคล (</span><span style=
บุมี (2557) </span></span><ref><span lang="TH" style="color:black">กรัณย์พล วิวรรธมงคล (</span><span style="color:black">2553<span lang="TH">) และ ชัยรัตน์ บุมี (2557)</span></span> </ref><span style="color:black"><span lang="TH">กรัณย์พล
วิวรรธมงคล (2553) และ ชัยรัตน์
บุมี (2557) กล่าวถึง </span></span><span lang="TH">องค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนประกอบด้วย
</span>
<p class=MsoNormal style='text-indent:54.0pt'><span lang=TH>1.
เส้น 392 ⟶ 388:
ครูเป็นผู้อํานวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้แก่นักเรียนให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด</span></p>
107%
107%">มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยลงกรณ์</span><span lang="TH">ในพระบรมราชูปถัมภ์ (2557</span>: <span lang="TH">12-13), ศุภลักษณ์ ทองจีน (2558<
107%">มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยลงกรณ์</span><span lang="TH">ในพระบรมราชูปถัมภ์ (2557</span>: <span lang="TH">12-13), ศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: 25-26<span lang="TH">) และวิทยา พัฒนเมธาดา (</span>2560: <span lang="TH">ออนไลน์) กล่าวว่า ผู้สอนเป็นผู้ที่มีความสำคัญในการที่จะแปลมาตรฐานการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ที่เป็นตัวหนังสือให้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม
นำสนใจ และมีกระบวนการเรียนรู้หลากหลายวิธีอย่างอิสระ
จะต้องรู้จักเลือกปรับปรุงเทคนิคและวิธีการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้
เส้น 402 ⟶ 397:
และเนื้อหาในแต่ละเรื่อง เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้ ดังนั้น
ในการสอนแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาวิชาใดก็ตาม
ควรจะมีองค์ประกอบพื้นฐานของกระบวนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 3 ประการ ดังนี้</span
<p class=MsoNormal style='text-indent:54.0pt'><span lang=TH>1. ผู้เรียน ธรรมชาติของผู้เรียนเป็นสิ่งที่ผู้สอนจะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก
เส้น 450 ⟶ 445:
<h2>2<span lang=TH>. ทฤษฎีการเรียนรู้</span></h2>
ความคิด คนสามารถ เรียนได้จาก<br>
การได้ยินการสัมผัส การอ่าน การใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเด็กและผู้ใหญ่จะต่างกัน
เส้น 462 ⟶ 457:
จากมุมมองของนักจิตวิทยาในเรื่องการเรียนรู้แต่ง ต่างกัน จึงทำให้ทฤษฎีการเรียนรู้ขึ้นมาหลายทฤษฎี
ซึ่งในแต่ละทฤษฎีจะมีแนวคิดและกระบวนการเรียนรู้แตกต่างกันไป (ศุภลักษณ์ ทองจีน,
2558: 8)</span><ref><span lang="TH">(ศุภลักษณ์ ทองจีน, 2558</span>: 8<span lang="TH">)</span></ref><span lang="TH">(ศุภลักษณ์ ทองจีน,
2558: 8)</span> <span lang="TH">ทั้งนี้ผู้เขียนขอนำเสนอทฤษฎีการเรียนรู้ </span>3 <span lang="TH">กลุ่ม คือ 1) ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม 2) ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มปัญญานิยม
และ 3) ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม</span
<h3><span lang=TH>2.1 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม (</span>Behaviorist)</h3>
เส้น 471 ⟶ 466:
(</span>Classical Conditioning<span lang=TH> </span>Theory of Learning) </b></p>
209<span lang="TH">)</span><ref><span lang="TH">ศศิธร เวียงวะลัย (2556</span>: 209<span lang="TH">)</span></ref><span lang="TH">ศศิธร เวียงวะลัย (2556:
209) กล่าวว่า ทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไแบบคลาสสิก <br>
เป็นแนวคิดของพาฟลอฟ (</span>Ivan Pavlop) <span lang="TH">นักสรีระวิทยชาวรัสเซียที่มีความเชื่อว่าพฤติกรรมที่เกิดจากการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกได้มักเป็นพฤติกรรม
หรือการตอบสนองที่เกิดจากปฏิกิริยาสะท้อนอันมีพื้นฐานมาจกการทำงนของระบบประสาทอัตในมัติ
เช่น การเห็นมะม่วงแล้วเกิดมีการหลั่งของน้ำลาย หรือมีน้ำลายสอ การทำงานของต่อมต่าง
เส้น 481 ⟶ 477:
พฤติกรรมตอบสนองหรือพฤติกรมที่เป็นไปโดยไม่ตั้งใจ
พาฟลอฟเชื่อว่าการเรียนรู้ของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากเกิดจากกรวางเงื่อนไข (</span>Conditioning)
<span lang="TH">กล่าวคือ การตอบสนองหรือการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นต่อสิ่งเร้าหนึ่งมักมีเงื่อนไขหรือสถานการณ์เกิดขึ้น
ซึ่งในสภาพปกติหรือในชีวิตประจำวันการตอบสนองชนนั้นอาจไม่มี เช่น
