ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Viewwwwww (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 19:
| spouse = ใน[[พระเจ้าเฟลีเปที่ 2 แห่งสเปน]]
| house =[[ราชวงศ์ทิวดอร์|ทิวดอร์]]
| father = [[พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 8]]
| mother = [[แคเธอรีนแห่งอารากอน พระราชินีแห่งอังกฤษ|แคเธอรีนกาตาลินาแห่งอารากอน]]
| birth_date = {{Birth date|1516|2|18|df=yes}}
| birth_place = [[พระราชวังพลาเซ็นเทีย|วังพลาเซ็นเทีย]], [[กรีนิช]], [[ราชอาณาจักรอังกฤษ|อังกฤษ]]
บรรทัด 35:
 
== ช่วงต้นของชีวิต ==
สมเด็จพระราชินีนาถแมรีทรงเป็นธิดาของ [[สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 8]] กับ พระมเหสีองค์แรกคือ[[สมเด็จพระราชินีแคทเธอรีน แห่งอกาตาลินาแห่งอารากอน|สมเด็จพระราชินีกาตาลินาแห่งอังกฤษ]] พระองค์มีพระกนิษฐาที่สิ้นพระชนม์แต่แรกเกิดและพระเชษฐา 3 พระองค์ที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุยังน้อย รวมทั้ง[[ดยุกเฮนรีแห่งคอร์นวอร์]] ทางพระมารดาของพระองค์ พระองค์เป็นพระนัดดาใน[[พระเจ้าเฟรนานโดที่เฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน]] กับ [[สมเด็จพระราชินีอิซาเบลลาที่ 1 แห่งคาสตีล]] พระนางประสูติที่[[พระราชวังพลาเซนเทีย]]ใน [[กรีนิช]] กรุง[[ลอนดอน]]เมื่อวันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2059 และเข้า[[พิธีศีลจุ่ม]]ในวันพฤหัสบดี กับ [[พระคาร์ดินัล]] โธมัส วอลซี เจ้าหญิงแมรีประชวรอยู่เสมอ ความสามารถในการมองเห็นไม่ค่อยดี เป็นไซนัสอักเสบ และมักจะปวดพระเศียรอยู่เสมอ
 
อย่างไรก็ตาม แมรีเป็นเด็กที่มีความสามารถมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน การศึกษาความสามารถต่าง ๆ พระองค์ทรงได้มาจากพระมารดาของพระองค์ แมรีได้ทรงศึกษาภาษากรีก วิทยาศาสตร์และดนตรีด้วย ในเดือนกรกฎาคม [[พ.ศ. 2064]] มีพระชนมายุ 5 ชันษา พระองค์ได้ต้อนรับแขกต่างเมืองด้วยการแสดงเล่นเวอร์จินนอล พระเจ้าเฮนรีได้โอ้อวดในแขกผู้มาเยี่ยมว่า "เด็กหญิงผู้ไม่เคยร้องไห้"
บรรทัด 46:
เลดี้ แมรี่ถูกขับไล่ออกจากราชวงศ์ ทำให้เธอต้องมาคอยรับใช้เจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระนางไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบพระมารดาอีกและไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมพิธีฝังศพพระมารดาใน [[พ.ศ. 2079]] พระนางแอนน์ โบลีนพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้พระเจ้าเฮนรียอมรับให้ผู้ทรงปัญญามีอำนาจในการปกครองโบสถ์แห่งอังกฤษ โดยปฏิเสธคนจากสันตะปาปาและยอมรับว่าการสมรสของบิดา มารดาของพระนางเป็นอันผิดกฎหมาย
 
