ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มาเรียแห่งเท็ค"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 79:
ในวันที่ [[9 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2444]] เก้าวันหลังการเสด็จกลับถึงสหราชอาณาจักรและการเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 เจ้าชายจอร์จทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น [[เจ้าชายแห่งเวลส์]] และเจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี่ก็ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศ '''[[เจ้าหญิงแห่งเวลส์]]''' (HRH The Princess of Wales) ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จจากพระราชวังเซนต์เจมส์ไปประทับยัง[[ตำหนักมาร์ลโบโร]] พระราชฐานใน[[กรุงลอนดอน]] ขณะที่ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระองค์ได้โดยเสด็จพระสวามีไปในการเยือน[[จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี]]และราชอาณาจักร[[เวือร์ทเท็มแบร์ก]]เมื่อปี [[พ.ศ. 2447]] และในปีต่อมาก็มีพระประสูติกาลเจ้าชายจอห์น พระโอรสองค์สุดท้าย ซึ่งเป็นการประสูติที่ยากลำบากและแม้ว่าพระองค์จะทรงฟื้นพระองค์ได้รวดเร็ว แต่พระโอรสองค์ใหม่ก็ทรงทุกข์ทรมานกับปัญหาต่างๆ ที่ที่เกี่ยวกับระบบหายใจ
 
ตั้งแต่เดือนตุลาคม [[พ.ศ. 2448]] เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์เสด็จประพาสต่างประเทศอีกครั้งเป็นเวลาแปดเดือน ครั้งนี้ก็เป็นการเสด็จประพาส[[อินเดีย]] และพระโอรสและธิดาทรงอยู่ในการดูแลของพระอัยกาและพระอัยยิกาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งสองพระองค์ผ่านทางอียิปต์ทั้งขาไปและกลับ โดยขากลับได้เสด็จประพาส[[ประเทศกรีซ]] ตามมาด้วยการเสด็จเยือน[[ประเทศสเปน]]เกือบจะทันทีเพื่อไปร่วมงานพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่าง[[พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน]]และ[[เจ้าหญิงวิกตอเรีย ยูจีนี แห่งแบตเตนเบิร์กจินีแห่งบัทเทินแบร์ก|เจ้าหญิงวิกตอเรีย ยูจีนีแห่งแบ็ตเต็นเบิร์ก]] ซึ่งทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวทรงรอดพ้นจากการลอบปลงพระชนม์ได้อย่างหวุดหวิด อีกครั้งหนึ่งเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากการเสด็จกลับถึงสหราชอาณาจักร ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จยัง[[ประเทศนอร์เวย์]]เพื่อไปร่วมในงานพระราชพธีบรมราชาภิเษกของ[[สมเด็จพระราชาธิบดีโฮกุนที่ 7 แห่งนอร์เวย์|สมเด็จพระราชาธิบดีโฮกุนที่ 7]] และ[[สมเด็จพระราชินีม้อด แห่งนอร์เวย์|สมเด็จพระราชินีม้อด]] (พระขนิษฐาในเจ้าชายจอร์จ)
 
== สมเด็จพระราชินี ==
บรรทัด 104:
สมเด็จพระราชินีแมรีทรงช่วยเหลืออย่างแข็งขันในการเลี้ยงดูพระราชนัดดาทั้งสองพระองค์คือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธและเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต โรส ซึ่งพระชนกและพระชนนีทรงเห็นว่ามิจำเป็นที่ทั้งสองพระองค์จะต้องมีภาระหน้าที่จากระบบทางการศึกษาแบบบังคับ โดยการนำทั้งสองพระองค์เสด็จประพาสยังสถานที่ต่างๆ ในกรุงลอนดอน เยี่ยมชมหอแสดงงานศิลปะและพิพิธภัณฑ์ต่างๆ
 
ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] พระเจ้าจอร์จที่ 6 โปรดให้พระชนนีอพยพออกจาก[[กรุงลอนดอน]] แม้ว่าพระราชินีแมรี่ยังทรงลังเล แต่ก็ได้ทรงตัดสินพระทัยที่จะไปประทับอยู่ที่[[ตำหนักแบดมินตัน]]กับ[[แมรี่ ซอเมอร์เซ็ต ดัชเชสแห่งโบฟอร์ต]] พระนัดดาซึ่งเป็นธิดาของ[[อดอลฟัส แคมบริดจ์ มาร์ควิสที่ 1 แห่งเคมบริดจ์แคมบริดจ์|อดอลฟัส ลอร์ดเคมบริดจ์]] พระอนุชา พระองค์ ข้าราชบริพารสี่สิบห้าคนและสิ่งของเครื่องใช้ของพระองค์ที่ต้องใช้กระเป๋าสัมภาระเจ็ดสิบใบในการขนย้ายจากกรุงลอนดอนใช้เนื้อที่ในตำหนักทั้งหมด ยกเว้นแต่ห้องชุดของดยุกและดัชเชสอีกเจ็ดปีถัดไป คนที่บ่นกับการจัดของเป็นพวกข้าราชบริพาร ซึ่งคิดว่าตำหนักเล็กไป สมเด็จพระราชินีแมรี่ทรงสนับสนุนความอุตสาหะ ในการทำสงครามโดยการเสด็จเยี่ยมกองทหารและโรงงานและทรงช่วยเก็บรวบรวมเศษซากวัตถุต่างๆ พระองค์ยังทรงให้คนนำรถไปส่งทหารที่ได้พบบนท้องถนน และทำให้พระนัดดาของพระองค์เกิดความรำคาญใจด้วยการมีเถาไม้เลื้อยโบราณขาดลงมาจากกำแพงของตำหนักแบดมินตัน ซึ่งพระองค์เห็นว่าเป็นอันตรายและไม่น่าดูชม ในปี พ.ศ. 2485 [[เจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งเคนต์]] พระราชโอรสองค์เล็กสิ้นพระชนม์จากอุบติเหตุทางเครื่องบินระหว่างทรงปฏิบัติราชการ ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จกลับ[[ตำหนักมาร์ลโบโร]]ในปี [[พ.ศ. 2488]] หลังจากสงครามในทวีปยุโรปสิ้นสุดลงจากการพ่ายแพ้ของ[[นาซีเยอรมัน]]
 
สมเด็จพระราชินีแมรี่บางครั้งทรงถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแสวงหาศิลปวัตถุอย่างเอาจริงเอาจังสำหรับเป็นของสะสมในพระราชวงศ์ ในหลากหลายโอกาส พระองค์ทรงปรารภกับเจ้าของบ้านหรือบุคคลอื่นว่าพระองค์โปรดปรานกับสิ่งที่พวกเขาเป็นเจ้าของมาก เพื่อหวังว่าเจ้าของจะเต็มใจถวายให้โดยสมัครใจ