ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
NewFrontierHistoryThai (คุย | ส่วนร่วม)
รับทูตบาเลสเตียร์
NewFrontierHistoryThai (คุย | ส่วนร่วม)
เลื่อนขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยาฯ
บรรทัด 26:
 
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ เริ่มรับราชการใน[[รัชกาลที่ 1]] ในตำแหน่ง''นายสนิทหุ้มแพรมหาดเล็ก'' ต่อมาใน[[รัชกาลที่ 2]] ดำรงตำแหน่งเป็น''จมื่นเด็กชา'' หัวหมื่นมหาดเล็กใน[[กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์]]วังหน้า เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ทิวงคตในปีพ.ศ. 2360 จึงย้ายกลับมารับราชการในวังหลวงตำแหน่งจางวางมหาดเล็ก ต่อมาได้เลื่อนเป็น ''พระยาศรีสุริยวงศ์'' ในเวลาต่อมา ในพ.ศ. 2361 มีการขยายพระบรมมหาราชวังลงมาทางทิศใต้ พระยาศรีสุริยวงศ์ (ทัต) และพระยาสุริยวงศ์มนตรี (ดิศ) ผู้เป็นพี่ชายจึงย้ายที่อยู่ไปยังริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกใต้[[ชุมชนกุฎีจีน|บ้านกุฎีจีน]]<ref>http://www.bunnag.in.th/history7-home2.html</ref> [[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ทรงแต่งตั้งให้พระยาศรีสุริยวงศ์ (ทัต) ขึ้นเป็น''พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา''จางวางพระคลังสินค้า
 
ในพ.ศ. 2372 พระยาศรีพิพัฒน์ฯ (ทัต) ปฏิสังขรณ์วัดร้างเดิมใน[[เขตคลองสาน]]<ref>http://www.bunnag.in.th/history7-temple3.html</ref>ใกล้กับนิวาสสถานและถวายขึ้นเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯพระราชทานนามว่า "วัดพระยาญาติการาม" (ต่อมา[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดพิชัยญาติการาม")
 
ในปีพ.ศ. 2381 ทาสในเรือน<ref name=":0" />ของพระสุริยอภัย (สนิท) บุตรชายคนโตของพระยาศรีพิพัฒน์ฯ ฟ้องร้องว่าพระสุริยอภัยลักลอบติดต่อสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ[[เจ้าจอมอิ่ม ในรัชกาลที่ 3|เจ้าจอมอิ่ม]] พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯโปรดฯให้[[กรมหลวงรักษ์รณเรศ]]สืบสวนพบมีมูลความจริง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯทรงมีพระเมตตาโปรดฯให้พระยาศรีพิพัฒน์ฯขอพระราชอภัยโทษขึ้นมา แต่พระยาศรีพิพัฒน์ฯทูลว่าคนผิดต้องได้รับโทษขอให้ลงพระอาญาไปตามพระอัยการจึงจะสมควร<ref>http://www.bunnag.in.th/prarajpannuang010.html</ref> พระสุริยอภัย (สนิท) บุตรชายคนโตของพระยาศรีพิพัฒน์ฯจึงถูกประหารชีวิต
 
=== ปราบกบฏหวันหมาดหลี ===
เส้น 37 ⟶ 41:
ในเดือนเมษายนพ.ศ. 2393 นายโยเซฟ บาสเลสเตียร์ (Joseph Balestier) ทูตของสหรัฐอเมริกาเดินทางมายังกรุงเทพเพื่อเจรจาขอแก้หนังสือสัญญา เนื่องจากในขณะนั้นเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) กำลังเดินทางไปสักเลกยังหัวเมืองฝ่ายตะวันตก พระยาศรีพิพัฒน์ฯและจมื่นไวยวรนาถ (ช่วง) จึงเป็นผู้ต้อนรับทูตแทน นายบาเลสเตียร์เข้าพบพระยาศรีพิพัฒน์ฯที่บ้านและพระยาศรีพิพัฒน์ฯกล่าวทักทายปราศรัยนายบาเลสเตียร์ แต่นายบาเลสเตียร์โกรธว่าฝ่ายสยามมัวแต่พูดจาทำให้เสียเวลา และหยิบจดหมายของประธานาธิบดีจากในกระเป๋าเสื้อยื่นให้พระยาศรีพิพัฒน์ฯแล้วขอเข้าเฝ้าฯ พระยาศรีพิพัฒน์ฯตอบว่าจะต้องให้ขุนนางสยามถวายหนังสือก่อนแล้วค่อยเข้าเฝ้าฯ นำไปสู่การทุ่มเถียง<ref name=":0">เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค). '''พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๓'''.</ref>ระหว่างพระยาศรีพิพัฒน์ฯและนายบาเลสเตียร์จนสุดท้ายนายบาเลสเตียร์เดินออกจากบ้านพระยาศรีพิพัฒน์ฯไป เมื่อเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) กลับมาถึงกรุงเทพฯ นายบาเลสเตียร์จึงฟ้องเจ้าพระยาพระคลังฯว่าพระยาศรีพิพัฒน์ฯดูถูกทูตอเมริกาและประเทศอเมริกา<ref name=":0" /> สุดท้ายนายบาเลสเตียร์จึงเดินทางออกจากกรุงเทพฯไปโดยการเจรจาแก้สัญญาไม่ประสบผล
 