กรณีสุนัขได้ยินเสียงกระติ่งและน้ำลายไหล เสียงกระดิ่งเป็นสิ่งเร้าที่ต้องการให้เกิดการเรียนรู้จากการวางเงื่อนไข
(เพราะโดยปกติเสียงกระดิ่งไม่มีผลทำให้สุนัขลายไหล
แต่คนต้องการให้สุนัขน้ำลายไหลเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง) พาฟลอฟเรียกว่า <br>
สิ่งเร้าที่มีเงื่อนไข (</span>Conditioned Stimulus<span lang="TH">) และปฏิกิริยาน้ำลายไหลเป็นการตอบสนองที่เรียกว่าการตอบสนอง</span><br>
<span lang="TH">ที่มีเงื่อนไข (</span>Conditioned Response)
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'> </p>
สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้<br>
เป็นอย่างดี ดังที่ ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span>: <span lang="TH">30)</span><ref><span lang="TH">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span>: <span lang="TH">30)</span></ref> <span lang="TH">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557: 30) กล่าวไว้ว่า ผู้สอนสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่ต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้กับสิ่งผู้เรียนชอบ
สนใจเขาสามารถจะสมารถเรียนรู้ได้ดี เช่น ผู้เรียนไม่ชอบคณิตศาสตร์ แต่ชอบเกม <br>
ชอบคอมพิวเตอร์ เมื่อเรานำคณิตศาสตร์ไปสอนโดยเกม
โดยคอมพิวเตอร์จะทำให้ผู้เรียนสนใจคณิตศาสตร์ และเรียนรู้ได้ดีขึ้น ซึ่งสรุปการนำไปใช้ได้ดังนี้</span
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'>1. <span lang=TH>การนำความต้องการทางรรมชาติของผู้เรียนมาใช้เป็นสิ่งเร้าช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี</span></p>
เส้น 514 ⟶ 510:
lang=TH>)</span></b></p>
(2557</span>: <span lang="TH">34) กล่าวว่า สกินเนอร์ (</span>Skinner)<ref><span lang="TH">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span>: <span lang="TH">34) กล่าวว่า สกินเนอร์ (</span>Skinner)</ref><span lang="TH">ชาติชาย ม่วงปฐม
(2557</span>: <span lang="TH">34) กล่าวว่า สกินเนอร์ (</span>Skinner) <span lang="TH">เป็นผู้ทดลองและอธิบายทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทำ (</span>Operant
Conditioning Theory) <span lang="TH">โดยนำหนูที่หิวใส่กรงทดลอง
เมื่อหนูกดกระดานจะมีอาหารหล่นออกมาเม็ดหนึ่ง
ถ้ากดอีกก็จะหล่นมาอีกครั้งครั้งละเม็ด เม็ดอหารซึ่งกลายเป็นตัวแรงเสริมกำลัง (</span>Reinforcer)
<span lang="TH">สกินเนอร์ให้ความเห็นว่าพฤติกรรมของคนนั้น จะมี 2 แบบคือ พฤติกรรมซึ่งเกิดเนื่องจากถูกสิ่งเร้าดึงออกมา
(</span>Response Behavior) <span lang="TH">เช่น การตอบสนองของสุนัขในการทดลองของฟาฟลอฟ
และพฤติกรรมที่อินทรีย์ส่งออกมาเอง (</span>Operant Behavior) <span lang="TH">เป็นอาการกระทำของอินทรีย์ต่อสิ่งแวดล้อมต่าง
ๆ เช่น การพูด<br>
การกิน การทำงาน เป็นตัน โดยสรุปการเรียนรู้ตามทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทำไว้ ดังนี้ฃ</span
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'><span lang=TH>1) การกระทำใดๆ
เส้น 537 ⟶ 533:
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'><span lang=TH>4) เมื่อผู้เรียนแสดงพฤติกรมที่ต้องการแล้วได้รับแรงเสริมหรือรางวัลทำให้สามารถปรับหรือปลูกฝังนิสัยที่ต้องการได้</span></p>
เมื่อผู้เรียนได้ลงมือกระทำกิจกรรม<br>
ต่าง ๆ การเสริมแรงจะก่อให้เกิดพลัง แรงจูงใจในการแสดงพฤติกรรม
เส้น 544 ⟶ 540:
เมื่อได้รับแรงสริมจากผลการแสดงพฤติกรรม คนเราจะเกิดแรงจูงใจให้เกิดการเรียนรู้อีก
การนำทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทำของสกินเนอร์สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
ดังที่ ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span>: <span lang="TH">34)</span> <ref><span lang="TH">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span>: <span lang="TH">34)</span></ref><span lang="TH">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span>: <span lang="TH">34) กล่าวไว้ สามารถสรุปได้ดังนี้</span
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'><span lang=TH>1. การจัดการเรียนการสอนควรให้การเสริมแรงหลักการตอบสนองที่เหมาะสมของผู้เรียนจะช่วยเพิ่มอัตราการตอบสนองที่เหมาะสมนั้น
เส้น 558 ⟶ 554:
จึงควรงดใช้วิธีการเสริมแรงทางลบที่รุนแรง</span></p>
เวียงวะลัย (2556</span>: 2<span lang="TH">11)</span><ref><span
เวียงวะลัย (2556: 211) ได้กล่าวถึง การนำทฤษฎีการวางเงื่อนไขมาประยุกต์<br>
