ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Suphaphit9245 (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด
บรรทัด 1:
{{รอการตรวจสอบ}}
{{issues|ปรับภาษา=yes|ต้องการอ้างอิง=yes|ต้องการสรุป=yes}}
{{สายพันธุ์สุนัข
| สี = #ffc0cb
| ภาพ = ภาพ:YellowLabradorLooking.jpg
| คำใต้ภาพ =
| ถิ่นกำเนิด = {{GBR}}
| ถิ่นกำเนิด = {{ธง|สหราชอาณาจักร}} [[สหราชอาณาจักร]], {{ธง|แคนาดา}} [[ประเทศแคนาดา]]
| น้ำหนัก = เพศผู้ 60 - 75 ปอนด์ <br /> เพศเมีย 55 - 70 ปอนด์
| ส่วนสูง = เพศผู้ 22.5 - 24.5 นิ้ว <br /> เพศเมีย 21.5 - 23.5 นิ้ว
บรรทัด 13:
|}}
 
'''แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์''' ({{lang-en|Labrador Retriever}}) เป็นสายพันธุ์สุนัขสายพันธ์ที่มีถิ่นกำเนิดใน[[สหราชอาณาจักร]]และ[[ประเทศแคนาดา|แคนาดา]]
 
== ประวัติ ==
แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ ดอร์ริทรีฟเวอร์มีต้นตระกูลอยู่ที่[[รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์]] ชายฝั่งทะเล ของ[[ประเทศแคนาดา]] และในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ได้มีการนำสุนัขพันธุ์นี้ไปยัง[[ประเทศอังกฤษสหราชอาณาจักร]]ทางเรือประมง และต่อมาก็ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์และเลี้ยงขึ้นมาในฐานะสุนัขล่าเหยื่อ และยังถูกใช้เป็นสุนัขกู้ภัย เพราะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วแม้ในภูมิประเทศที่ขรุขระหรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความอดทน เข้มแข็ง มีความสามารถในการดมกลิ่นที่ดีเยี่ยม มีความปรารถนาจะชอบเอาใจผู้อื่นอีกด้วย และเป็นสุนัขที่ขี้ชอบเล่นกับเจ้าของมาก
 
== รายละเอียด ==
บรรทัด 22:
 
=== ช่วงชีวิตเฉลี่ย ===
ลาบราดอร์ริทรีฟเวอร์ แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์มีช่วงชีวิตระหว่าง 12-15 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมและการดูแลเอาใจใส่
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม และการดูแลเอาใจใส่
 
=== อุปนิสัย ===
สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์เป็นสุนัขที่ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก คุณสมบัติอีกอย่างของแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ก็คือดอร์ริทรีฟเวอร์คือ การเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี เนื่องจากมีเสียงเห่าทุ้มและหนักแน่น เป็นที่น่าเกรงขาม เพื่อเตือนเมื่อมีผู้บุกรุก
'''หมา ลาบราดอร์''' รีทรีฟเวอร์ แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์เป็นหมาสุนัขที่มีขนาดใหญ่ เพราะฉะนั้น ผู้เลี้ยงดูจะต้องสามารถควบคุม และมีพื้นที่ในการเลี้ยงดูอย่างกว้างขวาง และพื้นที่ในการเลี้ยงดูจะต้องมีรั้วล้อมรอบที่แข็งแรง รั้วจะต้องสูงและสามารถกั้นสุนัขพันธุ์นี้ได้ และอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญ คือ ควรระวังเรื่องของโรคที่เกิดจากพันธุกรรมเป็นหลัก อีกอย่าง '''ลาบราดอร์''' รีทรีฟเวอร์ แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ยังเป็นหมาสุนัขที่สามารถอ้วนได้ง่าย ผู้เลี้ยงดูจำเป็นที่จะต้องทำการควบคุมระมัดระวังเรื่องอาหารเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดโรคกระดูกและข้อ
 