=== เลื่อนขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยาฯ ===
ต่อมาในรัชกาลที่ 4 โปรดให้เรียกพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาว่า '''เจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ''' และโปรดเกล้าให้เป็น '''สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ''' ให้สำเร็จราชการทุกสิ่งใน[[พระนคร]] รวมทั้งว่าที่พระคลังสินค้า คนทั่วไปนิยมเรียกท่านว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย" (เรียก[[สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)|สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์]] พี่ชายของท่านว่าว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่")
เมื่อ[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเมื่อเดือนเมษายนพ.ศ. 2394 โปรดฯให้เรียกพระยาศรีพิพัฒน์ฯ (ทัต) ว่า''เจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ''ไปก่อน ต่อมาจึงมีพระราชโองการจารึกสุพรรณบัฏเนื้อแปด แต่งตั้งพระยาศรีพิพัฒน์ฯขึ้นเป็น ''สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ นรเนตรนารถราชสุริยวงศ สกลพงศประดิษฐา มุขมาตยาธิบดี ไตรสรณศรีรัตนธาดา สกลมหารัชชาธิเบนทร ปรเมนทรมหาราชวโรประการ มโหฬารเดชานุภาพบพิตร'' ถือศักดินา 30,000 พระราชทานกลดเสลี่ยงงาพระแสงประดับพลอยลงยาราชาวดีเป็นเครื่องยศอย่างเจ้าต่างกรม เป็นผู้สำเร็จราชการภายในพระนครและว่าที่พระคลังสินค้าเช่นเดิม ถือตราจันทรมณฑลเทพบุตรชักรถ ในขณะที่เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ผู้เป็นพี่ชายได้รับการแต่งตั้งเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ คนทั่วไปกล่าวขานนามสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่" ในขณะที่กล่าวนามสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย"
 
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติเป็นหนึ่งในคณะผู้แทนสยามในการเจรจา[[สนธิสัญญาเบาว์ริง]] (Bowring Treaty) ในเดือนเมษายนพ.ศ. 2398 สนธิสัญญาของสยามกับสหรัฐอเมริกาโดยมีนาย[[ทาวน์เซนด์ แฮร์ริส]] เป็นผู้แทนในเดือนพฤษภาคมพ.ศ. 2399 เรียกว่า สนธิสัญญาแฮร์ริส (Harris Treaty) และสนธิสัญญากับฝรั่งเศสในเดือนสิงหาคมพ.ศ. 2399 โดยมีนายชาลส์ เดอ มงตีญี (Charles de Montigny) เป็นผู้แทนของพระ[[จักรพรรดินโปเลียนที่ 3]]
 
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ เป็นแม่กองสร้าง[[วัดสุทัศน์เทพวราราม]] สร้าง[[ภูเขาทอง|พระปรางค์ภูเขาทอง]] [[วัดสระเกศ]] สร้าง[[วัดปทุมวนาราม]] สร้าง[[พระอภิเนาว์นิเวศน์]]และ[[พระที่นั่งไชยชุมพล]] ซ่อม[[พระที่นั่งสุทไธสวรรย์]] ใน[[พระบรมมหาราชวัง]] นอกจากนี้ท่านยังมีความสามารถในการเดินเรือ เป็นผู้ต่อเรือบาร์จ (เรือท้องแบน) ขนาด 300 ตัน และเรือสกูนเนอร์ ขนาด 200 ตัน ใช้เดินทางติดต่อค้าขายถึง[[ศรีลังกา]]
 
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ พิไชยญาติถึงแก่พิราลัยในเมื่อปี [[พ.ศ. 2400]] อายุ 66 ปี ขณะเป็นแม่กองสร้าง[[สวนนันทอุทยาน]]เป็นผลงานชิ้นสุดท้าย ในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2400 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯพระราชทานเพลิงศพสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติที่วัดพิชัยญาติการาม<ref name=":0" />
 
== เกียรติยศ ==