ใช้ในการจัดการเรียนรู้ ดังนี้</span>
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'><span lang=TH>1. มีการดูแลอาใจใส่อย่างใกล้ชิดและสร้างนิสัยที่ดีให้แก่เด็กเพื่อการสร้างคุณภาพแห่งชีวิต</span></p>
เส้น 582 ⟶ 579:
ทฤษฎีความสัมพันธ์เชื่อมโยง</span></b></p>
(2556</span>: 2<span lang="TH">11-212) และ ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span>: <span lang="TH">30-31)</span><ref><span lang="TH">ศศิธร เวียงวะลัย (2556</span>: 2<span lang="TH">11-212) และ ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span>: <span lang="TH">30-31)</span></ref><span lang="TH">ศศิธร เวียงวะลัย
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'><span lang=TH>1. ลักษณะการเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก
เส้น 625 ⟶ 621:
เป็นการถ่ายโอนทางลบก็ได้ การถ่ายโอนการเรียนรู้นับว่าเป็นพื้นฐานของการเรียนการสอน</span></p>
(2556</span>: <span lang="TH">212)</span><ref><span lang="TH">ศศิธร เวียงวะลัย (2556</span>: <span lang="TH">212)</span></ref><span lang="TH">ศศิธร เวียงวะลัย
(2556: 212) ได้กล่าวถึง การนำหลักการทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยงของ
<br>
ธอร์นไดค์ ไปใช้ในการเรียนการสอนนั้น ธอร์นไดค์เน้นอยู่เสมอว่าการสอนในชั้นเรียนต้องกำหนดจุดมุ่งหมาย<br>
เส้น 637 ⟶ 634:
ครูจะต้องรู้ผลการกระทำหรือผลการเรียน เพราะการรู้ผลจะทำให้ผู้รียนทราบว่าการกระทำนั้นถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
ดีหรือไม่ดี พอใจหรือไม่พอใจ
ถ้าการกระทำนั้นผิดหรือไม่เป็นที่พอใจเขาก็จะได้รับการแก้ไข ปรับปรุงให้ถูกต้อง เพื่อที่จะได้รับสิ่งที่เขาพอใจต่อไป</span
<span lang=TH style='font-size:16.0pt;line-height:107%;font-family:"TH SarabunPSK",sans-serif'><br
เส้น 650 ⟶ 647:
<p class=MsoNormal style='text-indent:54.0pt'><b><span lang=TH>2.2.1 ทฤษฎีการเรียนรู้ของกลุ่มเกสตัลต์</span></b></p>
(2557</span>: 35-36<span lang="TH">) และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: <span lang="TH">12-13)</span><ref><span lang="TH">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span>: 35-36<span lang="TH">) และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: <span lang="TH">12-13)</span></ref><span lang="TH">ชาติชาย ม่วงปฐม
<span lang="TH">โคเลอร์ (</span>Kohler) <span lang="TH">และคอฟกา (</span>Koffka) <span lang="TH">ได้เสนอแนวคิด หลักว่าการเรียนรู้ที่ดีย่อมเกิดจกการจัดสิ่งเราต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการรับรู้
(</span>Perception) <span lang="TH">ในส่วนรวมก่อน แล้วจึงแยกวิเคราะห์เพื่อการเรียนรู้ส่วนย่อยที่ละส่วน
โดยส่วนรวมไม่ใช่เป็นเพียงผลรวมของส่วนย่อยแต่ส่วนรวมเป็นสิ่งที่มีมากกว่าผลรวมของส่วนย่อย
(</span>The Whole is more than the sum of the part) <span lang="TH">และการเรียนรู้ของคนจะเป็นแบบการหยั่งเห็น
(</span>Insight) <span lang="TH">คือการค้นพบหรือเกิดความเข้าใจในการแก้ปัญหาอย่างฉับพลันทันทีอันเนื่องมาจากผลการรับรู้ในภาพรวม
และใช้กระบวนการทางความคิดและสติปัญญาเพื่อหาคำตอบ
การเรียนรู้จึงเป็นการแก้ปัญหาชนิดหนึ่ง
ความสามารถในการแก้ปัญหานี้ขึ้นอยู่กับความสามารถหยั่งเห็น (</span>Insight) <span lang="TH">ของบุคคล ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ </span>
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'><span lang=TH>1) การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิด
เส้น 721 ⟶ 714:
lang=TH>2.2.2 ทฤษฎีสนามของเลวิน</span></b></p>
<span lang="TH" style="color:black">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span><span style="color:black">: <span lang="TH">37) และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: <span lang="TH">14)</span></span> <ref><span lang="TH" style="color:black">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span><span style="color:black">: <span lang="TH">37) และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: <span lang="TH">14)</span></span></ref><span lang="TH" style="color:black">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span><span style="color:black">: <span lang="TH">37) และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: <span lang="TH">14) กล่าวว่า ทฤษฎีสนามของเลวิน
