ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย ณ นคร)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
NewFrontierHistoryThai (คุย | ส่วนร่วม)
ประวัติ
NewFrontierHistoryThai (คุย | ส่วนร่วม)
กบฏไทรบุรี เจรจากับอังกฤษ
บรรทัด 86:
เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) เกิดที่เมืองนครศรีธรรมราช เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช<ref>[https://board.postjung.com/788521.html อนุสาวรีย์เจ้าพระยานคร (น้อย) ราชบุตรลับของพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่ศาลากลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช] สืบค้นเมื่อ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560</ref> ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเจ้าหญิงปราง และเป็นบุตรบุญธรรมของพระอุปราช (พัฒน์) ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็น[[เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์ ณ นคร)|เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์)]] ในพ.ศ. 2329 เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชคนที่สองต่อจากเจ้าพระยานครฯ (หนู) เมื่อเจ้าพระยานครฯ (น้อย) เจริญวัยขึ้น เจ้าพระยานครฯ (พัฒน์) ผู้เป็นบิดาบุญธรรมได้นำเจ้าพระยานครฯ (น้อย) เข้าเฝ้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กใน[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช]] พระราชทานตำแหน่งเป็น''นายสรรพวิไชย'' มหาดเล็กหุ้มแพร ต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็น''พระบริรักษ์ภูเบศร์'' ตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองนครศรีธรรมราช โปรดเกล้าฯให้กลับไปรับราชการที่เมืองนครศรีธรรมราช [[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] มีลายพระหัตถเลขาเรียกชื่อเจ้าพระยานคร (น้อย) ตอนนี้ว่า "น้อยคืนเมือง"
 
เมื่อพม่ายกทัพมาตีเมืองถลางและภูเก็ตในพ.ศ. 2352 พระบริรักษ์ภูเบศร์ (น้อย) ได้ติดตามบิดาบุญธรรมเจ้าพระยานครฯ (พัฒน์) ไปตั้งทัพเรือขึ้นที่เมือง[[ตรัง]]เพื่อยกทัพเข้าต่อสู้กับพม่าที่ภูเก็ต ฝ่ายพม่าซึ่งเข้ายึดเมืองภูเก็ตไว้ได้ยินเสียงคลื่นลมเข้าใจว่าทัพเรือไทยยกมาจึงถอยออกจากภูเก็ต พระบริรักษ์ภูเบศร์จึงนำทัพเรือของเมืองนครฯเข้ายึดเมืองภูเก็ตได้สำเร็จ
ในพ.ศ. 2354 เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) กราบทูลต่อ[[พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย]]ว่า ตนเองมีความชราภาพขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยฯจึงโปรดฯให้ตั้งพระบริรักษ์ภูเบศร์ (น้อย) ขึ้นเป็น''พระยานครศรีธรรมราช'' เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเมื่ออายุได้สามสิบห้าปี เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชคนที่สามแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และให้เลื่อนอดีตเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) เป็น''เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี'' จางวางเมืองนครศรีธรรมราช เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์) ผู้เป็นบิดาบุญธรรมถึงแก่อสัญกรรมในพ.ศ. 2357
 
ในพ.ศ. 2354 เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) กราบทูลต่อ[[พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย]]ว่า ตนเองมีความชราภาพขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยฯจึงโปรดฯให้ตั้งพระบริรักษ์ภูเบศร์ (น้อย) ขึ้นเป็น''พระยานครศรีธรรมราช'' เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเมื่ออายุได้สามสิบห้าปี เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชคนที่สามแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และให้เลื่อนอดีตเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) เป็น''เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี'' จางวางเมืองนครศรีธรรมราช ขณะนั้นสุลต่านอาหมัดทัจอุดดินฮาลิมชาฮ์ (Ahmad Tajuddin Alim Shah) แห่งไทรบุรี หรือ "ตวนกูปะแงหรัน" (Tunku Pangeran) เกิดความขัดแย้งกับตนกูบิศนู (Tunku Bisnu) ผู้เป็นน้องชาย จนฝ่ายสยามต้องไกล่เกลี่ยด้วยการให้ตนกูพิศนุมาเป็นเจ้าเมือง[[สตูล]] ตนกูบิศนูเข้านอบน้อมต่อพระยานครฯ (น้อย) ต่อมาเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์) ผู้เป็นบิดาบุญธรรมถึงแก่อสัญกรรมในพ.ศ. 2357
 
=== กบฏไทรบุรี ===
ในพ.ศ. 2363 [[พระเจ้าจิงกูจา]]แห่งพม่ามีพระราชโองการให้เตรียมเกณฑ์ทัพจากเมือง[[มะริด]]และ[[ตะนาวศรี]]เข้ารุกรานไทย ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเมื่อทรงทราบข่าวทัพพม่าจึงมีพระราชโองการให้จัดเตรียมทัพไปตั้งรับ ในขณะนั้นพระยานครฯ (น้อย) ล้มป่วยลง จึงมีพระราชโองการให้พระวิชิตณรงค์ไปรักษาการณ์เมืองนครศรีธรรมราช และให้[[พระพงษ์นรินทร์]]ซึ่งเป็นหมอหลวงเดินทางมารักษาอาการป่วยของพระยานครฯ และมีตราว่าหากทัพพม่าบุกเข้ามาให้พระยานครฯเป็นแม่ทัพ พระวิชิตณรงค์เป็นปลัดทัพ และพระพงษ์นรินทร์เป็นยกกระบัตรทัพ แต่สุดท้ายแล้วทัพพม่าก็ไม่ได้ยกมารุกรานแต่อย่างใด
 