เลดี้ แมรี่คาดว่าปัญหาทุกอย่างจะจบลงเมื่อสมเด็จพระราชินีแอนน์ โบลีนถูกถอนยศและถูกประหารชีวิตใน [[พ.ศ. 2079]] และเจ้าหญิงเอลิซาเบธถูกลดชั้นมาเป็น''เลดี้ เอลิซาเบธ'' เช่นเดียวกับพระนางและถูกตัดออกจากการสืบสันติวงศ์ หลังจากพระนางแอนน์ โบลีนถูกประหารไปเพียง 2 สัปดาห์ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ได้อภิเษกสมรสใหม่กับ[[สมเด็จพระราชินีเจน เซมัวร์]]ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์หลังจากให้กำเนิดโอรส ผู้ซึ่งต่อมาคือซึ่งก็คือ [[พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 แห่งอังกฤษ]] เลดี้ แมรี่ต้องกลายเป็นแม่อุปถัมภ์ให้แก่พระอนุชา และเป็นผู้ที่โศกเศร้ามากที่สุดในวันฝังพระศพสมเด็จพระราชินีเจน เซมัวร์ ต่อมาพระเจ้าเฮนรียินยอมให้พระนางเข้ามาอาศัยในพระราชวังหลวงได้
 
ในปี [[พ.ศ. 2086]] พระเจ้าเฮนรีได้อภิเษกสมรสกับพระมเหสีองค์ที่ 6 และเป็นองค์สุดท้าย คือ [[สมเด็จพระราชินีแคทเธอรีน พารร์]] ปีต่อมา พระเจ้าเฮนรีได้ให้เลดี้ แมรี่ และ เลดี้ เอลิซาเบธกลับคืนสู่ราชวงศ์ อย่างไรก็ตามทั้งสองพระองค์ก็ยังเป็นลูกนอกสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย
บรรทัด 54:
== สิทธิในการครองราชย์ ==
[[ไฟล์:Lady Jane Grey van de Passe.jpg|thumb|left|200px|เลดี้เจน เกรย์]]
เมื่อ[[พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 แห่งอังกฤษ]]เสด็จสวรรคตด้วย[[วัณโรค]]ในวันที่ [[6 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2096]] สิริพระชนมายุชนมพรรษาได้ 15 พรรษา พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไม่ต้องการให้เจ้าหญิงแมรี่รีครองราชสมบัติ เพราะเกรงว่าพระนางจะฟื้นฟูโรมันคาทอลิกและอาจล้มล้างการปฏิรูปศาสนาของพระองค์ เพราะเหตุผลนี้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงวางแผนที่จะตัดพระนางออกจากสิทธิในการสืบราชบัลลังก์ อย่างไรก็ตามที่ปรึกษาของพระองค์ไม่แนะนำให้ตัดสิทธิของเจ้าหญิงแมรี่ แต่พระองค์ก็ตั้งใจให้สิทธิในการครองราชย์แก่เจ้าหญิงเอลิซาเบธ แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ตัดสิทธิในการครองราชย์ทั้งสองคน พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้ให้สิทธิในการครองราชย์แก่[[เลดี้เจน เกรย์]] ลูกสะใภ้ของ[[จอห์น คัดเลย์เอิร์ล แห่ง วอร์วิก]] ต่อมากฎหมายใน [[พ.ศ. 2087]] ได้ให้เจ้าหญิงทั้งสองกลับมาสู่สิทธิในการสืบราชสมบัติอีกครั้ง เมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดสิ้นพระชนม์ เจ้าหญิงแมรี่ได้ถูกเรียกตัวกลับมา[[ลอนดอน]] อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกพระนางสงสัยว่าการเรียกตัวครั้งนี้อาจเป็นข้ออ้างในการจับกุมพระนาง ในการกระทำครั้งนี้เป็นการทำให้ เลดี้เจน เกรย์รับสิทธิในการครองราชย์สะดวกขึ้น ในวันที่ [[10 กรกฎาคม]] เลดี้เจน เกรย์ยอมรับในการขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ การครองราชย์ของเจน เกรย์มีผู้สนับสนุนน้อย หลังจากนั้น 9 วันพระนางได้ถูกเชิญลงจากตำแหน่ง เจ้าหญิงแมรี่ได้เดินทางมาลอนดอนท่ามกลางผู้สนับสนุนมากมาย ท้ายที่สุด เลดี้เจน เกรย์ และ จอห์น ดัดเลย์ ถูกส่งไปจำคุกและคอยการประหารที่หอคอยลอนดอน
 