(</span>Lewin) <span lang="TH">นำแนวคิดของเกสตัลต์พัฒนาเป็นทฤษฎีสนาม (</span>Field
Theory)<span lang="TH"> โดยอธิบายว่าแต่ละบุคคลมีสนามชีวิตซึ่งเป็นโลกของชีวิต
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นประกอบด้วยตัวบุคคล </span>(Person) <span lang="TH">และสิ่งแวดล้อมทางจิตวิทยา
(</span>Psychological Environment) <span lang="TH">โดยมีสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและสิ่งแวดล้อมทาสัดมอยู่รอบตัว
บุคคลจะเรียนรู้ได้ดีเมื่อสภาพแวดล้อมมีความสอดคล้องกับสภาพความต้องการ
หมาะสมกับความสามารถ และความสนใจ
การที่บุคคลมีสนามชีวิตที่จดจ่อกับบทเรียนโดยมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมย่อมเกิดการเรียนรู้ที่ดี
ซึ่งสามารถสรุปการเรียนรู้ของทฤษฎีสนามของเลวิน ได้ดังนี้</span></span
<p class=MsoNormal style='margin-left:18.0pt;text-indent:63.0pt'><span lang=TH
เส้น 769 ⟶ 760:
lang=TH>2.2.3 ทฤษฎีปัญญาของเพียเจต์</span></b></p>
<span lang="TH" style="color:black">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span><span style="color:black">: 39<span lang="TH">) และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: 15<span lang="TH">)</span></span> <ref><span lang="TH" style="color:black">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span><span style="color:black">: 39<span lang="TH">) และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: 15<span lang="TH">)</span></span></ref><span lang="TH" style="color:black">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span><span style="color:black">: 39<span lang="TH">) และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: 15<span lang="TH">) กล่าวว่า ทฤษฎีปัญญาของเพียเจต์
อธิบายการเรียนรู้ของคนว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นโดย การกระทำตามแนวคิดของ
ดิวอี้และค้นพบว่า ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาการด้านสติปัญญาและ ความคิดนั้น คือ
เส้น 779 ⟶ 768:
ออกจากสิ่งแวดล้อมได้ระดับสติปัญญาและความคิดของเด็กพัฒนาจากการปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับสิ่งแวดล้อม
การปฏิสัมพันธ์นี้ หมายถึง กระบวนการปรับตัวของอินทรีย์กับสิ่งแวดล้อมภายนอก และการจัดแจงรวบรวมภายใน
(</span>Inward Mental Organization) <span lang="TH">ป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง
ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา (</span>Adaptation) <span lang="TH">เพื่อให้สมดุลกับสิ่งแวดล้อม
การปฏิสัมพันธ์ และการปรับปรุงนี้ประกอบด้วย กระบวนการสำคัญ 2 กระบวนการ ได้แก่</span></span
<p class=MsoNormal style='margin-left:18.0pt;text-indent:63.0pt'><span lang=TH>1.
เส้น 830 ⟶ 819:
style='color:black'>Rogers)</span></b></p>
ม่วงปฐม (2557</span><span style=
และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: 1<span lang="TH">7-18)</span></span><ref><span
ม่วงปฐม (2557</span><span style="color:black">: <span lang="TH">42-43)
และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: 1<span lang="TH">7-18) ทฤษฎีการเรียนรู้ตามแนวคิด
โรเจอร์ส (</span>Rogers) <span lang="TH">เป็นผู้ให้กำเนิดทฤษฎี ให้ความสำคัญของลักษณะตัวบุคคลมากกว่าสิ่งแวดล้อม<br>
โรเจอร์ส มีแนวคิดในเรื่องบูรณาการและศักยภาพของคน ถ้าศักยภาพของคนได้รับการบูรณาการหรือพัฒนาสมบูรณ์อย่างเต็มที่แล้ว
คนก็จะสามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์ โรเจอร์สเสนอว่าผู้ให้คำปรึกษาเป็นผู้ช่วยให้การงอกงามและพัฒนาการเป็นไปได้ง่ายขึ้น
นั้นเปรียบเสมือนกับผู้สอนเป็นผู้ช่วยให้การเรียนรู้ของผู้เรียนนั้นง่ายโดยใช้วิธีการทางอ้อม
(</span>Nondirective) <span lang="TH">หรือผู้รับบริการเป็นจุดศูนย์กลาง (</span>Client
Centered) <span lang="TH">โดยมีหลักการ ดังนี้</span></span
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'><span lang=TH style='color:black'>1.
เส้น 877 ⟶ 868:
การเปิดรับประสบการณ์อยู่เสมอ การเรียนรู้ด้วยเอง</span></p>
ม่วงปฐม (2557</span><span style=
ม่วงปฐม (2557</span><span style="color:black">: <span lang="TH">43) กล่าวว่าการนำทฤษฎีการเรียนรู้ตามแนวคิดโรเจอร์ส
(</span>Rogers) <span lang="TH"><br>
ไปประยุกต์ในการจัดการเรียนรู้ สามารถดำเนินการ ดังนี้ </span></span>
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'><span lang=TH style='color:black'>1.
