ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยิวยิตสู"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Talesss (คุย | ส่วนร่วม)
→‎ประวัติ: แก้ไขไวยากรณ์
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Buffet~thwiki (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 31:
 
ถึงแม้ปัจจุบันจะหาหลักฐานถึงการสอนจูจุสึในไทยได้ค่อนข้างน้อย
แต่ก็ยังมีบันทึกถึงเรื่องการฝึกจูจุสึในช่วงแรก เช่น โรงฝึกแรกที่ชื่อเรนบูกัน
 
และ ห้องยิมของโรงเรียนเทพศิรินทร์ ซึ่งมีการสอนจูจุสึและมีชื่อเสียงจากการแข่งขันกับโรงเรียนอื่น ๆ
 
ในหนังสืออนุสรณ์งานศพของ'''ครูทิม อติเปรมานนท์'''
<ref>เข้าถึงได้จากhttps://archive.org/details/unset0000unse_v4f6</ref>
'''บิดาแห่งยูโดของประเทศไทย'''
สายดำ (โชดัน) เกียรตินิยมคนแรกของประเทศไทย จากสถาบันโกโดกวัน กรุงโตเกียว
ได้มีการกล่าวถึงประวัติญูญิตสูไว้หลายส่วน รวมถึงในคำไว้อาลัยด้วย ซึ่งพอจะนำมาบางส่วน เช่น
 
'''คุณสิทธิผล ผลาชีวิน''' เขียนคำอาลัยไว้ว่า
ถ้าพูดถึง “ยูโด”แล้วเมื่อใด ก็ย่อมระลึกถึง “คุณครูทิม อติเปรมานนท์” เมื่อนั้น คุณครูทิมได้ทุ่มเทจิตใจของท่านตั้งแต่วัยหนุ่มฉกรรจ์ จนวันสุดท้ายของชีวิตเพื่อสั่งสอน อบรม เผยแพร่ “ยูโด” ให้แก่เยาวชนไทยจนเจริญแพร่หลายทั่วประเทศ ด้งที่ได้รู้ได้เห็นอยู่ ณ บัดนี้ ไม่เป็นการล่วงล้ำก้ำเกินเลยถ้าข้าพเจ้าจะกล่าวสรรเสริญท่านด้วยน้ำใสใจจริงว่า คุณครูทิม คือท่านจิโกโร คาโน เมืองไทยนั่นเอง
ท่านเริ่มชีวิตยูโด ซึ่งสมัยนั้นกระทรวงศึกษาธิการยังเรียกว่า “ญูญิตสู” ตั้งแต่อายุ ๑๕ ปี ด้วยร่างกายอันกำยำล่ำสันมะขามข้อเดียว อกผายไหล่ผึ่งยิ่งกว่าหนุ่มๆนักเรียนพลศึกษาด้วยกัน หน้าตาท่าทางเอาจริงเอาจังเกินกว่าใครๆทั้งโรงเรียน ทำให้ท่านกลายเป็นศิษย์เอกของพระอาจารย์หม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิวงศ์ สวัสดิกุล ซึ่งทรงศึกษาวิขา “ญูญิตสู” มาจากประเทศฝรั่งเศส ด้วยที่ท่านรับราชการอยู่ในกระทรวงต่างประเทศจึงไม่มีเวลาว่างพอที่จะสอนได้สม่ำเสมอ เมื่อได้ทรงถ่ายทอด “ญูญิตสู” ให้แก่บรรดาครูและนักเรียนพลศึกษาหลายท่าน รวมทั้งศิษย์เอก ทิม อติเปรมานนท์ ท่านทรงแจ้งไปยังกระทรวงศึกษาธิการในสมัย ๕๐ กว่าปีนั้นว่า ควรรับวิชานี้เข้าหลักสูตรพลศึกษาสอนเด็กไทยให้เป็นไว้ และทรงเขียนตำราญูญิตสูเล่มแรกของเมือไทยขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖ ตั้งชื่อว่า “ตำรากายบริหารวิชาญูญิตสู” มีภาพครูทิม อติเปรมานนท์และครูเตี่ยน เหมะสกุล ครูพลศึกษาคนที่ ๑ ของเมืองไทย เป็นผู้แสดงแบบ กระทรวงศึกษารับเข้าหลักสูตรสอนนักเรียนไทยมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๕๖ และสั่งให้ครูทิม อติเปรมานนท์ไปสอนวิชาญูญิตสูให้แก่นักเรียนสวนกุหลาบ บวรนิเวศ และปทุมคงคา เป็น ๓ โรงเรียนแรก ต่อมาโรงเรียนต่างๆได้เริ่มฝึกบ้าง เช่น เทพศิรินทร์ บ้านสมเด็จเจ้าพระยา เบญจมบพิตร ต่อมากระทรวงส่งเสริมด้วยการจัดการแข่งขัน เมื่อพ.ศ.๒๔๖๘ ข้าพเจ้ายังเรียนอยู่ชั้น ม.๔ เมื่อโรงเรียนเลิกแล้วก็มาดูผู้ใหญ่เขาเล่นญูญิตสูกันที่อาคารไม้ของพลศึกษากลางในโรงเรียนสวนกุหลาบทุกวัน ผู้ได้รับเกียรติเป็นผู้สอนวิชาญูญิตสูคนแรกของโรงเรียนพลศึกษากลางคือ ครูทิม อติเปรมานนท์ และ ได้ทำการสอนติดต่อกันมาประมาณ ๔๐ ปีเศษ
คุณครูทิมจะแต่งตัวด้วยเสื้อกางเกงแบบญูญิตสู คาดสายรัดเอวสีขาวยืนเด่นเป็นสง่าบนเบาะญูญิตสูต่อหน้าพวกเรานักเรียนฝึกหัดครูพลศึกษากลาง ซึ่งตั้งอยู่ในโรงเรียนสวนกุหลาบ
ผู้ใดภูมิใจว่าเป็นนักญูญิตสู ผู้นั้นย่อมเป็นลูกศิษย์ของคุณครูทิม อติเปรมานนท์ ทั้งประเทศ
 