พระราชกรณียกิจแรกของสมเด็จพระราชินีแมรี่คือแมรีคือ สั่งให้ปลดปล่อยโรมันคาทอลิก และสั่งจำคุก[[โธมัส ฮอเวิร์ด]] และ[[สตีเฟน การ์ดิเนอร์]] ที่หอคอยลอนดอน สมเด็จพระราชินีแมรี่ได้เข้าพิธีสวมมงกุฏในวันที่ [[1 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2096]]
 
== ครองราชย์ ==
บรรทัด 62:
[[ไฟล์:Felipe of Spain and MariaTudor.jpg|thumb|180px|left|พระเจ้าเฟลิเปและพระนางแมรี]]
[[ไฟล์:Portrait of Philip II of Spain by Sofonisba Anguissola - 002b.jpg|thumb|180px|พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน]]
เมิ่อสมเด็จพระราชินีราชินีนาถแมรี่รีมีพระชนมายุชนมพรรษาได้ 37 พรรษา พระนางเริ่มเอาใจใส่ในการหาคู่และสร้างทายาท เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าหญิงเอลิซาเบธซึ่งเป็นโปรแตสแตนต์เป็นทายาทสืบบัลลังก์ต่อจากพระนาง พระนางได้ปฏิเสธ เอ็ดเวิร์ด เคาน์เทอนี เอิรล์แห่งเดวอน เมื่อพระนางคาดการณ์ไว้ว่า พระญาติของพระนางคือ[[สมเด็จพระจักรพรรดิชาลส์ที่คาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิคาร์ลที่ 5]] ได้แนะนำให้พระองค์สมรสกับบุตรของเขา ซึ่งเป็นเจ้าชายแห่ง[[สเปน]]คือ ฟิลิป ซึ่งต่อมาคือ [[พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน]] เมื่อพระนางทอดพระเนตรรูปของเจ้าชายฟิลิป พระนางก็ตกหลุมรักและยืนยันจะอภิเษกสมรสกับเขา ทั้งคู่อภิเษกสมรสกันวันที่ [[25 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2096]] ทั้งที่พระเจ้าฟิลิปไม่เคยรักพระนางเลยแต่พระองค์สมรสเพื่อต้องการครอบครองราชอาณาจักรอังกฤษเพื่อผนวกอังกฤษเข้ากับสเปน
 
=== การเมืองในประเทศ ===
บรรทัด 72:
พระราชินีแมรี่ได้ปรองดองกับทาง[[โรม]]และฟื้นฟู[[นิกายโรมันคาทอลิก]] [[พระคาดินัล]] [[เรจินาด โพล]] บุตรชายของเคานท์เตสแห่งซาลิสเบอรี่ได้เป็น ''อาร์คบิชอปแห่งเคนเตอร์บูลี่'' และพระนางได้สั่งประหาร [[โธมัส เครนเมอร์]]ผู้ซึ่งเห็นชอบกับการหย่าของพระบิดาและพระมารดาของพระนาง พระนางทรงไว้ใจเรจินาด โพลเป็นอย่างมาก
 
กฎหมายของพระเจ้าเอ็ดเวิรด์เกี่ยวกับการศาสนาได้ถูกเลิกล้มโดยกฎหมายแรกของรัฐสภาซึ่งพระนางแมรี่เห็นชอบด้วย (พ.ศ. 2096) และโบสถ์ได้ฟื้นฟูอีกครั้ง พระนางได้ชักชวนให้สภายกเลิกกฎหมายว่าด้วยนิกาย[[โปรเตสแตนต์]]ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัย[[พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 8]] และได้มีการเห็นพ้องกันมากหลาย
พระนางได้ชักชวนให้สภายกเลิกกฎหมายว่าด้วยนิกาย[[โปรเตสแตนต์]]ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัย[[สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8]] และได้มีการเห็นพ้องกันมากหลาย
 