เส้น 899 ⟶ 891:
style='color:black'>2.3.2 ทฤษฎีการเรียนรู้ตามแนวคิดนีล</span></b></p>
ม่วงปฐม (2557</span><span style=
ทองจีน (2558</span>: <span lang="TH">19) นีล (</span>Neil)</span> <ref><span lang="TH" style="color:black">ชาติชาย ม่วงปฐม (2557</span><span style="color:black">: <span lang="TH">44) และศุภลักษณ์ ทองจีน (2558</span>: <span lang="TH">19) นีล (</span>Neil)</span></ref><span lang="TH" style="color:black">ชาติชาย
ม่วงปฐม (2557</span><span style="color:black">: <span lang="TH">44) และศุภลักษณ์
ทองจีน (2558</span>: <span lang="TH">19) นีล (</span>Neil) <span lang="TH">ให้ความสำคัญว่ามนุษย์เป็นผู้มีศักดิ์ศรี
มีความดีโดยธรรมชาติหากมนุษย์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น บริบูรณ์ไปด้วยความรัก <br>
มีอิสรภาพและเสรีภาพ มนุษย์พัฒนาไปในทางที่ดีทั้งต่อตนเองและสังคม
การเรียนการสอนตามแนวคิดของนีล เน้นให้การสร้างบรรยากาศแห่งความรักและความอบอุ่น
เน้นอิสรภาพเพื่อให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงศักยภาพ และทัศนะต่าง ๆ ด้วยตนเอง
แนวคิดของกลุ่มมนุษยนิยม อธิบายเกี่ยวกับการเรียนการสอน พอสรุปได้ดังนี้</span></span
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'><span lang=TH style='color:black'>1.
การเรียนที่ดีจะเกิดขึ้นในบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นกันเอง มีการยอมรับซึ่งกันและกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียนตั้งอยู่บนรากฐานของการยอมรับซึ่งกันและกัน</span></p>
<p class=MsoNormal style='text-indent:81.0pt'><span lang=TH style='color:black'>2.
เส้น 961 ⟶ 953:
<h3>3.1 <span lang=TH>ความหมายของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ</span></h3>
ศรีคร้ามครัน (255</span>3<span lang="TH">)</span><ref><span
ศรีคร้ามครัน (2553)ได้กล่าวว่า การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
หรือที่รู้จักในชื่อเดิมว่า การจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (</span>Student
centered <span lang="TH">หรือ </span>Child Centered) <span lang="TH">เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในลักษณะที่ช่วยให้ผู้เรียนรู้จักการคิดค้น
แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
โดยผู้สอนจะเป็นผู้กำหนดสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมรวมทั้งกำหนดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
เส้น 971 ⟶ 964:
มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งนี้เป็นการเพิ่มพูนทักษะในด้านต่าง ๆ ให้แก่ผู้เรียน
เช่น ทักษะในด้านการคิด ทักษะการแสวงหาความรู้ การปรึกษาหารือและการร่วมตัดสินใจ ซึ่งสอดคล้องกับ
ชนาธิป พรกุล (2555)</span> <ref><span lang="TH">ชนาธิป พรกุล (2555)</span></ref><span lang="TH">ชนาธิป พรกุล (2555) ที่กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ หมายถึง
ผู้เรียนเป็นคนสําคัญที่สุด การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือการให้มีผู้เรียน
มีบทบาทในการเรียนรู้ โดยการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้มากที่สุด</span
<p class=MsoNormal style='text-indent:54.0pt'><span lang=TH style='color:black'>สรุปได้ว่า
เส้น 983 ⟶ 976:
<h3>3.2 <span lang=TH>หลักการพื้นฐานของแนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ</span></h3>
พรกุล (2555)</span><ref><span lang="TH">ชนาธิป พรกุล (2555)</span></ref><span lang="TH" style="color:black">ชนาธิป พรกุล (2555) กล่าวว่า การจัดการเรียนการสอนแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เป็นการจัดตามแนวทฤษฎีพุทธินิยม (</span><span style=
theories) <span lang="TH">ที่เชื่อว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในสมอง
เกิดจากกระบวนการจัดกระทํากับข้อมูล มีการบันทึกข้อมูล
และดึงข้อมูลออกมาใช้วิธีเรียนรู้มีผลต่อ การจํา การลืม และการถ่ายโอน (</span>Transfer)
<span lang="TH">ความรู้ แรงจูงใจระหว่างการเรียนรู้มีความสําคัญต่อการชี้นําความสนใจ
มีอิทธิพลต่อ กระบวนการ</span><br>
<span lang="TH">จัดข้อมูล และส่งผลโดยตรงต่อรูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียน ปัจจุบันแนวคิด
การสรรค์สร้างความรู้ (</span>Constructivism) <span lang="TH">ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่ามีความสอดคล้องกับการ
จัดการเรียนการสอนแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง แนวคิดนี้มีความเชื่อว่า
ความรู้เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยตนเอง สามารถเปลี่ยนแปลงและ
พัฒนาให้งอกงามขึ้นได้เรื่อย ๆ โดยอาศัยการพัฒนาโครงสร้างความรู้ภายในบุคคล และการรับรู้สิ่งต่าง
ๆ รอบตัว โครงสร้างของ ความรู้มีองค์ประกอบที่สําคัญ 3 ประการ คือ</span></span