ขึ้นชื่อว่าเป็น “โชดัน” ของยูโด สายดำเป็นเสมือนของศักดิ์สิทธิ์ของวิชายูโด สำนักโกโดกวันจะไม่ยอมให้สายดำแก่บุคคลใด ถ้าหากบุคคลนั้นไม่มีความรู้ในวิชายูโดอย่างจริงจัง เฉพาะชาวต่างประเทศก็ยิ่งถูกกวดขันเป็นพิเศษขึ้นอีก สายสามารถเข็มขัดดำแบ่งออกเป็นชั้นๆ ๙ ชั้น เริ่มด้วยชั้นที่ ๑ หรือ โชดัน จนถึงชั้นที่ ๙ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ชั้น ๑-๕ เข็มขัดดำล้วน, ชั้น ๖-๘ มีสิทธิที่จะใช้ผ้าคาดเองสีแดงสลับขาวแทนสีดำ เรียก “ศาสตราจารย์ยูโด”, ชั้น ๙ ใช้สีแดงล้วนแทนสีดำและมีคนเดียวในพิภพคือ จิโกโร คาโน
ในประเทศไทย เกียรติคุณของครูทิม อติเปรมานนท์ แพร่หลายทั่วประเทศ บรรดาครูพลศึกษาที่สอบอยู่ตามโรงเรียนทั่วราชอาณาจักรล้วนเป็นลูกศิษย์ครูทิมทั้งสิ้น ต่อมาชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาอยุ่ในเมืองไทยได้เชิญศิษย์ครูไปแข่งขันในโรงยิมของชาวญี่ปุ่น ก็แปลกใจว่า เห็นพวกเราคาดเข็มขัดขาว แต่สามารถเอาชนะเขาซึ่งคาดสายสูงกว่าได้ แม้แต่ครูของเราก็คาดสีขาวเหมือนกัน เป็นข่าวไปถึงสำนักโกโดกวัน ณ กรุงโตเกียว ท่านจิโกโร คาโน ปลาบปลื้มใจที่วิชาของท่านแพร่หลายมาถึงเมืองไทย ได้ส่งศาสตราจารย์ยูโด ฟูมิมาโร คุโรยามะ มาพร้อมกับศิษย์สายดำอีก ๒ ท่าน มาเป็นทางการผ่านสถานฑูตญี่ปุ่นในประเทศไทยติดต่อกระทรวงศึกษาธิการขอชมการเล่นญูญิตสูของบรรดาศิษย์ครูทิม โดยเล่นกันที่ตึกสามัคยาจารย์สมาคม ศาสตราจารย์ ฟูมิมาโร คุโรยามะแปลกใจมาก ที่เห็นพวกเราเล่นได้ดีเกินคาดสมคำเล่าลืม เพื่อสัมพันธไมตรีอันดีต่อไปภายหน้า สำนักโกโดกวันของท่านศาสตราจารย์จิโกโร คาโน ได้มอบสายดำ(โชดัน) เกียรตินิยมมาพร้อมกับท่านเพื่อมอบให้แก่ คุณครูทิม อติเปรมานนท์ เป็นคนแรกของไทยหรือของโลกทีเดียว เพราะไมมีชาวต่างประเทศคนใดที่ท่านจิโกโร คาโนจะส่งสายดำนี้ไปให้เลย
 
