ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แคทารีน เฮปเบิร์น"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม) |
||
บรรทัด 53:
ภาพยนตร์เรื่องที่สองของเฮปเบิร์นคือ ''[[คริสโตเฟอร์สตรอง]]'' (ปี 1933) เป็นเรื่องราวของนักบินและความสัมพันธ์ของเธอที่มีต่อชายที่แต่งงานแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จทางการตลาดเท่าไร แต่บทวิจารณ์เฮปเบิร์นนั้นดี<ref>Berg (2004) p. 84.</ref> เรจินา ครีวี เขียนในหนังสือพิมพ์[[นิวยอร์กจัวนัล-อเมริกัน]]ว่าแม้ว่ากิริยาท่าทางของเธอจะค่อนข้างเถื่อน แต่"กิริยาเหล่านั้นก็สามารถดึงดูดความสนใจ และทำให้ผู้รับชมต้องหลงใหลเธอ เธอมีบุคลิกชัดเจน เด็ดขาด และบุคลิกภาพด้านบวก"<ref name="higham p 44">Higham (2004) p. 44.</ref> ภาพยนตร์เรื่องที่สามของเฮปเบิร์นเป็นสิ่งยืนยันให้เธอเป็นนักแสดงหลักของฮอลลีวูด<ref name="Berg p 86">Berg (2004) p. 86.</ref> ด้วยการแสดงเป็นนักแสดงผู้ทะเยอทะยานชื่อ เอวา เลิฟเลซ บทที่ตั้งใจมอบให้กับ[[คอนสแตนซ์ เบนเนต]] ในเรื่อง ''[[มอร์นิ่งกลอรี (ภาพยนตร์ปี 1933)|มอร์นิ่งกลอรี]]'' ซึ่งทำให้เธอได้รับ[[รางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม]] เธอเคยเห็นบทวางอยู่บนโต๊ะของโปรดิวเซอร์[[ปานโดร เอส.เบอร์แมน]] และเธอเชื่อว่าเธอเกิดมาเพื่อรับบทนี้ เป็นบทที่สร้างมาเพื่อเธอ<ref>Berg (2004) p. 85.</ref> เฮปเบิร์นเลือกที่จะไม่เข้าร่วมงานประกาศรางวัล และเธอจะไม่เข้าร่วมเลยตลอดอาชีพการทำงานของเธอ แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นต่อชัยชนะมาก<ref>Berg (2004) p. 88.</ref> ความสำเร็จของเธอยังมีต่อในบท โจ ในเรื่อง ''[[สี่ดรุณี (ภาพยนตร์ปี 1933)|สี่ดรุณี]]'' (ปี 1933) ภาพยนตร์โด่งดังมาก จนกลายเป็นหนึ่งในความสำเร็จของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในช่วงเวลานั้น<ref name="haver 96" /> และเฮปเบิร์นได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก[[เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส]] เรื่อง ''สี่ดรุณี'' เป็นภาพยนตร์ที่เธอชอบเป็นการส่วนตัวและเธอพึงพอใจกับการแสดงมาก ซึ่งในภายหลังเธอบอกว่า "ฉันท้าได้เลยว่า ใครจะเล่นเป็น [โจ] ได้ดีกว่าที่ฉันเล่น"<ref name="Berg p 86" />
ปลายปีค.ศ. 1933 เฮปเบิร์นเป็นนัก
มีการฉายตัวอย่างการแสดงละครเวทีเรื่องเดอะเลคในวอชิงตัน ดี.ซี. ทำให้มีการซื้อตั๋วล่องหน้าจำนวนมาก<ref name="Berg p 92" /> ทิศทางการทำงานที่ย่ำแย่ของแฮร์ริสได้ทำลายความเชื่อมั่นของเฮปเบิร์นและเธอก็ประสบความลำบากในการแสดง<ref>Higham (2004) p. 60.</ref> ด้วยเหตุนี้แฮร์ริสจึงย้ายการแสดงไปยังนิวยอร์กโดยไม่มีการซ้อมล่วงหน้า ละครเวทีจัดแสดงที่[[โรงละครอัลเฮิร์ชเฟลด์|โรงละครมาร์ติน แบ็ค]] ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1933 และเฮปเบิร์นก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทันที<ref>Higham (2004) p. 62.</ref> [[โดโรธี ปาร์กเกอร์]] ได้เหน็บแนมว่า "เฮปเบิร์นใช้แต่ช่วงโทนเสียงอารมณ์ตั้งแต่เอถึงบีตลอดทั้งเรื่อง"<ref>Hendrickson (2013) p. [https://books.google.com/books?id=0W4n4m9RVnEC&pg=PT311 311]</ref> ด้วยต้องผูกติดกับสัญญาทั้งหมด 10 สัปดาห์ เฮปเบิร์นต้องทนลำบากใจที่ยอดขายบ็แกซ์ออฟฟิศลดลงอย่างรวดเร็ว<ref>Hepburn (1991) p. 166.</ref> แฮร์ริสจึงตัดสินใจจัดแสดงที่ชิคาโก และพูดกับเฮปเบิร์นว่า "ที่รัก ความสนใจหนึ่งเดียวที่ผมมีต่อคุณคือเงินที่ผมได้จากคุณ" เฮปเบิร์นไม่อยากแสดงในละครเวทีที่ล้มเหลวของแฮร์ริสอีกต่อไป เธอจึงจ่ายเงินให้แฮร์ริสถึง 14,000 ดอลลาร์ ซึ่งมาจากเงินเก็บชั่วชีวิตของเธอ เพื่อหยุดยั้งการจัดแสดงนี้แทน<ref>Berg (2004) p. 93.</ref> ในภายหลังเธอกล่าวถึงแฮร์ริสว่า "ตัดสินให้เป็นคนที่โหดร้ายที่สุดที่ฉันเคยพบเจอมาในชีวิต"<ref name="berg p 91">Berg (2004) p. 91.</ref> และเธออ้างว่าประสบการณ์ครั้งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สอนให้เธอมีความรับผิดชอบในอาชีพของเธอ<ref>Hepburn (1991) p. 4.</ref>
===ความล้มเหลวในอาชีพ (ค.ศ.1934-1938)===
|