<p class=MsoNormal style='text-indent:54.0pt'><span lang=TH style='color:black'>1)
เส้น 1,070 ⟶ 1,063:
ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีการฝึกทักษะ ความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ด้วยตนเอง
จนนำไปสู่การใช้ความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง</span></p>
<h3><span lang=TH>3.2 บทบาทของครูในการจัดการเรียนรู้</span><span lang=TH
style='color:black'>ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ</span></h3>
ไม่เหมือนการศึกษาเมื่อสิบหรือยี่สิบปีที่แล้ว
การศึกษาที่มีคุณภาพจะต้องเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ของศิษย์ไปอย่างสิ้นเชิงและบทบาทของครูอาจารย์ก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เส้น 1,088 ⟶ 1,075:
ครูเพื่อศิษย์ต้องเปลี่ยนจุดสนใจหรือจุดเน้นจากการสอนไปเป็นเน้นที่การเรียน
(ทั้งของศิษย์ และของตนเอง) ต้องเรียนรู้และปรับปรุงรูปแบบการเรียนรู้ที่ตนจัดให้แก่ศิษย์ด้วย
ครูเพื่อศิษย์ต้องเปลี่ยนบทบาทของตนเองจาก “ครูสอน” (</span><span style="color:black">Teacher) <span lang="TH">ไปเป็น “ครูฝึก” (</span>Coach) <span lang="TH">หรือ “ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้” (</span>Learning Facilitator) (<span lang="TH">วิจารณ์ พานิช</span>, <span lang="TH">2555) (วิจารณ์ พานิช, 2555)</span></span> <ref><span style="color:black">(<span lang="TH">วิจารณ์ พานิช</span>, <span lang="TH">2555)</span></span></ref>
3 เรื่อง ดังนี้ ฝึกคิด คือ ฝึกให้ผู้เรียนคิดเองเป็น ฝึกให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้า
ศึกษาให้ลึกซึ้งในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และมีการวิจัยค้นคว้า
และฝึกให้ผู้เรียนบริการสังคม คือ
สิ่งที่เรียนจะมีคุณค่าเมื่อได้ใช้ความรู้นั้นให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม (พิมพ์พันธ์
เดชะคุปต์</span><span style=
เดชะคุปต์, 2551)</span></span> <ref><span lang="TH">(พิมพ์พันธ์ เดชะคุปต์, 2551)</span></ref> <span style="color:black"><span lang="TH">ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองและเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทบาทผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ดังนี้</span></span>
<p class=MsoNormal style='text-indent:54.0pt'><span lang=TH style='color:black'>1.
เส้น 1,142 ⟶ 1,127:
เป็นผู้จัดระเบียบ เป็นผู้ตรวจสอบ และเป็นผู้ประเมิน</span></span></p>
เสกสรรค์ แย้มพินิจ (2556)</span><ref><span lang="TH" style="color:black">เสกสรรค์ แย้มพินิจ (2556)</span></ref> <span lang="TH" style="color:black">เสกสรรค์ แย้มพินิจ (2556) ได้เสนอบทบาทผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนี้</span
<p class=MsoNormal style='text-indent:54.0pt'><span lang=TH style='color:black'>1.
เส้น 1,166 ⟶ 1,151:
และฝึกการบริหารสังคม
ต้องสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนและอำนวยความสะดวกเพื่อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนตามความเหมาะสม</span></p>
[[ไฟล์:การจัดการเรียนรู้การสอนที่ใช้อุปกรณ์พิเศษ.jpg|thumb]]
<p class="MsoNormal" align="center" style=
[[ไฟล์:S170557652.jpg|thumb]]
<p class="MsoNormal" align="center" style="text-align:center"></p>
<p class=MsoNormal align=center style='text-align:center'><b><span lang=TH
เส้น 1,192 ⟶ 1,173:
ๆ ด้วยตนเอง วิธีสอนที่ผู้สอนสามารถนำมาใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในห้องเรียน
แสดงดังภาพที่ </span><span style='color:black'>1.4</span></p>
[[ไฟล์:วิธีสอน.png|thumb]]
<p class=MsoNormal style='margin-left:36.0pt'><b><span style='color:black'> </span></b></p>
เส้น 1,206 ⟶ 1,187:
<b><span lang=TH style='font-size:16.0pt;line-height:107%;font-family:"TH SarabunPSK",sans-serif;
color:black'><br clear=all style='page-break-before:always'></span></b>
<p class=MsoNormal align=left style='margin-bottom:8.0pt;text-align:left'><b><span
เส้น 1,215 ⟶ 1,195:
style='color:black'>ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ</span></h3>
ปันแก้ว และอดิศักดิ์ กำแพงแก้ว (2556)</span> <ref><span lang="TH" style="color:black">กนิษฐ์กานต์ ปันแก้ว และอดิศักดิ์ กำแพงแก้ว (2556)</span></ref><span lang="TH" style="color:black">กนิษฐ์กานต์
ปันแก้ว และอดิศักดิ์ กำแพงแก้ว (2556) กล่าวว่า
ในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนมีบทบาทเป็นผู้ปฏิบัติและสร้างความรู้ด้วยตัวของเขาเอง
(ทำไปและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน) บทบาทของผู้เรียนในกิจกรรมการเรียนรู้ คือ</span
<p class=MsoNormal style='text-indent:65.25pt'><span lang=TH style='color:black'>1.