'''คุณกอง วิสุทธารมณ์''' เขียนคำอาลัยไว้ว่า
คุณทิม อติเปรมานนท์ เป็นนักพลศึกษา มาตั้งแต่เข้ารับราชการครั้งแรกเมื่อ ๑ มิถุนายน ๒๔๖๖ ณ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่ออายุได้ ๑๘ ปี เศษ ในสมัยที่ยังหนุ่มแน่นแข็งแรง คุณทิม อติเปรมานนท์ ได้สร้างชื่อเสียงให้ตนเองและโรงเรียนเป็นอันมาก เคยชกมวยไทยคาดเชือกไม่สวมนวม หน้าพระที่นั่งสมัยรัชกาลที่ ๖ ประสบชัยชนะอย่างงดงาม เป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชายูโด จนสถาบันโกโดกวันแหน่งประเทศญี่ปุ่นให้ได้รับสายดำเป็นเกียรติพิเศษ เป็นที่นิยมรักใคร่ของศิษยานุศิษย์ทั้งปวง เป็นคนอารมเยือกเย็น สุขุม มองทุกสิ่งทุกอย่างในแง่ดีทั้งสิ้น มีความซื่อสัตย์ กตัญญู และความมานะอดทนเป็นสำคัญ
 
'''หลวงพิพัฒพลกายทิม''' เขียนคำอาลัยไว้ว่า
เป็นศิษย์ประจำชั้น ม.๑ ที่ข้าพเจ้าเคยสอนมาในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เป็นเด็กล่ำสัน แข็งแรง มีน้ำใจ กล้าหาญบึกบึนดีมาก ข้าพเจ้าชักชวนให้เรียนวิชา “ญูญิตสู” (ยูโด) เขาก็พอใจเรียน ระหว่างที่กำลังเรียนแกร่งกล้าในวิชานี้นั้น เขาอยู่กับคุณลุงของเขาที่ตึกแถวหน้าวัดเลียบ ก่อนย้ายมาอยู่บ้านข้าพเจ้าที่สี่แยกคอกวัวหลังที่ลุงของเขาถึงแก่กรรม ซึ่งเวลานั้น นิยม ทองชิตร์ ก็อยู่กับข้าพเจ้าด้วย เด็กคู่นี้อยู่ ร.ร.สวนกุหลาบด้วยกัน เป็นนักเรียนญูญิตสูด้วยกัน เป็นคู่เล่นกันทุกเวลาที่ข้าพเจ้าสอน ทิมเก่งวิธียาว ในการต่อสู้ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่เสมอ ในเชิงมวย ทิมเก่งไม้สั้น นิยมเก่งไม้ยาว ซึ่งข้าพเจ้าพอใจเด็กคู่นี้มาก ที่น่าขันคือ เวลาหยุดเทอมปลาย ทั้งคู่จะต้องออกไปเที่ยวชมภูมิประเทศบ้นเมืองของเราเสมอ ก่อนไปก็เห็นปรึกษาหารือกันถูกอกถูกใจ พอไปถึงปลายทางแล้วเป็นต้องขัดใจเกิดทะเลาะกันทุกครั้ง เวลากลับบ้านก็ไม่มาพร้อมกัน ครั้นสิ้นเทอมปลายใหมก็ไปด้วยกันอีกทุกปี แต่ไม่เคยชกต่อยกัน ทิมมีความรู้ภาษาอังกฤษพอใช้ เขาประจำอยู่ห้องอาจารย์ซัตตันทุกวัน เว้นแตเวลาพลศึกาา เขาต้องไปสอนแทนข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าย้ายไปอยู่ ร.ร.นายเรือ ธนบุรี
 
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ แต่ไม่ปรากฎการอ้างอิงที่แน่ชัด ได้ระบุถึงประวัติญูญิตสูในไทยุคแรกว่ายังมีที่
โรงฝึกแรกที่ชื่อเรนบูกัน และ ห้องยิมของโรงเรียนเทพศิรินทร์ ซึ่งมีการสอนจูจุสึและมีชื่อเสียงจากการแข่งขันกับโรงเรียนอื่น ๆ
โดยมีนักจูจุสึที่โด่งดังจากการแข่งขัน เช่น ฉลวย อัศวนนท์, ประจันต์ วัชรปาน, จำรัส ศุภวงศ์ , แถม สุดกังวาล,
ปิ่น วิจารณ์บุตร, เชษฐ์ วิลิตกุล, สำราญ สุขุม ซึ่งบางคนได้เป็นผู้ที่ได้ไปรับวิชายูโดเข้ามาในประเทศไทยต่อมา