=== การลงโทษ ===
ผู้นำนิกายโปรเตสแตนต์ถูกประหารไปมากมายใน[[การลงโทษมาเรียน]] ชาวโปรเตสแตนต์ที่ร่ำรวยได้ตัดสินใจออกนอกประเทศ ประมาณ 800 คนที่หนีออกจากประเทศ ผู้ที่ถูกฆ่าด้วยเรื่องของศาสนาที่สำคัญได้แก่ [[จอห์น โรเจอร์]] ([[4 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2098]]) , [[ลอเรนซ์ ซอนเดอร์]] ([[8 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2098]]) , [[โรว์แลนด์ เทย์เลอร์]] ([[9 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2098]]) และ [[จอห์น โฮเปอร์]] บิชอปแห่งโกลเชสเตอร์ ([[9 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2098]]) โดยรวมมีชาวโปรเตสแตนต์ถูกฆ่าถึง 284 คน
 
=== นโยบายเกี่ยวกับต่างประเทศ ===
เส้น 91 ⟶ 90:
== สวรรคต ==
[[ไฟล์:Mary1 by Eworth 3.jpg|thumb|180px|สมเด็จพระราชินีแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ วาดโดย ฮันส์ เอวอร์ท]]
สมเด็จพระราชินีแมรีที่ 1 เสด็จสวรรคตในวันที่ [[17 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2101]] สิริพระชนมายุชนมพรรษาได้ 42 พรรษา ที่[[พระราชวังเซนต์เจมส์]] การสวรรคตของพระนางถูกพิจารณาว่าสาเหตุเนื่องมาจากการพยายามมีทายาทของพระนาง ทั้งที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แต่พระนางคิดว่าตัวพระนางเองมีบุตรจึงเกิดภาวะครรภ์เทียมทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมลงเรื่อย ๆ จนสวรรคตแต่การสวรรคตของพระองค์ยังสรุปไม่ได้ว่าสวรรคตด้วยภาวะครรภ์เทียมหรือทรงเป็นเนื้องอกในมดลูก ผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระนางคือพระขนิษฐาต่างมารดา เจ้าหญิงเอลิซาเบธซึ่งต่อมาเป็น[[สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ]]
 
== พระราชสมบัติอันโด่งดัง ==
พระราชสมบัติสมบัติที่ตกทอดมาแต่สมเด็จพระราชินีนาถแมรี่ที่ 1 ที่ได้รับการกล่าวขานคือ [[ไข่มุก La Peregrina]] อันโด่งดัง [[ไข่มุก]]รูปทรงหยดน้ำสีขาวอมชมพู ขนาด 50 กะรัตนี้ (1 กะรัตหนัก 0.2 กรัม) ถูกพบที่ เกาะไข่มุก [[อ่าวปานามา]] ปี ค.ศ. 1513 โดยทาสชาวแอฟริกา น้ำหนักแรกพบคือ 223.8 เกรน (55.95 กะรัต) เมื่อล้างทำความสะอาดเหลือน้ำหนัก 203.84 เกรน (50 กะรัต) La Peregrina ในภาษาสเปนหมายถึง "ผู้พเนจร" ซึ่งขณะที่พบนั้นนับเป็นไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันกลายเป็นไข่มุกที่มีรูปทรงลูกแพร์ที่ใหญ่ที่สุดเม็ดหนึ่งของโลก [[พระเจ้าเฟอร์ดินานที่ 5]] แห่งสเปน (ค.ศ. 1479-1516) นำมุกนี้ไปประดับมงกุฏและตกทอดถึงพระเจ้าชาร์ลที่ 5 จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ค.ศ. 1516-1556) พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน พระโอรสของชาร์ลที่ 5 (ค.ศ. 1556-1598) แล้วไข่มุกนี้ถูกนำไปมอบแก่สมเด็จพระราชินีนาถแมรี่ที่ 1 โดยทรงนำมาทำเข็มกลัดพระดับพระอุระ โดยใช้ทรงในวันอภิเษกสมรสกับพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปนในปี ค.ศ. 1554 ด้วย แม้เวลาทรงงานก็ทรงเสมอๆเสมอ ๆ
 