เส้น 1,254 ⟶ 1,235:
ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ</span></p>
สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ (2553)</span><ref><span lang="TH" style="color:black">สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ (2553)</span></ref><span lang="TH" style="color:black">สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ (2553) กล่าวว่า ในโลกยุคปัจจุบันและอนาคตมี<br>
การแข่งขันสูงขึ้น ๆ และก็มีภาวะโลกาภิวัตน์มากขึ้น ๆ
บัณฑิตที่จบการศึกษาเข้าสู่แวดวงธุรกิจ อุตสาหกรรม หรือเรียกง่าย ๆ
เส้น 1,273 ⟶ 1,254:
21 จึงต้องใฝ่รู้ <br>
สู้งาน ประสานสัมพันธ์ มุ่งมั่นประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงาน
รวมถึงการมีอิสระทางความคิดและมีจิตวิจัย คือ รู้และรักที่จะค้นหาความรู้ใหม่ ๆ </span
<p class=MsoNormal><span lang=TH style='color:red'>
เส้น 1,279 ⟶ 1,260:
ผู้เรียนต้องมีความพร้อมในการเรียน และสร้างความรู้ด้วยตนเอง สามารถตัดสินปัญหาต่าง
ๆ อย่างมีเหตุผล รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองรวมทั้งสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ</span></p>
[[ไฟล์:2A2FA89C.jpg|thumb]]
<p class="MsoNormal" align="center" style=
[[ไฟล์:E52A44B1.jpg|thumb]]
<p class=MsoNormal><span style='color:black'> </span></p>
เส้น 1,301 ⟶ 1,279:
<h3><span lang=TH>3.4 รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ</span></h3>
ทักษะทางวิชาชีพ ทักษะชีวิต และทักษะสังคม ปรากฏในวงการศึกษาไทยหลายรูปแบบ (กรมวิชาการ,
</span><span style=
</span><span style="color:black">2544)<span lang="TH"> ตัวอย่างเช่น</span></span>
<p class=MsoNormal style='text-indent:54.0pt'><b><span style='color:black'>1. <span
เส้น 1,443 ⟶ 1,422:
<h2><span lang=TH>4. </span><span lang=TH style='color:black'>วิธีการจัดการเรียนรู้</span></h2>
เจริญทรัพย์ (2556 อ้างถึงใน เกษทิพย์ ศิริชัยศิลป์, 2557)</span><ref><span lang="TH" style="color:black">ธเนศ เจริญทรัพย์ (2556 อ้างถึงใน เกษทิพย์ ศิริชัยศิลป์, 2557)</span></ref> <span lang="TH" style="color:black">ธเนศ
เจริญทรัพย์ (2556 อ้างถึงใน เกษทิพย์ ศิริชัยศิลป์, 2557) กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้จำเป็นต้องจัดให้สอดคล้องกับความถนัด
ความสนใจและพัฒนาการของผู้เรียน เน้นฝึกทักษะกระบวนการคิด การเผชิญสถานการณ์
เส้น 1,450 ⟶ 1,430:
มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งในด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ รูปแบบเทคนิค วิธีการ เป็นต้น
ซึ่งหลักในการจัดการเรียนรู้ มีดังนี้ </span
<p class=MsoNormal style='text-indent:65.3pt'><b><span lang=TH
เส้น 1,462 ⟶ 1,442:
การจัดการเรียนรู้นั้นจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม</span></p>
<
ครูควรวางแผนการจัดการเรียนรู้อย่างมีระบบและตามลำดับขั้นอย่างชัดเจน ดร.สุริน
ชุมสาย ณ อยุธยา</span><ref><span lang="TH" style="color:black">ดร.สุริน ชุมสาย ณ อยุธยา</span></ref><span lang="TH" style="color:black"> ดร.สุริน
ชุมสาย ณ อยุธยา ได้กล่าวไว้ในหนังสือการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ว่า ครูที่ดีต้องมีการวางแผนการจัดการเรียนรู้
เส้น 1,474 ⟶ 1,454:
แต่ถึงกระนั้นแผนการจัดการเรียนรู้ควรมีความยืดหยุ่น เปลี่ยนแปลงได้ตามโอกาสและสถานการณ์จริง
ครูจึงควรมีความมั่นใจที่จะเผชิญกับสถานการณ์ในชั้นเรียนได้ทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นนอกเหนือความคาดหวัง
</span
<p class=MsoNormal style='text-indent:65.3pt'><b><span lang=TH
เส้น 1,544 ⟶ 1,522:
รวมไปถึงครูต้องประเมินความสามารถในการจัดชั้นเรียน
การควบคุมชั้นเรียนเพราะครูอาจยังไม่เข้าใจธรรมชาติและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของนักเรียนเท่าที่ควร</span></p>
[[ไฟล์:6bbb.png|thumb]]
<p class="MsoNormal" style="text-indent:65.3pt"></p>'''ภาพที่''' 1.6 ทฤษฎีหมวก 6 ใบกับการประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาผู้เรียน
'''ที่มา :''' <nowiki>https://www.eduzones.com/</nowiki>
2020/02/29/six-hats-theory/<p class="MsoNormal" style="text-indent:65.3pt"></p>