'''หมา ลาบราดอร์''' รีทรีฟเวอร์ เป็นหมาขนาดใหญ่ เพราะฉะนั้น ผู้เลี้ยงดูจะต้องสามารถควบคุม และมีพื้นที่ในการเลี้ยงดูอย่างกว้างขวาง และพื้นที่ในการเลี้ยงดูจะต้องมีรั้วล้อมรอบที่แข็งแรง รั้วจะต้องสูงและสามารถกั้นสุนัขพันธุ์นี้ได้ และอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญ คือ ควรระวังเรื่องของโรคที่เกิดจากพันธุกรรมเป็นหลัก อีกอย่าง '''ลาบราดอร์''' รีทรีฟเวอร์ เป็นหมาที่สามารถอ้วนได้ง่าย ผู้เลี้ยงดูจำเป็นจะต้องทำการควบคุมอาหารเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดโรคกระดูกและข้อ
 
=== ความเข้ากันได้กับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ===
เส้น 34 ⟶ 32:
 
=== ความต้องการการเอาใจใส่ดูแล ===
สำหรับสุนัขพันธุ์นี้การเลี้ยงดู แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ต้องมีคอกที่ใหญ่และมีรั้วสูงล้อมรอบ ในฤดูร้อนก็ควรมีพื้นที่มีร่มเงาสำหรับสุนัขพันธุ์นี้ด้วย เช่นเดียวกับสุนัขทั่วไป พวกเขาจะมีความสุขมากกว่าหากมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง สำหรับสุนัขที่โตแล้ว ควรให้เขาเดินได้วันละ 30 นาที จะทำให้พวกเขาแข็งแรง ในขณะที่สำหรับลูกสุนัข จะใช้เวลาในการเล่นทั้งวัน สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้บ้านของคุณ ควรมีบริเวณสนามหลังบ้าน พื้นที่กว้างขวางไว้ให้พวกเขาสุนัขได้วิ่งเล่น และพวกเขาแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ยังเป็นจอมมีนิสัยชอบเคี้ยวและจอมขุดตัวยงอีกด้วย ถ้าคุณอยากให้สวนของคุณ สวยเหมือนเดิม ให้เตรียมกั้นรั้วไว้ว่าบริเวณไหนที่คุณจะอนุญาตให้เขาเล่นได้ เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้จะอ้วนง่ายเวลาที่เมื่อมีอายุมากขึ้นซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นจึงควรดูแลอาหารการกินที่มีปริมาณและคุณค่าทางอาหารเหมาะสมตามวัยของสุนัข
 
=== ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม ===
ลูกสุนัขพันธุ์แลบราดอร์จะร่าเริงและควบคุมได้ยากสำหรับสมาชิกในครอบครัวซึ่งเป็นเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ และเจ้าของสุนัขพันธุ์ควรมีสนามหลังบ้านซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดอีกด้วย สุนัขแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์เป็นสุนัขที่อ้วนง่าย ควรให้ออกกำลังกายเป็นประจำและสม่ำเสมอ
 
=== โรค ===
โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia) เป็นโรคกระดูกที่พบได้มากในสุนัขพันธุ์ใหญ่ (Giant and large breed) โดยพบมากถึง 1 ใน 3 ของโรคกระดูกทั้งหมดใน สุนัข โดยโรคนี้จะมีพัฒนาการในช่วงที่มีการเจริญเติบโต ของกระดูกจึงอาจพบได้ตั้งแต่ 4-12 เดือน
 
โรคกระดูกอ่อน เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับสุนัขที่มีการเจริญเติบโตของกระดูกไม่สมบูรณ์ จะมีอาการที่พบเห็นทั่วไป คือ สุนัขมีอาการขาโก่ง หรือขณะเดินจะสังเกตว่าขาจะไม่มั่นคง จะปัดไปปัดมา ซึ่งสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงที่กำลังเจริญวัย กินอาหารครั้งละมาก ๆ กินแล้วก็นอน ฯลฯ และผลที่ตามมา ขาก็จะลีบเล็กลง โดยที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ขาเสียในที่สุด วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ให้อาหารสุนัขไม่ต้องมากในแต่ละมื้อ โดยอาจจะเพิ่มจำนวนมื้อให้มากยิ่งขึ้น และให้เวลากับสุนัขของคุณโดยพาออกไปวิ่งเล่นออกกำลังกายยามว่าง ที่สำคัญอาหารที่ให้ก็ควรมีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน ไม่ควรที่จะให้ข้าวคลุกกับข้าวติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ควรจะให้สลับกับอาหารสำเร็จรูปสำหรับสุนัขบ้าง เพราะอาหารเหล่านั้นจะมีสารอาหารอย่างครบถ้วนสมบูรณ์