หลังจากที่พระนางแมรี่ที่ 1 สวรรคตในปี ค.ศ. 1558 ไข่มุกถูกนำกลับสเปนนานถึง 250 ปี พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งสเปนทรงนำไปประดับบนหมวกทรงของพระองค์ สมเด็จพระราชินีแห่งสเปนหลายพระองค์ถัดมาทรงโปรดปรานยิ่งนัก บ้างก็ทรงนำไปประดับเข็มกลัด จี้พระศอ จนเมื่อ[[สมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส]]ยกสเปนให้[[โจเซฟ โบนาปาร์ต]] พี่ชาย โจเซฟมาถึงมาดริดได้ครองสเปนใน ค.ศ. 1808 ภายหลังได้นำไข่มุกกลับฝรั่งเศสและมอบไข่มุกต่อให้หลานขอบเขา ชาร์ล หลุยส์ นโปเลียน ซึ่งต่อมาคือ [[สมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 3]] หลังจากนั้นไข่มุกก็ถูกขายไปอยู่ในมือครอบครัว ดยุกแห่งอเบอร์คอน ( the Dukes of Abercorn) ปี ค.ศ. 1848 ในลอนดอน โดยมีมาร์ควิสที่ 2 แห่งอเบอร์คอน ลอร์ดเจมส์ เฮอร์มิตัน (2nd Marques of Abercorn) เป็นเจ้าของ เขาได้มอบไข่มุกนี้พร้อมชุดเครื่องประดับไข่มุกแก่ภรรยา Lady Louisa Jane Russel ซึ่งเธอได้ทำหายไปในงานเลี้ยงอาหารคำที่ปราสาทวินเซอร์ เธอสั่งหยุดรถไฟแล้วกลับไปหาก็พบอยู่บนโซฟา ในที่สุดเธอก็มอบไข่มุกเม็ดงามแก่บุตรชาย 2nd Duke of Abercorn เป็นคนต่อมาก่อนตกสู่มือของผู้ครอบครองคนปัจจุบันคือ ดาราฮอลลีวูดที่โด่งดังพอๆ กับไข่มุก [[อลิซาเบธ เทย์เลอร์]] โดยเธอได้รับเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ในปี ค.ศ. 1969 จาก[[ริชาร์ด เบอร์ตัน]] (คนเดียวกับที่มอบเพชร เทย์เลอร์-เบอร์ตัน สีขาว ขนาด 68 กะรัตให้เธอ ) ในการประมูลที่อังกฤษ the House of Sotheby กรุงลอนดอน ในราคา 37,000 เหรียญ และริชาร์ดได้ค้นพบว่า สมเด็จพระราชินีนาถแมรี่ที่แมรีที่ 1 ทรงไข่มุกเม็ดนี้ด้วยจากภาพวาดพระนางใน British National Portrait Gallary (ภาพบนสุดจะเห็นได้ว่าพระนางแมรี่ทรงไข่มุกไว้ที่พระอุระ) อลิซาเบธได้ปรับปรุงจากเข็มกลัดเดิมไปเป็นจี้ไข่มุกเดี่ยวตรงกลางจี้ประดับทับทิมและเพชรซึ่งไข่มุกจะห้อยอยู่ด้านล่างสุดใส่ร่วมชุดกับสร้อยไข่มุกนำงามสายคู่ ผลงานการออกแบบนี้เป็นของคาร์เทียร์ โดยรวมแล้วว่ากันว่าเครื่องประดับที่เธอเป็นเจ้าของทั้งหมดมีมูลค่ารวมแล้วถึง 200 ล้านเหรียญซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นของกำนัลจากสามีหลายๆหลาย ๆ คนของเธอเองมอบให้
 
== อ้างอิง ==