ฝ่ายสุลต่านตวนกูปะแงหรันแห่งไทรบุรีเมื่อทราบข่าวว่าพม่าจะยกทัพมายังภาคใต้จึงติดต่อสัมพันธไมตรีกับฝ่ายพม่า ฝ่ายไทยค้นพบว่าสุลต่านแห่งไทรบุรีไปเข้ากับฝ่ายพม่าจึงมีตราเรียกเข้ามากรุงเทพฯสุลต่านไม่ไป พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงมีพระราชโองการให้พระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ยกทัพไปตีเมืองไทรบุรี พระยานครฯ (น้อย) ยกทัพเรืองจากเมืองพัทลุงและสงขลาเข้าโจมตีทางบกและยึดเมือง[[อาโลร์เซอตาร์]]เมืองหลวงของไทรบุรีได้สำเร็จในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2364 สุลต่านตวนกูปะแงหรันหลบหนีไปยัง[[เกาะปีนัง]]หรือเกาะหมาก ซึ่งไทรบุรีได้ยกให้แก่อังกฤษให้เช่าตั้งแต่พ.ศ. 2329 เมื่อยึดไทรบุรีได้แล้วพระยานครฯ (น้อย) จึงตั้งให้บุตรชายคือพระภักดีบริรักษ์ (แสง) เป็นเจ้าเมืองไทรบุรีแทน และให้บุตรชายอีกคนคือนายนุชมหาดเล็กเป็นปลัดเมืองไทรบุรี ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพระภักดีบริรักษ์ (แสง) เป็น''พระยาอภัยธิเบศร์''เจ้าเมืองไทรบุรี และแต่งตั้งนายนุชมหาดเล็กเป็น''พระเสนานุชิต''ปลัดเมืองไทรบุรี
 
=== เจรจากับอังกฤษ ===
เมื่อพระยานครฯ (น้อย) ยึดไทรบุรีแล้ว สยามจึงเข้าปกครองเมืองไทรบุรีโดยตรงโดยขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราช มีข้าราชการกรมการฯสยามเข้าปกครองไม่มีการแต่งตั้งสุลต่าน อดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรันพำนักอยู่ที่เกาะปีนังภายใต้ความคุ้มครองของอังกฤษ ฝ่ายอังกฤษที่เกาะปีนังเพื่อเห็นว่าสยามเข้าปกครองไทรบุรีโดยตรงเกรงว่าสยามจะส่งทัพมาโจมตีเกาะปีนัง [[ฟรานซิส รอว์ดอน-เฮสติงส์ มาร์เควสแห่งเฮสติงส์ที่ 1|มาร์เควสแห่งเฮสติงส์]] (Marquess of Hastings) ผู้ปกครอง[[บริติชอินเดีย]] ส่งนาย[[จอห์น ครอว์เฟิร์ด]] (John Crawfurd) เป็นทูตมายังสยามเพื่อดูท่าที นายครอว์เฟิร์ตเดินทางถึงเกาะปีนังในเดือนธันวาคม พระยานครฯ (น้อย) จึงส่งสาส์นถึงนายครอว์เฟิร์ตที่เกาะปีนังว่าฝ่ายสยามไม่มีเจตนาที่จะยกทัพบุกเกาะปีนัง เมื่อนายครอว์เฟิร์ตเดินทางถึงกรุงเทพฯในเดือนเมษายนพ.ศ. 2365 ได้ยื่นหนังสือของตวนกูปะแงหรันให้แก่พระยาสุริยวงศ์โกษา (ดิศ) กล่าวโทษพระยานครฯ (น้อย) การเจรจาระหว่างสยามและอังกฤษครั้งนั้นยังไม่ประสบผล หลังจากการปราบกบฏไทรบุรีและการเจรจากับอังกฤษ พระยานครฯ (น้อย) จึงได้เลื่อนขึ้นเป็น''เจ้าพระยานครศรีธรรมราช''
 
ต่อมาเมื่อเดือนตุลาคมพ.ศ. 2368 ฝ่ายอังกฤษส่งนาย[[เฮนรี เบอร์นี]] (Henry Burney) หรือ "หันตรีบารนี" เป็นตัวแทนของอังกฤษเข้ามาขอทำสนธิสัญญาทางการค้ากับสยาม นายเบอร์นีเดินทางถึงเมือง[[นครศรีธรรมราช]] พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) นำนายเบอร์นีเข้าไปยังกรุงเทพฯ นำไปสู่การตกลง[[สนธิสัญญาเบอร์นี]] (Burney Treaty) ในเดือนมิถุนายนพ.ศ. 2369 โดยมีผู้แทนฝ่ายสยามได้แก่[[กรมหมื่นสุรินทรรักษ์]] [[สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)|เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ)]] และเจ้าพระยานครฯ (น้อย)
 
ต่อมาได้เลื่อนบรรดาศักดิ์และตำแหน่งหน้าที่สูงขึ้นเป็นพระยานครศรีธรรมราช และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์สุดท้ายที่ '''เจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช ชาติเดโชชัย มไหสุริยาธิบดี''' ผู้สำเร็จราชการเมืองนครศรีธรรมราช<ref>[http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=23320.0 เจ้าพระยานคร (น้อย)] สืบค้นเมื่อ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554</ref>