ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โลกิยานุวัติ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 7:
 
==การปฏิรูปสถาบันคริสต์ศาสนาในประเทศเยอรมันีระหว่าง ค.ศ. 1795 – ค.ศ. 1814==
เมื่อมีการก่อตั้ง[[จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 10 และ 11 ระบบศักดินา ([[:en:Feudalism|Feudalism]]) ทำให้เยอรมันีและทางเหนือของอิตาลีแบ่งย่อยออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อยแต่ละแคว้นก็มีเจ้าผู้ครองนครของตนเอง มีระบบ มีสิทธิ ตำแหน่ง และความเป็นอิสระจากแคว้นอื่นทำให้การปกครองขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อจะแก้ปัญหานี้สังฆมลฑล สำนักสงฆ์ และ สำนักชีก็มอบที่ดินและตำแหน่งชั่วคราวเช่น ดยุค หรือ เคานท์ ให้กับจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เรื่อยมา การแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆโดยสถาบันคริสต์ศาสนา เหล่านี้ทำให้เกิดความขัดแย้ง จนในที่สุดพระจักรพรรดิเองก็ไม่สามารถควบคุมสถาบันศาสนาได้ สถาบันทางศาสนาก็เริ่มมีอำนาจในการปกครองแคว้นเหล่านี้มากขึ้นจนกลายเป็น “คริสต์ศาสนรัฐ” (ecclesiastical states) ระบบนี้ทำให้เกิดการคอร์รัปชันและการใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อกันภายในคริสต์ศาสนรัฐอย่างแพร่หลายซึ่งเป็นผลที่ทำให้ระบบการปกครองของสังฆบุคลากรของสถาบัน[[นิกายโรมันคาทอลิก|คาทอลิก]]เสื่อมลงและนำไปสู่[[การปฏิรูปศาสนาของนิกายโปรเตสแตนต์]]ในที่สุด
 
การแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆโดยสถาบันคริสต์ศาสนา เหล่านี้ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน จนในที่สุดพระจักรพรรดิเองก็ไม่สามารถควบคุมสถาบันศาสนาได้ สถาบันทางศาสนาเองก็เริ่มมีอำนาจในการปกครองแคว้นเหล่านี้มากขึ้นจนกลายเป็น “คริสต์ศาสนรัฐ” (ecclesiastical states) ระบบนี้ทำให้เกิดการคอร์รัปชันและการใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อกันภายในคริสต์ศาสนรัฐอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นผลที่ทำให้ระบบการปกครองของสังฆบุคลากรของสถาบัน[[นิกายโรมันคาทอลิก|คาทอลิก]]เสื่อมลง และในที่สุดก็นำไปสู่[[การปฏิรูปศาสนาของนิกายโปรเตสแตนต์]]
แต่[[การปฏิรูปศาสนาของนิกายโรมันคาทอลิก|การปฏิรูปซ้อนของนิกายโรมันคาทอลิก]]ทำให้ตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้โดยเฉพาะ Prince-Bishops กลับมารุ่งเรืองขึ้นอีกระยะหนึ่ง แต่พอเมื่อมาถึงปลาย “สงครามสามสิบปี” ([[:en:Thirty Years' War|Thirty Years' War]]) ระหว่างปีค.ศ. 1618 ถึงปีค.ศ. 1648 ระบบซึ่งผู้อยู่ภายใต้การปกครองของคริสต์ศาสนรัฐต้องขึ้นอยู่กับ Prince-Bishopsก็เสื่อมลง
 
แต่[[การปฏิรูปศาสนาของนิกายโรมันคาทอลิก|การปฏิรูปซ้อนของนิกายโรมันคาทอลิก]]ทำให้ตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้โดยเฉพาะ Prince-Bishops กลับมารุ่งเรืองขึ้นอีกระยะหนึ่ง แต่พอเมื่อมาถึงปลาย “สงครามสามสิบปี” ([[:en:Thirty Years' War|Thirty Years' War]]) ระหว่างปีค.ศ. 1618 ถึงปีค.ศ. 1648 ระบบซึ่งผู้อยู่ภายใต้การปกครองของคริสต์ศาสนรัฐศาสนรัฐ” ต้องขึ้นอยู่กับ Prince-Bishopsก็เสื่อมลง
เมื่อปีค.ศ. 1797 [[จักรพรรดินโปเลียนที่ 1]] ได้รับชัยชนะต่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์โดยผนวกดินแดนทั้งหมดทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์ตาม “สนธิสัญญาแค็มโพฟอร์มิโอ” ([[:en:Treaty of Campo Formio|Treaty of Campo Formio]]) เมื่อเสียดินแดนไปทางจักรวรรดิโรมันก็ต้องหาที่ดินชดเชยให้กับเจ้านายหรือขุนนางที่ไร้แผ่นดิน ที่ดินที่เป็นของ Prince-Bishops จึงถูกยึด หรือถูก “secularised” และแบ่งปันกันระหว่างเจ้าผู้ครองนครต่างๆในเยอรมันี
 
เมื่อปีค.ศ. 1797 [[จักรพรรดินโปเลียนที่ 1]] ได้รับชัยชนะต่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์โดยผนวกดินแดนทั้งหมดทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์ตาม “สนธิสัญญาแค็มโพฟอร์มิโอ” ([[:en:Treaty of Campo Formio|Treaty of Campo Formio]]) เมื่อจักรวรรดิโรมันเสียดินแดนไปให้กับจักรพรรดินโปเลียน ทางจักรวรรดิโรมันก็ต้องหาที่ดินชดเชยให้กับเจ้านายหรือขุนนางที่ไร้แผ่นดิน ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของ Prince-Bishops จึงถูกยึด หรือถูก “secularised” และแบ่งปันกันระหว่างเจ้าผู้ครองนครต่างๆในเยอรมันี
 
“คริสต์ศาสนรัฐ” มักจะถูกผนวกกับดินแดนของรัฐข้างเคียง คริสต์ศาสนรัฐที่รอดมาได้จากการถูกผนวกมีเพียงสามแห่ง การปฏิรูปครั้งนี้ทำให้ระบบคริสต์ศาสนรัฐเสื่อมลงและสิ่งก่อสร้างทางศาสนาทรุดโทรมลงตามไปด้วย สำนักสงฆ์และแอบบีไม่สามารถอยู่ได้ต้องส่วนใหญ่ก็ปิดกันไป