<p class=MsoNormal style='text-indent:65.3pt'><span style='color:black'> </span></p>
เส้น 1,549 ⟶ 1,533:
<h2><span lang=TH>5. กระบวนการจัดการเรียนรู้</span></h2>
<span style="color:black"> <span lang="TH">ณัฐพงษ์ โตมั่น (2563</span>: 18-33<span lang="TH">)</span></span><ref><span style="color:black"> <span lang="TH">ณัฐพงษ์ โตมั่น (2563</span>: 18-33<span lang="TH">)</span></span></ref><span style="color:black"><span lang="TH"> ณัฐพงษ์ โตมั่น (2563: 18-33) กล่าวว่า การเรียนรู้ที่มีคุณภาพนั้นต้องมีกระบวนจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ
และสามารถบรรลุวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องไว้ได้
โดยผู้เขียนขอนำเสนอเทคนิคกระบวนการเรียนรู้ ดังนี้</span></span
<p class="MsoNormal" style="text-indent:36.0pt"><b><span lang="TH" style="color:black">1. กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวก 6 ใบ (</span><span style="color:black">Six Thinking Hats) <span lang="TH">ของเดอ โบโน</span></span></b><span lang="TH" style="color:black"> <br>
(</span><span style="color:black">De Bono, 1992)</span><ref><span lang="TH" style="color:black">(</span><span style="color:black">De Bono, 1992)</span></ref><span style="color:black"><span lang="TH"> เทคนิคหมวกหกใบ
เป็นการใช้สีของหมวกแต่ละใบที่มีสีต่างกันแทนความคิดแต่ละด้านโดยให้วิธีคิดแต่ละอย่างกำหนดจากสีของหมวก
ซึ่งสีของหมวกแต่ละใบจะสอดคล้องกับแนวคิดของหมวกใบนั้น ๆ <br>
เส้น 1,597 ⟶ 1,577:
เมื่อต้องการให้บุคคลใดคิดไปในทางใดก็ให้บุคคลนั้น<br>
สวมหมวกสีนั้น ซึ่งโดยปกติผู้นำหรือหัวหน้ากลุ่มจะเป็นผู้สวมหมวกสีน้ำเงิน ซึ่งจะเป็นผู้ควบคุมหรือจัดระเบียบในการคิด
เพื่อให้ผู้ร่วมงานหรือสมาชิกในกลุ่มคิดไปในทางเดียวกัน</span><
absolute;z-index:251655168;margin-left:334px;margin-top:291px;width:300px;
height:125px"><จัดการเรียนรู้%20(1)_files/image016.png"
alt="ภาพที่ 1.6 ทฤษฎีหมวก 6 ใบกับการประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาผู้เรียน &#10;ที่มา : <nowiki>https://www.eduzones.com/ &#10;2020/02/29/six-hats-theory/ &#10</nowiki>;"></span></p>
<p class=MsoNormal style='text-indent:40.5pt'><b><span lang=TH
เส้น 1,633 ⟶ 1,608:
รูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียนทั้ง 4 แบบ ประกอบด้วย</span></p>
<p class="MsoNormal" style="text-indent:54.0pt"></p>
<p class="MsoNormal" style="text-indent:54.0pt"></p>
[[ไฟล์:17m4.png|thumb]]
<p class=MsoNormal><span style='color:black'> </span></p>
<p class=MsoNormal align=center style='text-align:center'><b><span
เส้น 1,767 ⟶ 1,734:
<p class=MsoNormal style='text-indent:79.15pt'><span lang=TH style='color:black'>7)
สามารถเลือกทางเลือก/ลงความเห็นในประเด็นที่คิดได้</span></p>
<p class=MsoNormal style='text-indent:79.15pt'><span style='color:black'> </span></p>
เส้น 1,816 ⟶ 1,779:
เพื่อให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้จากกิจกรรมนั้นและเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง</span></p>
<syntaxhighlight lang="html">
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/kXMvLOfL1vk" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe>
</syntaxhighlight>วิดีทัศน์ 1.1 เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้
ที่มา : <nowiki>https://www.youtube.com/watch?v=kXMvLOfL1vk</nowiki><ref>https://www.youtube.com/watch?v=kXMvLOfL1vk</ref>
<syntaxhighlight lang="html">
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/e1POKrwFAps" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe>
</syntaxhighlight>วิดีทัศน์ 1.2 เรื่อง การจัดการเรียนรู้
ที่มา : <nowiki>https://www.youtube.com/watch?v=e1POKrwFAps</nowiki><ref>https://www.youtube.com/watch?v=e1POKrwFAps</ref>
<span style="font-size:16.0pt;line-height:107%;font-family:"TH SarabunPSK",sans-serif"><br clear="all" style="page-break-before:always">
</span>
|