ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การ์โล อูร์บานี"

อูร์บานี ติดโรคซาร์สมาจากคนไข้ที่เขารักษาในฮานอย ห้องผู้ป่วยแยกที่โรงพยาบาลในกรุงเทพของเขาถูกจัดขึ้นมาเป็นการเฉพาะและต้องสื่อสารกับบุคคลภายนอกผ่านโทรศัพท์ภายในเท่านั้น แม้แต่จูเลียนา คีออร์รีนี ผู้เป็นภรรยา ก็มีโอกาสได้เข้าพบขณะมีสติเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และได้บ่นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่รับผิดชอบต่อลูก ๆ วัย 4 - 17 ปี ทั้งสามคนของเขา จากการเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการรักษาคนไข้ดังกล่าว<ref>{{Cite web | url=http://www.logifranchi.it/nel_mondo/cronaca/2003_2004/8_urbani/8_urbani.htm | title=8 - Carlo Urbani - Una vita per gli altri}}</ref> แต่เขาตอบกลับว่า "ถ้าหากผมไม่ทำงานในส่วนนี้ แล้วผมจะมาอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร? จะให้อ่านอีเมลล์ ไปงานสังสรรค์ค็อกเทล และทำงานจำเจไปวัน ๆ เช่นนั้นหรือ?"<ref>[https://www.nytimes.com/2003/04/08/science/sciencespecial/08PROF.html Disease's Pioneer Is Mourned as a Victim], Donald G. McNeil Jr., The New York Times, April 8, 2003</ref> ต่อมาอาการของเขาทรุดหนักจนต้องใช้[[เครื่องช่วยหายใจ]] และช่วงเวลสั้นเวลาสั้น ๆ ที่เขามีสติ เขาได้ขอบาทหลวงให้บาทหลวงประกอบพิธีศีลสุดท้าย (last rites) และเก็บเนื้อเยื่อปอดของเขาไว้เพื่อการวิจัยทางการแพทย์ (อ้างอิงจากสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย) อูร์บานีเสียชีวิตเมื่อเวลา 11 นาฬิกา 45 นาทีของวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2546 รวมระยะเวลาในการรักษาผู้ป่วยหนัก (intensive care) ทั้งสิ้น 18 วัน